WWFThailand นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับlสัตว์ป่าผ่านเพจเฟซบุ๊กอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดในกรณีไฟป่าออสเตรเลีย รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมของออสเตรเลีย Sussan Lay คาดการณ์ว่า ออสเตรเลียสูญเสียประชากรโคอาล่าไปกว่า 30% จากไฟป่าครั้งยิ่งใหญ่ในรัฐนิวเซาท์เวลล์ และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการสูญพันธุ์ของโคอาล่าในเขตตะวันออกของออสเตรเลีย
อย่างไรก็ตาม WWF ออสเตรเลียไม่เห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่า วันนี้โคอาล่า “สูญพันธุ์เชิงหน้าที่” เนื่องจากไฟป่า อันที่จริงแล้ว โคอาล่าอาจสูญพันธุ์จากพื้นที่ฝั่งตะวันออกภายใน 30 ปี แต่เนื่องจากการตัดไม่ทำลายป่า เพื่อนำพื้นที่ไปใช้ในการเกษตร และการขยายเมือง รวมถึงปัญหาสภาวะโลกร้อน ปัญหาไฟป่าอาจเร่งเครื่องให้เกิดการสูญพันธุ์เร็วขึ้น
ไฟป่าทำลายต้นยูคาลิปตัสซึ่งเป็นอาหารหลัก และเป็นที่อยู่อาศัยของโคอาล่า อันที่จริงแล้ว ต้นยูคาลิปตัสมีวิวัฒนาการในการอยู่รอดได้หลังจากเกิดไฟป่า โดยมันจะผุดเหง้าเล็กๆ ขึ้นมาไม่กี่สัปดาห์หลังเพลิงสงบลง แต่อย่างไรก็ตาม หากเพลิงไหม้กินระยะเวลาอันยาวนาน โอกาสเกิดใหม่ และอยู่รอดของต้นยูคาลิปตัสก็น้อยลง
อาหารของโคอาล่าคือ “ใบยูคาลิปตัส” และในช่วงที่ผ่านมา บรรดาเจ้าตัวน้อยเหล่านี้ประสบกับสภาวะความเครียด เนื่องจากอากาศที่แห้งแล้งส่งผลต่อคุณภาพของใบยูคาลิปตัส ปริมาณน้ำที่น้อยลงทำให้สารที่มีสภาพเป็นพิษในใบยูคาลิปตัสเพิ่มขึ้น
หน่วยกู้ภัยที่เข้าช่วยชีวิตโคอาล่าจะไม่ปล่อยพวกมันไปจนกว่าอาการบาดเจ็บจะดีขึ้น และต้นไม้ซึ่งเป็น “บ้าน” ของพวกมันจะฟื้นตัวอีกครั้ง นอกจากช่วยสัตว์ป่าแล้วพวกเขายังต้องคอยช่วยบอกให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในนิวเซาท์เวลล์ช่วยกันนำชาม หรือกะละมังใบใหญ่ๆ ใส่น้ำวางไว้ใต้ต้นไม้ เพื่อช่วยสัตว์ต่างๆ จากสภาวะขาดน้ำในช่วงหน้าแล้งอันโหดร้ายนี้
อนาคตของโคอาล่า - WWF ออสเตรเลีย เชื่อว่า อนาคตของบรรดาโคอาล่ายังไม่มืดมนเสียทีเดียว หากการตัดไม้ทำลายป่าหยุดลง และพื้นที่ป่าได้รับการฟื้นฟู พื้นที่เฉพาะกิจจะต้องถูกกำหนดขึ้นเพื่อให้แยกจากเมือง และแยกจากวิถีคนเมือง และแน่นอนว่า เราจะต้องเร่งแก้ไขสภาวะโลกร้อน
WWF ออสเตรเลียให้การสนับสนุนนักวิจัยเพื่อทำงานอนุรักษ์ที่อยู่อาศัยของโคอาล่า ภายใต้ชื่อโครงการ Koala Habitat Conservation Plan และบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนโรงพยาบาล Port Macquarie Koala Hospital ในรัฐควีนส์แลนด์ ที่ให้การรักษาพยาบาลและดูแลสัตว์ป่าที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่า นอกจากนั้น ยังบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือหน่วยงานที่กำลังต่อสู้กับวิกฤตไฟป่าในออสเตรเลียอีกหลายแห่ง และวางเป้าหมายในการฟื้นคืนพื้นที่ป่าเพื่อปลูกต้นไม้คืนกว่า 2 พันล้านต้นภายในปี ค.ศ.2030 โดย 10,000 ต้นแรก จะเป็น “บ้านใหม่” ของโคอาล่า
๐ เกาะแคงการูที่ไม่เหมือนเดิม
มีรายงานว่า โคอาล่ากว่า 25,000 ตัวแล้วจบชีวิตลงท่ามกลางกองเพลิงของไฟป่าทางตอนใต้ของออสเตรเลีย สถานการณ์นี้ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ความสูญเสีย แต่อาจทำให้โคอาล่ากลายเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่เหลือน้อยจนเกือบใกล้สูญพันธุ์
ไฟป่าที่เกาะแคงการู ซึ่งเป็นเกาะสวรรค์ของโคอาล่า เพราะพวกมันอพยพมายังเกาะนี้ และอยู่อาศัยกันเป็นจำนวนมากมาแสนนาน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา(4ม.ค.2563) เกาะแคงการู ถูกประกาศให้เป็นพื้นที่ที่ “ไม่สามารถควบคุมเพลิง” ได้อีกต่อไป
มากาเร็ต เฮียร์เร นักอนุรักษ์โคอาล่ากล่าวกับสำนักข่าวเทเลกราฟว่า โคอาล่าเป็นสายพันธุ์ “the gene pool” ซึ่ง หมายถึง ยีนโดยรวมซึ่งแลกเปลี่ยนกันระหว่างสิ่งมีชีวิต โดยเฉพาะ ในเผ่าพันธุ์เดียวกัน เปรียบเหมือนมีบ่อของยีน ซึ่งสิ่งมีชีวิตนำมาฝากและนำไปใช้ได้ ซึ่งวันนี้พวกมันกำลังจะหายวับไปจากโลก เพียงเพราะ “ไฟป่า”
ภาพข่าวที่ถ่ายโดยช่างภาพของสำนักข่าว ABC ในนิวเซาท์เวลล์ เผยให้เห็นร่างที่ดำเป็นตอตะโกของจิงโจ้ และแกะนับร้อยๆ ตัว และสัตว์อีกหลายชนืดที่ไม่สามารถเอาชีวิตรอดจากกองเพลิงได้ เรียงรายอยู่ตามข้างถนน
“เรารู้ว่าภาพเหล่านี้สะเทือนใจ แต่เราต้องเผยแพร่ มันเป็นเรื่องเลวร้ายและเป็นเรื่องน่าเศร้าที่สุด แต่ว่ามันต้องได้รับการบอกต่อ” เขาทวิตในทวิตเตอร์ส่วนตัว
อากาศที่เย็นลง และลมอ่อนๆ ที่พัดมารวมถึงฝน ทำให้สภาพของรัฐนิวเซาท์เวลล์ และวิคตอเรียดีขึ้นเล็กน้อย แต่ทางการก็ยังออกมาเตือนว่า ท่ามกลางภาพรวมที่ยังคงทั้งร้อนและแห้งแล้ง หลายฝ่ายคาดการณ์ว่ายังคงมีโอกาสอีกมากที่จะเกิดไฟป่าต่อไปอีกหลายสัปดาห์
สก๊อต มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีของออสเตรเลีย กล่าวท่ามกลางกระแสวิจารณ์อย่างหนักที่เกิดขึ้นทั่วโลก เขาบอกว่า “การต่อว่ากันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น และการคาดการณ์ที่เกินจริงของหลายฝ่ายก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นเช่นกัน”
นักอนุรักษ์คาดการณ์ว่าประชากรสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม นก และสัตว์เลื้อยคลานกว่าครึ่งล้านตัวล้มหายตายจากไปจากอุบัติการณ์ครั้งนี้ นอกจากนั้นยังมีความวิตกกังวลว่าสัตว์ที่กำลังตกอยู่ในสภาวะใกล้สูญพันธุ์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าในเกาะแคงการู ซึ่งเป็น “บ้าน” ของจิงโจ้กว่า 50,000 ตัว รวมทั้งโคอาล่า จะตกอยู่ในสภาวะสูญพันธุ์ตลอดกาล
แซม มิทเชล เจ้าของผู้ดูแลศูนย์อนุรักษ์บนเกาะแคงการู กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมความพร้อมที่จะรับโคอาล่าที่บาดเจ็บ และอดอาหารที่จะถูกส่งตัวเข้ามาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และกำลังเตรียมสร้างโรงเรือนชั่วคราวเพื่อทำให้การรักษาพยาบาลทำได้อย่างทันท่วงที
นอกจากสัตว์ป่าแล้ว มีการประเมินว่า ต้นไม้พื้นถิ่นในเกาะแคงการูถูกไฟเผาไป คิดเป็นมูลค่ากว่า 10 ล้านปอนด์ ในรัฐนิวเซาท์เวลล์ อุณหภูมิเพิ่มขึ้นกว่า 40 องศา และในรัฐวิคตอเรียยังคงเป็นพื้นที่สีแดงที่ประสบสภาวะฉุกเฉิน แม้อากาศจะเย็นลงเล็กน้อย และมีลม อย่างไรก็ตาม หลายหน่วยงานกำลังระดมความช่วยเหลือส่งไปยังออสเตรเลีย เพื่อให้การดำเนินงานต่อสู้กับไฟป่าเป็นไปอย่างไม่ติดขัด
๐ ฮีโร่สี่ขา ตามหา“โคอาล่า”
นอกจากนี้ ยัง WWF ได้นำเสนอเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นในวิกฤติไฟป่าครั้งนี้คือ ฮีโร่สี่ขา ตามหา “โคอาล่า” ว่า
“แบร์” สุนัขพันธุ์บอร์เดอร์ คอลลี่ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกทิ้ง วันนี้มันกลายเป็นฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่ ด้วยความเฉลียวฉลาดของมันที่สามารถสัมผัสกลิ่นของโคอาล่า และเข้าไปช่วยชีวิตมาซูเพียนตัวน้อยจากกองเพลิงได้อย่างทันท่วงที
แบร์ถูกส่งไปปฏิบัติการช่วยเหลือในพื้นที่ที่ถูกไฟป่าเผาบริเวณ นอร์ธเทิร์น ริเวอร์ ทีมนักดับเพลิงสวมถุงเท้าให้มันเพื่อป้องกันอุ้งเท้า มันถูกสอนให้นั่งนิ่งๆ เพื่อเป็นสัญญาณบอกกับผู้ฝึก รีอันน่า เมื่อเจอกับสัตว์ป่าที่ได้รับบาดเจ็บในบริเวณใกล้เคียง
เราได้เห็นภาพถ่ายของแบร์ ผ่านหน่วยงานการกุศล IFAW ในโพสที่มีข้อความระบุว่า “โชคร้ายที่วันนี้เราไม่เจอโคอาล่าเลยแต่เราก็ยังหวังว่าจะมีตัวที่รอดชีวิตอยู่ไม่ไกลนักแล้วเราจะออกตามหาพวกมัน”
แบร์ถูกฝึกให้ช่วยเหลือโคอาล่า จากมหาวิทยาลัยซันไชน์ โคลท์ หลังจากที่มันถูกเจ้าของทิ้ง เมื่อถูกวินิจฉัยว่ามันมีพฤติกรรมย้ำคิดย้ำทำที่ผิดปกติ
นักรณรงค์จาก IFAW โจอี้ ชาร์ราด กล่าวว่า “สถานการณ์ขณะนี้เรียกว่าวิกฤต การช่วยเหลือโคอาล่าต้องเร่งดำเนินการ เรายังต้องเผชิญกับภัยจากไฟป่านี้ไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ และตอนนี้สัตว์ป่ากำลังต้องการความช่วยเหลือ และต้องการการดูแลรักษาอย่างเร่งด่วนที่สุด การดูแลในขั้นต้นทำได้ แต่ว่าการเยียวยาสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอาจต้องใช้เวลานาน”
เปลวไฟที่เผาไหม้ในรัฐนิวเซาท์เวลล์ ควีนส์แลนด์ และ ซันชายน์โคสต์ ในรอบหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำลายบ้านไปแล้วหลายพันหลังคาเรือน รอส เออร์วิน ประธานองค์กร Friends of the Koala กล่าวว่า “ไฟป่าในบริเวณนอร์ธเทิร์น ริเวอร์ ที่โหมไหม้อย่างรุนแรงอาจคร่าชีวิตโคอาล่าในบริเวณนั้นไปแล้วหลายร้อยตัว”
“เราเตรียมการไว้อย่างดี เพราะคาดการณ์ว่าจะได้รับการส่งต่อโคอาล่าที่บาดเจ็บเข้ามายังศูนย์ช่วยเหลืออีกมาก จริงๆ แล้วสัตว์ทุกตัว แม้ว่าจะไม่เกิดไฟป่า เราก็เห็นแล้วว่าพวกมันอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่จากสภาพภูมิอากาศที่แห้งแล้ง และเกิดการขาดแคลนน้ำ วันนี้หน่วยงานของเราสแตนบายทุกการช่วยเหลือ ทั้งอาสาสมัครที่ได้รับการฝึกฝนที่พร้อมลงสนามทุกนาทีร่วมกับพนักงานดับเพลิงที่ทำงานกันอย่างหามรุ่งหามค่ำ และยังฝึกผู้ช่วยสี่ขาอย่างแบร์ และเพื่อนของมันอีกหลายตัวที่ก้าวเข้ามาเป็นฮี่โร่ในปฏิบัติการที่เคียงบ่าเคียงไหล่มนุษย์ด้วย”
อ้างอิง - ข้อมูลและภาพจาก: Evening Standard.co.uk