xs
xsm
sm
md
lg

ไทยพัฒน์ ส่องเทรนด์ CSR 2563 "ปีแห่งการเป็นผู้ประกอบความยั่งยืน" แนะธุรกิจใช้ SDG-in-process ตอบโจทย์ความยั่งยืนโลก

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ
สถาบันไทยพัฒน์ มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประกาศแนวโน้ม CSR ปี 2563 ใน 6 ทิศทางสำคัญ พร้อมแนะภาคธุรกิจนำเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) มาผนวกเข้ากับกระบวนการทางธุรกิจ ในรูปแบบ SDG-in-process เพื่อส่งมอบคุณค่าให้แก่ธุรกิจและผลกระทบที่ดีต่อโลกไปพร้อมกัน

ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ ประธานสถาบันไทยพัฒน์ กล่าวว่า “การขับเคลื่อนเรื่องความยั่งยืนของภาคธุรกิจในปีนี้ จะเกี่ยวข้องกับ 3 คำสำคัญ คือ การให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มอย่างทั่วถึง ภายใต้กระแสที่เรียกว่า Stakeholder Capitalism หรือ วิถีทุนนิยมที่เอื้อต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งธุรกิจที่จะดำเนินการตามวิถีนี้ จะต้องมีการกำหนดสิ่งที่เรียกว่า Corporate Purpose หรือ ความมุ่งประสงค์ของกิจการ ที่จำต้องสอดรับกับพัฒนาการด้านความยั่งยืนในระดับสังคม รวมถึงการตอบสนองต่อ SDGs โดยเฉพาะผลกระทบของกิจการที่มีต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Corporate SDG Impact”
องค์ประกอบในภาคความมุ่งประสงค์ (Purpose) ภาคปฏิบัติการ (Performance) ที่คำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องในทุกกลุ่ม และภาคผลกระทบ (Impact) ที่มีต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน สถาบันไทยพัฒน์ เรียกรวมว่าเป็น ภาวะผู้ประกอบความยั่งยืน หรือ Sustainpreneurship ที่กิจการต้องสร้างความเชื่อมโยงให้เกิดขึ้นระหว่าง Purpose - Performance - Impact ด้วยการดำเนินงานในรูปแบบ SDG-in-process โดยผนวกเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนเข้ากับกระบวนการทางธุรกิจ และส่งมอบคุณค่าให้แก่ธุรกิจและผลกระทบที่ดีต่อโลกไปพร้อมกัน
ในปีนี้ สถาบันไทยพัฒน์ ได้ทำการประเมินทิศทางความรับผิดชอบต่อสังคม หรือ CSR ภายใต้รายงานที่มีชื่อว่า 6 ทิศทาง CSR ปี 2563: The Year of Sustainpreneurship เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับหน่วยงานและองค์กรธุรกิจในการใช้เป็นแนวทางเสริมสร้างภาวะผู้ประกอบความยั่งยืนให้เกิดขึ้น ในอันที่จะส่งมอบคุณค่าร่วมแก่ผู้มีส่วนได้เสียทั้งผู้ถือหุ้น พนักงาน ลูกค้า ผู้ส่งมอบ ชุมชนท้องถิ่น และสังคมโดยรวม
ปี 2563 จึงเป็นปีที่ให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย(Stakeholders) หรือเรียกว่า “The Year of Sustainpreneurship” ปีแห่งการเป็นผู้ประกอบความยั่งยืนโดยทุกกิจการจะต้องให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม ตั้งแต่ พนักงาน ลูกค้า ผู้ถือหุ้น ผู้ส่งมอบ ชุมชนท้องถิ่นและสังคมโดยรวม แบ่งออกเป็น 6 ทิศทาง ได้แก่

ทิศทางที่ 1 Investing in Employees การพัฒนาบทบาทพนักงานที่เป็นมากกว่า “ทรัพยากร” (Resources) แต่เป็น “ทุน” (Capital) ของกิจการ
ทิศทางที่ 2 Delivering Shared Value to Customers การส่งมอบคุณค่าร่วมจาก “กระบวนการทางธุรกิจ” ในรูปแบบ CSR-in-Process มาสู่ “ตัวผลิตภัณฑ์” ในรูปแบบCSR-in-Product
ทิศทางที่ 3 Dealing Fairly and Ethically with Suppliers การเสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขัน จากการปฏิบัติต่อคู่ค้าอย่างเป็นธรรม
ทิศทางที่ 4 Supporting the Local Communities การสนับสนุนและพัฒนาชุมชนท้องถิ่น จากรูปแบบ CSR-after-process มาสู่ CSR-in-process
ทิศทางที่ 5 Valuing ESG Investors for Greater Impact การทำให้คุณค่ากับผู้ลงทุนที่ใช้ปัจจัยด้าน ESG ในการพิจารณาตัดสินใจลงทุน เพื่อสร้างผลกระทบที่ดีต่อโลก
ทิศทางที่ 6 Collaborating with Local Government การทำงานร่วมกับภาครัฐในฐานะหุ้นส่วนการพัฒนาที่ยั่งยืน(Partnership for Sustainable Development)

วรณัฐ เพียรธรรม และฌานสิทธิ์ ยอดพฤติการณ์ ในช่วงการเสวนาเรื่อง  Corporate SDG Impact: From Purpose to Performance
ในช่วงการเสวนาเรื่อง ' Corporate SDG Impact: From Purpose to Performance ' เป็นการแนะนำแนวทางสำหรับภาคธุรกิจในการตอบสนองต่อ SDGs ด้วยชุดตัวชี้วัดหลักในกระบวนการธุรกิจ และเครื่องมือ SDG Business Model Canvas สำหรับใช้เสริมสร้างภาวะผู้ประกอบความยั่งยืนให้เกิดขึ้นในกิจการ ด้วยการดำเนินงานในรูปแบบ SDG-in-process โดย วรณัฐ เพียรธรรม ผู้อำนวยการสถาบันไทยพัฒน์ และ ฌานสิทธิ์ ยอดพฤติการณ์ วิทยากรสถาบันไทยพัฒน์
วรณัฐ เพียรธรรม ผู้อำนวยการสถาบันไทยพัฒน์ กล่าวว่า “นับแต่แต่ที่ SDGs ประกาศใช้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว องค์กรธุรกิจที่มีการตอบสนองต่อ SDGs โดยส่วนใหญ่ แสดงความเชื่อมโยงของการดำเนินการไปที่ระดับเป้าประสงค์ (Goal-level) 17 ข้อ และมีกิจการอีกบางส่วนที่แสดงความเชื่อมโยงไปได้ถึงระดับเป้าหมาย (Target-level) แต่ด้วยเครื่องมือ SDG Business Model Canvas ที่สถาบันไทยพัฒน์พัฒนาขึ้น จะเป็นครั้งแรกที่ภาคธุรกิจ สามารถแสดงความเชื่อมโยงของการดำเนินงานไปถึงระดับตัวชี้วัด (Indicator-level) ได้อย่างเป็นทางการ ตามแนวทางที่องค์การภายใต้สหประชาชาติให้การรับรอง และอนุมัติให้ใช้เป็นข้อมูลแสดงความก้าวหน้าของการดำเนินงาน ภายใต้เป้าหมายที่ 12.6 ตั้งแต่นี้ไป จนครบวาระของ SDGs ในปี ค.ศ.2030”
ด้าน ฌานสิทธิ์ ยอดพฤติการณ์ วิทยากรสถาบันไทยพัฒน์ กล่าวถึง “เครื่องมือ SDG Business Model Canvas ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่าง Purpose - Performance - Impact ที่นำไปสู่การพัฒนาภาวะผู้ประกอบความยั่งยืน (Sustainpreneurship) ของกิจการ และชุดตัวชี้วัดหลักจำนวน 15 รายการ (33 ตัวชี้วัด) สำหรับใช้เป็นจุดตั้งต้นหรือจุดนำเข้าที่แสดงถึงการมีส่วนในการตอบสนองต่อ SDGs และเป็นตัวชี้วัดที่กิจการจำเป็นต้องใช้ในการประเมินผลกระทบด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล ซึ่งหาพบได้ในรายงานของกิจการ และในกรอบการรายงานที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน”
นอกจากนี้ ได้มีการแนะนำหนังสือ “Corporate SDG Impact: From Purpose to Performance” ที่สถาบันไทยพัฒน์ จัดทำขึ้นเพื่อช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถนำเสนอข้อมูลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง ภายใต้บริบทของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และใช้เป็นเครื่องวัดการดำเนินงานในระดับกิจการ เพื่อให้ได้ข้อมูลในระดับตัวชี้วัด (Indicator-level SDGS) ที่มีความคล้องจองกับข้อมูล SDGs ที่รัฐบาลจัดเก็บในระดับประเทศ
ผู้สนใจสามารถติดต่อขอรับหนังสือ Corporate SDG Impact: From Purpose to Performance ได้ที่สถาบันไทยพัฒน์ (ไม่มีค่าใช้จ่าย) ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมทางเว็บไซต์ www.thaipat.org