xs
xsm
sm
md
lg

โบรกเกอร์เวียดให้คนละล้านโบนัสซื้อใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<CENTER><FONT color=#3366ff> พนักงานของธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งชูกธนบัตรใบละ 100,000 ด่งที่มัดรวมกันเป็นปึกหนา เทศกาลตรุษปีนี้บริษัทหลักทรัพย์บางแห่งเตรียมเงินเป็นฟ่อนๆ จ่ายโบนัสซื้อใจพนักงาน </FONT></CENTER>

ผู้จัดการรายวัน-- บริษัทธุรกิจในเวียดนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือกลุ่มหลักทรัพย์กับกองทุนต่างๆ กำลังพิจารณาจัดสรรเงินก้อนใหญ่เพื่อปูนบำเหน็จพนักงานในเทศกาลตรุษ (Tet) ที่กำลังจะมาถึง ผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์บางแห่งกล่าวว่า นี่เป็นทางเดียวที่จะรักษาพนักงานดีเด่นเอาไว้ได้

พนักงานจำนวนหนึ่งกำลังชั่งน้ำหนักว่า ตัวเขาเองควรจะอยู่ที่เดิมหรือหางานใหม่ที่จ่ายเงินเดือนสูงกว่า ให้โบนัสมากกว่า ในธุรกิจที่กำลังแก่งแย่งบุคลากรแบบเอาเป็นเอาตายเช่น บริษัทโบรกเกอร์ซื้อขายหุ้น

ผู้บริหารของหลายบริษัทบ่นอุบ เนื่องจากปีที่แล้วคณะกรรมการบริหาร "ขี้เหนียว" ไปหน่อย ทำให้สูญเสียพนักงานชั้นหัวกะทิไปเป็นจำนวนมาก

นายเหวียนยวีหุ่ง (Nguyen Duy Hung) ประธานบริษัทไซ่ง่อนหลักทรัพย์ (Saigon Securities Incorporated) หรือ SSI กล่าวว่าปีนี้ บริษัทฯ ได้ตกลงจัดสรรเงินโบนัสประจำปี 2007 ก้อนใหญ่ เป็นเงินถึง 200,000 ล้านด่ง สำหรับพนักงานราว 400 คน ซึ่งหมายความว่าแต่ละคนจะได้โบนัสราว 500 ล้านด่ง

ด้วยอัตราแลกเปลี่ยน 16,400 ด่งต่อดอลลาร์สหรัฐ เทศกาลตรุษปีนี้พนักงาน SSI ทุกคนจะได้รับเงินโบนัสคนละ 30,487.8 ดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยคนละ 1,036,585 บาท เมื่อคิดอัตราแลกเปลี่ยน 34 บาทต่อ 1 ดอลลาร์

นายหุ่งไม่ต่างกับผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์อีกหลายคนที่เชื่อว่า การจ่ายโบนัสงามๆ เป็นหนทางที่จะรักษาทรัพยากรบุคคลที่ล้ำค่าเอาไว้ เพราะว่าในปัจจุบันพนักงานที่มีประสบการณ์ มีฝีมือ มีความสามารถและภาษาอังกฤษดีหาได้ยากยิ่งในยุคตลาดหุ้นเฟื่องฟู
<CENTER><FONT color=#3366ff>พนักงานตลาดหุ้นโฮจิมินห์ขยันขันแข็ง แต่เนื่องจากเป็นหน่วยงานของรัฐบาลเงินเดือนจึงต่ำกว่าบริษัทหลักทรัพย์ของของเอกชนมาก ผู้บริหารของที่นี่บ่นอุบแก้ปัญหาสมองไหลไม่ตก (ภาพ: AFP)  </FONT></CENTER>
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ของเอกชนหลายแห่งมีแนวโน้มที่จะจัดสรรเงินโบนัสให้แก่พนักงาน ตามความสามารถของแต่ละคนหรือตามผลกำไรที่แต่ละคนสามารถทำให้แก่องค์กรได้ในปี 2550 พนักงานบริษัทของรัฐแห่งต่างๆ ไม่สามารถรับเงินโบนัสเกินเพดานที่รัฐบาลกำหนด

ฐานเงินเดือนพนักงานบริษัทของรัฐแห่งต่างๆ ต่ำกว่าของบริษัทเอกชนอย่างไม่สามารถเทียบกันได้ ซึ่งได้ทำให้เกิดสมองไหลซ้ำแล้วซ้ำเล่า

หัวหน้าแผนกธุรกิจของบริษัทหลักทรัพย์รัฐบาลแห่งหนึ่งในกรุงฮานอยกล่าวว่า ปัจจุบันตนเองรับเงินเดือนๆ ละ 10 ล้านด่ง (ราว 610 ดอลลาร์) จะได้รับเงินโบนัสไม่เกินเพดาน 30 ล้านด่ง (1,830 ดอลลาร์)

นายเจิ่นวันยวุ๋ง (Tran Van Dung) ผู้อำนวยการศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์กรุงฮานอย (Hanoi Securities Trading Center) หรือ HASTC กล่าวว่า พนักงานใหม่จะได้รับเงินเดือนๆ ละ 2.2 ล้านด่ง (ประมาณ 135 ดอลลาร์) เท่านั้น และเงินโบนัสสูงสุดที่เป็นไปได้ก็จะต้องไม่เกิน 3 เท่าของเงินเดือน

นายยวุ๋งกล่าวว่า ศูนย์ซื้อขายหุ้นฮานอยสูญเสียบุคคลากรไปเป็นจำนวนมากในปีที่ผ่านๆ มา เนื่องจากพนักงานที่มีอายุการทำงาน1-2 ปี มักจะออกล่าเงินเดือนกับเงินโบนัส ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในเวียดนาม ประเทศที่ค่าครองชีพสูงมาก อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยปี 2550 สูงกว่า 12%

ผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์รัฐบาลหลายแห่งได้ทำหนังสือขออนุญาตไปยังต้นสังกัด เพื่อขอปรับเงินเดือนและเงินตอบแทนพิเศษให้แก่พนักงานที่มีความสามารถและมีผลงานดีเด่นในระดับต่างๆ ให้สูงกว่ารัฐกรทั่วๆ ไป

นางเลถิบั่งเติม (Le Thi Bang Tam) ประธานสตรีบริษัทเงินทุนของรัฐ (State Capital Investment Corporation) หรือ SCIC กล่าวว่า บริษัทขาดแคลนพนักงานมาโดยตลอดเนื่องจาก ส่วนใหญ่ได้ลาออกไปทำงานกับบริษัทของเอกชนที่เสนอค่าตอบแทนสูงกว่า
<CENTER><FONT color=#3366FF> นักลงทุนขยัน ไปตลาด ในช่วงต้นปี 2550 ซึ่งดัชนี VN-Index กำลังร้อนแรงจัด (ภาพ: AFP) </FONT></CENTER>
สำหรับพนักงานที่มีประสบการณ์ มีฝีมือและความสามารถรอบด้านอาจจะได้รับเงินเดือน 3,000-4,000 ดอลลาร์ ในบริษัทโบรกเกอร์เอกชนหรือกองทุนแห่งต่างๆ ขณะที่พนักงานของ SCIC รับเงินเดือนไม่กี่ล้านด่ง

นักวิเคราะห์กล่าวว่าตลาดหุ้นเวียดนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดหลักทรัพย์นครโฮจิมินห์มีผลประกอบการดีขึ้นกว่าเมื่อปีที่แล้วมาก แม้ว่าดัชนีซื้อขายจะไม่สามารถฝ่าแนวต้าน 1,000 จุดไปได้ตามที่คาดหมายกันเอาไว้ก็ตาม

นักวิเคราะห์เห็นตรงกันว่าปี 2550 ตลาดหุ้นโฮจิมินห์ได้ปรับตัวจนกระทั่งมีเสถียรภาพระดับหนึ่งแล้ว หุ้นแต่ละตัวสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงมากขึ้น กลายเป็นตลาดที่น่าลงทุนมากยิ่งขึ้น

ในปี 2549 ศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์นครโฮจิมินห์มีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดกว่า 140% และร้อนแรงยิ่งขึ้นในช่วงต้นปี 2550 ซึ่งดัชนีพุ่งขึ้นไปกว่า 1,100 จุด ก่อนจะตกลงไปใต้ 900 จุด และไต่ระดับขึ้นๆ ลงๆ ระหว่าง 900-1,000 จุดในช่วงปลายปี

สภาพเช่นนี้ยิ่งทำให้โบรกเกอร์รายต่างๆ ต้องทุ่มเงินซื้อตัวพนักงานที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการคิดวิเคราะห์ทิศทางการซื้อขายประจำวัน สร้างผลกำไรให้แก่นักลงทุนที่เป็นลูกค้าให้ได้มากที่สุด

เจ้าหน้าที่บริษัทหลักทรัพย์ของรัฐบาลคนหนึ่งกล่าวว่า นับตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมาได้เปลี่ยนงานแล้ว 4 ครั้ง ในวันนี้เจอะหน้าค่าตาเพื่อนเก่าแต่ละครั้งก็จะไต่ถามทุกข์สุขกันด้วยประโยคฮิตที่ว่า "ตอนนี้ทำงานที่ไหน?" \

นายยวุ๋งกล่าวกับสำนักข่าวออนไลน์แห่งหนึ่งเมื่อต้นสัปดาห์นี้ยอมรับว่า SSI ก็กำลังมองหาพนักงานยอดฝีมือเพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่ง เพื่อไปช่วยยกระดับ ปรับปรุงเทคโนโลยีบริหารจัดการเกี่ยวกับการโอนเงินและการซื้อขายหลักทรัพย์ แต่มีงบประมาณไม่พอที่จะจ้างคนเหล่านั้น

ดัชนีหุ้นเวียดนาม (VN-Index) ปิดลงที่ 921 จุดในวันซื้อขายสิ้นปี 2550 คิดเป็นอัตราเพิ่ม 22.6% จากปี 2549 แต่ลดต่ำลง 21.6% หากเทียบกับในช่วงที่ดัชนีร้อนแรงพุ่งขึ้นถึง 1,164 จุดในเดือน มี.ค.

ขนาดของตลาดหุ้นเวียดนามก็ใหญ่โตขึ้นมากในปีที่ผ่านมามูลค่าซื้อขายรวมของตลาด 2 แห่งเพิ่มขึ้นเป็น 30,800 ล้านดอลลาร์ เท่ากับ 43.7% ของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ หรือ จีดีพี.

บริษัทจดทะเบียนที่ศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ฮานอยเพิ่มขึ้นเป็น 61 จากเพียง 26 บริษัทเมื่อปีที่แล้ว ส่วนตลาดหลักทรัพย์นครโฮจิมินห์ บริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็น 179 บริษัทจากไม่ถึง 100 เมื่อสิ้นปี 2549.
กำลังโหลดความคิดเห็น