xs
xsm
sm
md
lg

รู้จัก “โคอาลา” ก่อนจะสูญพันธุ์ !?

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โคอาลา (koala) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมีกระเป๋าหน้าท้อง จำพวกพอสซัม (ไม่ใช่หมี) ตัวเมียจะมีกระเป๋าหน้าท้อง สำหรับให้ลูกอ่อนอาศัยอยู่ แต่จากการที่มีลักษณะรูปร่างหน้าตาคล้ายสัตว์ในตระกูลหมีและชอบอยู่บนต้นไม้ ทำให้ถูกเรียกว่า "หมีโคอาลา" หรือ "หมีต้นไม้"

ในปีค.ศ.1798 มีบันทึกครั้งแรกว่าพบโคอาลา ข้อมูลรายละเอียดของโคอาลาเริ่มถูกตีพิมพ์ในซิดนีย์กาเซ็ตต์ ค.ศ.1816 นักธรรมชาติวิทยาชาวฝรั่งเศส อองรี-มารีย์ ดูโครเตย์ เดอ แบลงวิลล์ ตั้งชื่อทางวิทยาศาสตร์ให้ว่า Phascolarctos ซึ่งมาจากภาษากรีก โดยเกิดจากคำ 2 คำรวมกัน คือคำว่า "กระเป๋าหน้าท้องของจิงโจ้" และคำว่า "หมี" ต่อมานักธรรมชาติวิทยาชาวเยอรมัน ยอร์จ ออกัส โกลด์ฟัสส์ ได้ตั้งชื่อที่เฉพาะเจาะจงลงไปว่า cinereus ซึ่งหมายถึง "สีขี้เถ้า"


ส่วนชื่อสามัญคำว่า "โคอาลา" มาจากภาษาอะบอริจินี มีความหมายว่า "ไม่กินน้ำ" เนื่องจากพฤติกรรมที่เป็นสัตว์ไม่ดื่มน้ำเลย เพราะได้รับน้ำในปริมาณที่เพียงพอจากใบยูคาลิปตัสอยู่แล้ว

โคอาลาที่อยู่ทางตอนใต้มีขนาดใหญ่กว่าที่อื่น ตัวผู้สูงประมาณ 30.8 นิ้ว หรือ 78 เซนติเมตร มีน้ำหนักเฉลี่ย 26 ปอนด์ หรือ 11.8 กิโลกรัม ขณะที่ตัวเมียสูงประมาณ 28 นิ้ว หรือ 72 เซนติเมตร น้ำหนักเฉลี่ยของตัวเมียอยู่ที่ 17.4 ปอนด์ หรือ 7.9 กิโลกรัม ส่วนโคอาลาที่อยู่ทางตอนเหนือ ตัวผู้มีน้ำหนักเฉลี่ย 14.3 ปอนด์ หรือ 6.5 กิโลกรัม ขณะที่ตัวเมียน้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ 11.2 ปอนด์ หรือ 5.1 กิโลกรัม โคอาลาแรกเกิดมีน้ำหนักเพียง 0.5 กิโลกรัม เท่านั้น โคอาลาที่อยู่ทางตอนใต้มีขนหนาเหมือนขนแกะ บริเวณหลังมีขนที่หนาและยาวกว่าบริเวณท้อง โคอาลาที่อยู่ทางตอนเหนือมีขนที่สั้นกว่า โคอาลามีขนหนาที่สุดเมื่อเทียบกับสัตว์มีกระเป๋าหน้าท้องอื่นๆ ขนมีสีเทา กับน้ำตาลปนเหลือง และมีสีขาวบริเวณคาง หน้าอก และด้านหน้าของแขน–ขา ขนบริเวณหูมีลักษณะเป็นปุย และมีขนสีขาวที่ยาวกว่าบริเวณอื่น


ถิ่นที่อยู่อาศัยของโคอาลาอยู่ในป่าที่มีต้นยูคาลิปตัส ปัจจุบันพบโคอาลาได้ที่ รัฐควีนส์แลนด์, รัฐนิวเซาท์เวลส์, รัฐวิกตอเรีย และรัฐเซาท์ออสเตรเลีย


ศัตรูที่สำคัญที่สุดของโคอาลา คือ มนุษย์ที่ล่าเพื่อเอาขน จนกระทั่งเกือบถึงขั้นสูญพันธุ์ ในปี ค.ศ. 1963 จึงมีการออกกฎหมายห้ามล่าโคอาลาขึ้นมา เนื่องจากไม่ค่อยมีศัตรูตามธรรมชาติ แต่ดูเหมือนว่าวันนี้ “ไฟป่า” ได้กลายเป็นศัตรูสำคัญที่มนุษย์ต้องช่วยกันป้องกันและจัดการให้ได้


โคอาลากินใบยูคาลิปตัสเป็นอาหาร ฟันและระบบย่อยอาหารถูกพัฒนามาให้สามารถกินและย่อยใบยูคาลิปตัสได้ ใบยูคาลิปตัสมีสารอาหารน้อยมาก และยังมีสารที่มีพิษต่อสัตว์ แต่ระบบย่อยอาหารของโคอาลามีการปรับตัว ทำให้สามารถทำลายพิษนั้นได้ โคอาลามีอวัยวะที่ทำหน้าที่ในการย่อยไฟเบอร์ยาวมากถึง 200 เซนติเมตร ที่บริเวณอวัยวะนี้ มีแบคทีเรียที่ช่วยในการย่อยไฟเบอร์ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของใบยูคาลิปตัสให้กลายเป็นสารอาหารที่ดูดซึมได้ อย่างไรก็ตาม โคอาลามีการดูดซึมสารที่ได้จากการย่อยไฟเบอร์ไปใช้เพียงแค่ร้อยละ 25 ของที่มันกินไปเท่านั้น ส่วนน้ำในใบยูคาลิปตัสส่วนใหญ่ถูกดูดซึม ทำให้โคอาลาไม่ค่อยหาน้ำกินจากแหล่งน้ำ


ส่วนใหญ่โคอาลากินใบยูคาลิปตัสประมาณวันละ 2,000 - 5,000 กรัม โดยปกติจะนอนถึง 16–24 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อรักษาพลังงานไว้ ทำให้โคอาลาวิวัฒนาการตัวเองให้มีสมองขนาดเท่ากับมะเขือเทศหนึ่งผลเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ใบของยูคาลิปตัสมีความเหนียวมาก ทำให้โคอาลาต้องใช้การเคี้ยวในแต่ละครั้งอยู่เป็นเวลานานกว่าจะกลืนลงไป โดยอาจจะเคี้ยวมากถึง 16,000 ครั้งต่อวัน ทำให้โคอาลาตัวที่มีอายุมาก ฟันจะสึกหมดปาก


การสืบพันธุ์ของโคอาลาอยู่ในช่วงฤดูฝน (ราวเดือนกันยายน–มีนาคม) โดยปกติโคอาลาโดยเฉพาะตัวผู้เป็นสัตว์ที่ก้าวร้าว ดุร้าย จึงมักอยู่อย่างสันโดษ ตัวผู้และตัวเมียจะอยู่ด้วยกันในฤดูผสมพันธุ์เท่านั้น ตัวเมียเริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุ 3 - 4 ปี และมักมีลูกปีละ 1 ตัว แต่อาจจะมีลูกปีเว้นปี หรือ ปีเว้น 2 ปี ก็ได้ ขึ้นกับอายุของตัวเมียและสภาพแวดล้อม อายุขัยเฉลี่ยของโคอาลาตัวเมียประมาณ 12 ปี ทำให้มีลูกได้อย่างมาก 5–6 ตัว ตลอดอายุขัยของมัน

โคอาลาใช้เวลาตั้งท้องประมาณ 34–36 วัน ลูกโคอาลาเกิดใหม่ มีความยาวเพียง 2 เซนติเมตร และมีน้ำหนักไม่ถึง 1 กรัม ผิวหนังสีชมพู ไม่มีขน ยังไม่ลืมตา และยังไม่มีหู ลูกโคอาลาจะอาศัยอยู่ในกระเป๋าหน้าท้องของแม่ และกินนมแม่อยู่นาน 7–8 เดือน หลังจากอายุได้ 6–7 สัปดาห์ ลูกโคอาลามีความยาวของหัวประมาณ 26 มิลลิเมตร และเมื่อเริ่มสัปดาห์ที่ 13 จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น 50 กรัม และมีความยาวของหัวเพิ่มขึ้นเป็น 50 มิลลิเมตร เมื่ออายุได้ 22 สัปดาห์ ตาของลูกโคอาลาจะเริ่มเปิด และมันจะเริ่มโผล่หัวออกมาจากกระเป๋าหน้าท้องของแม่ พออายุได้ 24 สัปดาห์ จะมีขนเต็มตัว และฟันซีกแรกเริ่มงอก


สัปดาห์ที่ 30 ลูกโคอาลาจะมีน้ำหนักประมาณ 0.5 กิโลกรัม และมีขนาดของหัวยาว 70 มิลลิเมตร ตอนนี้มันเริ่มใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ข้างนอกกระเป๋าหน้าท้องของแม่ สัปดาห์ที่ 36 ลูกโคอาลามีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น 1 กิโลกรัม และไม่เข้าไปอยู่ในกระเป๋าหน้าท้องแม่อีกแล้ว ส่วนมากมันมักจะเกาะอยู่ที่หลังของแม่ แต่ในช่วงอากาศหนาว หรืออากาศชื้น มันก็จะกลับเข้าไปอยู่ในกระเป๋าหน้าท้องของแม่อีก สัปดาห์ที่ 37 ลูกโคอาลาเริ่มออกห่างจากแม่เพื่อเดินเที่ยวเล่น แต่ยังอยู่ในระยะใกล้ๆ สัปดาห์ที่ 44 ลูกโคอาลากล้าเดินออกมาไกลมากขึ้น แต่ยังไปเกินระยะทาง 1 เมตร ที่ห่างจากแม่ สัปดาห์ที่ 48 ลูกโคอาลายิ่งมีความอยากผจญภัย หรืออยากรู้อยากเห็นยิ่งขึ้น และไม่ส่งเสียงร้องอีกแล้วเมื่อแม่ของมันเดินห่างออกไป มันจะอยู่กับแม่ของมันถึงอายุประมาณ 1 ปี ซึ่งช่วงนี้มันจะมีน้ำหนัก 2 กิโลกรัมกว่าเล็กน้อย


ในระยะแรกๆ ลูกโคอาลาจะกินมูลของแม่ด้วย เพื่อให้ร่างกายได้สะสมแบคทีเรียจำพวกเพปไทด์ซึ่งมีฤทธิ์ในการย่อยใบยูคาลิปตัส ซึ่งจะเป็นประโยชน์เมื่อโตขึ้น

อายุขัยของโคอาลา โดยเฉลี่ยมีอายุประมาณ 13–20 ปี ขึ้นกับปัจจัยรอบข้าง

โคอาลา “ใช้เสียง” ในการติดต่อสื่อสาร ซึ่งเสียงที่ใช้มีหลายลักษณะ โดยทั่วไปตัวผู้มักส่งเสียงร้องดังเพื่อประกาศหรือบอกบริเวณที่ตนอาศัยอยู่ ในขณะที่ตัวเมียจะไม่ค่อยส่งเสียงร้อง ตัวเมียจะส่งเสียงร้องดังเมื่อมีอาการก้าวร้าว สำหรับโคอาลาตัวเมียที่มีลูกอ่อน จะใช้เสียงที่มีความอ่อนโยนกับลูกของตนเอง เมื่อเกิดความกลัวขึ้น โคอาลาทั้งตัวผู้และตัวเมียจะใช้ส่งเสียงคล้ายเสียงเด็กร้องไห้ นอกจากนี้ โคอาลายังใช้กลิ่นของตนเองทำเครื่องหมายตามต้นไม้ที่ต่างๆ ในการติดต่อถึงกัน


ในสถานที่เลี้ยง เพื่อการอนุรักษ์ ปัจจุบัน “โคอาลา” ได้กลายเป็นสัตว์ที่มีการจัดแสดงตามสวนสัตว์ต่างๆ ทั่วโลก โดยสามารถเพาะขยายพันธุ์ในสถานที่เลี้ยงได้ สำหรับในประเทศไทย จนถึงปัจจุบัน (ค.ศ. 2016) สามารถเพาะขยายพันธุ์โคอาลาได้แล้วถึง 20 ตัว และจำหน่ายไปยังสวนสัตว์ต่างๆ ทั่วโลก

ที่มา - วิกิพีเดีย


กำลังโหลดความคิดเห็น