สถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้น่าห่วง เมื่อแนวโน้มที่คาดว่าจะมาถึงเร็วและรุนแรงกว่าปกติ ดัชนี Southern Oscillation Index (SOI) บ่งชี้ว่าปีนี้ ปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Nino) จะส่งผลให้เกิดภาวะภัยแล้งที่รุนแรงในรอบ 17 ปี และปรากฏการณ์นี้กำลังส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อภาคเกษตรกรรมของไทย โดยเฉพาะในการทำนาปรังที่ต้องใช้น้ำในปริมาณมาก
'เกษตรกรผู้ปลูกข้าว' จำเป็นต้องปรับตัวและมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการรับมือกับภัยแล้ง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการหันมาปลูกพืชผักที่ใช้น้ำน้อยเพื่อทดแทนการทำนา ช่วยเพิ่มรายได้ที่ขาดหายไป
ปัจจุบัน แม้เกษตรกรจะมีทางเลือกในการปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยมากขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ การเลือกสายพันธุ์ที่ดี มีคุณภาพ ทนทานต่อโรคและสภาพอากาศ ให้ผลผลิตดี และเก็บเกี่ยวได้เร็ว บริษัท เจียไต๋ จำกัด ผู้นำธุรกิจเกษตรครบวงจรที่อยู่เคียงคู่วงการเกษตรไทยมากว่า 99 ปี มีความเข้าใจในความต้องการของเกษตรกรเป็นอย่างดี และมุ่งดำเนินการการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกษตรกรได้มีเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพเพื่อใช้ในการประกอบอาชีพ และสามารถส่งมอบผลผลิตที่สดใหม่และปลอดภัยให้กับผู้บริโภค
วโรนนท์ ดวงสุวรรณ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์(Product Management) ธุรกิจเมล็ดพันธุ์ บริษัท เจียไต๋ จำกัด กล่าวว่า “สถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้มีแนวโน้มที่รุนแรงและแผ่วงกว้าง ส่งผลกระทบต่อการเกษตร โดยเฉพาะการทำนาในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เพราะการทำนาต้องใช้น้ำปริมาณมาก ดังนั้นการปรับเปลี่ยนมาปลูกพืชที่ใช้น้ำในปริมาณน้อยลงจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับเกษตรกร เจียไต๋เชื่อว่าการเพาะปลูกที่ดีนั้น จะต้องเริ่มมาจากเมล็ดพันธุ์คุณภาพ เราจึงดำเนินงานวิจัยและพัฒนาพันธุ์พืชมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยความตั้งใจที่จะส่งมอบเมล็ดพันธุ์ที่ดีให้กับเกษตรกร ซึ่งไม่เพียงจะช่วยให้เกษตรกรมีทางเลือกในการสร้างรายได้ แม้ในภาวะแล้งเท่านั้น ผู้บริโภคเองยังจะได้รับประทานผักที่มีคุณภาพที่ปลูกโดยเกษตรกรไทยของเราอีกด้วย”
เจียไต๋ แนะนำตัวอย่างเมล็ดพันธุ์คุณภาพดีที่เกษตรกรสามารถเลือกปลูกในช่วงฤดูแล้งเพื่อทดแทนการทำนาปรัง ได้แก่
1.แตงโมพันธุ์ซอนญ่าพลัส เมล็ดพันธุ์ขายดีอันดับ 1 แห่งปีของเจียไต๋ เนื้อแน่นกรอบ รสชาติหวาน ปลูกง่าย และทนต่อโรค เป็นที่ถูกใจทั้งคนปลูก คนรับซื้อ และผู้บริโภค แตงโมซอนญ่าพลัสมีระยะเก็บเกี่ยว 65 วันหลังจากหยอดเมล็ด ให้ผลผลิตประมาณ 4,000 กิโลกรัมต่อไร่
2.ฟักทองทองอำพัน 346 และฟักทองทองอำไพ 342 เป็นอีกผลผลิตจากความเชี่ยวชาญของเจียไต๋ที่เป็นผู้นำตลาดเมล็ดพันธุ์ฟักทองมาอย่างยาวนาน ฟักทองทองอำพัน 346 และฟักทองทองอำไพ 342 เป็นฟักทองลูกใหญ่ที่เนื้อเหนียว รสชาติหวานมัน ทรงสวย ก้นหนาทนทานต่อการขนส่ง และเป็นที่ต้องการของตลาด มีระยะเก็บเกี่ยว 90 วันหลังจากหยอดเมล็ด ผลผลิตประมาณ 4,000 กิโลกรัมต่อไร่
3.ข้าวโพดหวานสีม่วงรอยัลริช โดดเด่นด้วยสีม่วงสะดุดตา สามารถรับประทานได้ทั้งแบบสดและแบบต้ม ปลูกได้ทุกภาคของประเทศ เนื่องจากได้รับการพัฒนาสายพันธุ์ให้ทนต่อสภาพอากาศร้อนของไทย นอกจากนี้ไหมสีม่วงยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง สามารถนำมาแปรรูปทำเป็นชาเพื่อสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง ข้าวโพดหวานสีม่วง รอยัลริชมีระยะเก็บเกี่ยว 65-70 วันหลังจากหยอดเมล็ด ผลผลิตประมาณ 2,500 กิโลกรัมต่อไร่
สำหรับเกษตรกรที่กำลังมองหาทางเลือกในการปลูกผักที่ใช้น้ำน้อยเพื่อทดแทนรายได้ที่ขาดหายไปจากการทำนา เจียไต๋ยังมีสายพันธุ์พืชผักอีกมากมายที่ได้รับการพัฒนาให้มีอัตราการงอกดี ให้ผลผลิตคุณภาพเกรดเอ ทนทานต่อโรค และทนทานต่อการขนส่ง สามารถปลูกทดแทนข้าวนาปรัง และช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคงให้เกษตรกร เช่น มะระเพชรแพร บวบเหลี่ยมแบล็คกรีน บวบงูเสนกกี้ แตงร้านเขียวอมตะ 2 แตงกวาเขียวมาลัย 2 มะเขือเทศซีซั่นไนท์ มะเขือเทศสีดากัญญา02 มะเขือเทศสีดาเพชรรุ่ง02 พริกขี้หนูดวงเศรษฐี พริกหนุ่มหยกสวรรค์ และพริกหนุ่มหยกสยาม
อีกทั้งยังมีบุคลากรที่พร้อมให้คำแนะนำในการเพาะปลูกอย่างครบวงจร เพื่อคอยช่วยติดตาม ประเมินผล และช่วยเสริมสร้างความรู้ให้เกษตรกรสามารถเพาะปลูกได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดี สร้างรายได้ที่มั่นคง ตามวิสัยทัศน์ของบริษัทในการส่งมอบนวัตกรรมการเกษตรเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าอย่างยั่งยืนให้กับผู้คนทั่วทั้งภูมิภาค