เมื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระอัจฉริยภาพประการหนึ่งที่กล่าวถึงมากก็คือ “เศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่งพระองค์ท่านได้ทรงค้นคิดและพระราชทาน แก่สังคมไทยตั้งแต่ปี 2517 เพื่อให้นำไปใช้เป็นหลักในการดำเนินชีวิตและประกอบกิจการงานให้เกิดความมั่นคงยั่งยืน
เมื่อวันเวลาผ่านมาหลายสิบปี คนทั่วไปได้รับรู้กันอย่างกว้างขวางและน่าจะเกิดความเข้าใจดีขึ้นและไม่สับสนกับ “เกษตรทฤษฎีใหม่” หรือเข้าใจผิดว่า “เศรษฐกิจพอเพียง” ไปสวนทางกับกระแสทุนนิยมในยุคโลกาภิวัฒน์
เพราะขณะนี้มีหลายองค์กรธุรกิจที่ดำเนินกิจการตามแนวทางนี้ และได้รับผลดีที่ยืนยันได้โดยทางเครือซีเมนต์ไทยหรือ SCG ที่มีความก้าวหน้ายั่งยืนมา 103 ปี ในฐานะหัวแถวของอุตสาหกรรมชั้นนำของอาเซียน ก็ได้พิสูจน์ผลลัพธ์ที่ดีจากการดำเนินธุรกิจตามแนว “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการยืนยันเชิงประจักษ์ได้ว่า “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” หากนำมาประยุกต์ใช้อย่างถูกต้องไม่ว่าจะเป็นระดับการบริหารประเทศ ระดับธุรกิจหรือตัวบุคคลและครอบครัว ก็สามารถเจริญก้าวหน้าอย่างมีคุณภาพ ประสิทธิภาพ อย่างยั่งยืน
SCG จึงได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นตัวอย่างขององค์กรที่เติบโตอย่างยั่งยืน ตามแนวทางของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง แม้แต่ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เมื่อปี พ. ศ. 2540 ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เช่นเดียวกับวงการธุรกิจและอุตสาหกรรมทั้งประเทศ แต่ก็สามารถฝ่าฟันผ่านวิกฤตท่ามกลางภาวะตลาดที่หดตัวและกิจการมากมายต้องปิดกิจการ SCG สามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก
ทั้งนี้ด้วยการยึดหลักความพอประมาณ ความมีเหตุผลการมีภูมิคุ้มกันความไม่แน่นอน โดยมี 2 เงื่อนไขสำคัญคือ ความรอบรู้และคุณธรรม ดังเช่นข้อมูลสรุปต่อไปนี้
การดำเนินธุรกิจตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของเอสซีจี
1.ความพอประมาณ
ความพอประมาณในการดำเนินธุรกิจ
-มุ่งพัฒนาธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญ
-กำหนดวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจอย่างประมาณตนตามศักยภาพ
ความพอประมาณในการบริหารทรัพยากรบุคคล
-จัดกำลังคนโดยยึดหลักความพอดี
-ดูแลผลตอบแทนอย่างเป็นธรรม
-ส่งเสริมพนักงานให้ดำเนินชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ความพอประมาณในการพัฒนาอย่างยั่งยืน
-การใช้ทรัพยากรธรรมชาติ อย่างคุ้มค่าตามหลัก 3R
-โครงการประหยัดพลังงาน
2.ความมีเหตุผล
ความมีเหตุผลในการดำเนินธุรกิจ
-การตัดสินใจทางธุรกิจอย่างรอบคอบผ่านคณะกรรมการบริษัท
-การแสดงความรับผิดชอบต่อเจ้าหนี้ Medium- term Plan การวางแผนธุรกิจอย่างมีเหตุผล
ความมีเหตุผลในการบริหารทรัพยากรบุคคล
-สรรหาและคัดเลือกพนักงานอย่างเป็นธรรมพิจารณา
-ผลงานของพนักงานโดยยึดหลักคุณธรรม
ความมีเหตุผลในการพัฒนาอย่างยั่งยืน
-ใส่ใจผลประโยชน์ ผลกระทบและความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย
-พัฒนาการดำเนินงานด้วยหลัก Total Quality Management (TQM)
3.การมีภูมิคุ้มกัน
การมีภูมิคุ้มกันในการดำเนินธุรกิจ
-สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการอย่างยั่งยืน
-การบริหารความเสี่ยง
การมีภูมิคุ้มกันในการบริหารทรัพยากรบุคคล
-จัดระบบพี่เลี้ยง
-จัดหลักสูตรพัฒนาพนักงาน
-การให้ทุนการศึกษาสำหรับพนักงาน
-พัฒนาความเป็นอยู่และสุขภาพของพนักงานและครอบครัว
การมีภูมิคุ้มกันในการพัฒนาอย่างยั่งยืน
-การพัฒนาและสร้างเครือข่ายเพื่อความยั่งยืน
-การจัดสรรผลกำไรจากการดำเนินธุรกิจ ไปใช้ในประโยชน์ในด้านต่างๆ
-การเตรียมพร้อมรับมือและบริหารจัดการในภาวะวิกฤต
4.มีความรอบรู้
-การสร้างฐานความรู้ในการดำเนินธุรกิจให้เท่าทันโลก
-การบริหารจัดการความรู้ในด้านต่างๆ
-ส่งเสริมการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Pratices) ในการพัฒนาวิชาชีพ
-แลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างพนักงานในประเทศต่างๆ
-ชมรมช้างปูน เครือข่ายข้อมูลที่สำคัญของเอสซีจี
-การแบ่งปันความรู้สู่สังคม
-การเผยแพร่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
5.มีคุณธรรม
-คุณธรรมกับการดำเนินธุรกิจของเอสซีจี โดยเป็นธรรมกับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายและรับผิดชอบต่อสังคม
-คุณธรรมกับการบริหารทรัพยากรบุคคล
-“คนเก่งและดี” คุณสมบัติพื้นฐานของพนักงานเอสซีจี
-ความเป็นไทย ร่วมมือร่วมใจ ฟันฝ่าวิกฤตโดยไม่ทอดทิ้งกัน
-อุดมการณ์ จรรยาบรรณ และบริษัทภิบาลของเอสซีจี
-คุณธรรมกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน
จึงมีการกำหนดวิถีทางการทำธุรกิจที่ดีซึ่งเห็นได้จากวิสัยทัศน์ของ SCG ดังนี้
-SCG จะเป็นผู้นำตลาดในภูมิภาคอาเซียน
-มุ่งดำเนินธุรกิจควบคู่กับการเสริมสร้างความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน ให้แก่อาเซียนและทุกชุมชนที่เข้าไปดำเนินงาน
-มุ่งสร้างคุณค่าให้แก่ลูกค้า พนักงาน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ภายใต้คุณภาพบริหารงานระดับโลก สอดคล้องกับหลักบริษัทภิบาลที่ดี
-มีมาตรฐานด้านความปลอดภัยสูง
-มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนด้วยสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ
จากการสัมภาษณ์ของรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ ยืนยันว่า การที่เอสซีจีได้น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ดำเนินธุรกิจมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นแนวทางการบริหารจัดการองค์กร การขยายธุรกิจ การขยายบทบาทพนักงาน และการดูแลคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่างๆโดยนำความเชี่ยวชาญใน การดำเนินธุรกิจและอุตสาหกรรมไปช่วยส่งเสริมและพยายามดูว่า เอสซีจีสามารถนำบทเรียนและ ข้อคิดจากปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในมุมมองของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมไปทำให้เกิดผลดีเป็นอย่างไร ซึ่งเอสซีจีไม่ได้มองเฉพาะเมืองไทยอย่างเดียว แต่ในต่างประเทศที่มีการลงทุนอยู่ก็จะพยายามนำหลักเหล่านี้ไปปรับใช้และมีแผนจะทำให้ครบทุกมิติจริงๆ เราไม่ใช่ดูแค่ภาพเศรษฐกิจ ธุรกิจอุตสาหกรรมเท่านั้น เราต้องดูภาคอื่นๆด้วย จึงต้องหาพันธมิตรมาร่วมมือ จะทำประมาณ 2-3 เรื่อง โดย เอสซีจีพร้อมที่จะเข้าไปสานต่อช่วยแก้ปัญหาของชุมชน
ข้อคิด…
การที่เอสซีจีน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจนับเป็นที่น่าชื่นชมและสมควรเป็นตัวอย่างและแรงบันดาลใจที่ยืนยันได้ว่า ทฤษฎีพระราชทานคือ กล่าวนี้มิใช่เรื่องเชิงอุดมคติหรือแบบที่คนทั่วไปฟังพระเทศน์ให้ “ทำดี” แล้วก็ผ่านไป หากคิดจะ “ปฏิบัติบูชา” น้อมสำนึกถึงพระคุณอันหาที่สุดมิได้แด่พระองค์นำมาปฏิบัติตามแนวทางที่พระองค์ทรงชี้แนะก็จะ เกิดผลลัพธ์ที่ดีแน่นอน
ความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพทั้งการยอมรับ ในการเป็นองค์กรชั้นนำที่มีการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยมีผลประกอบการที่ดีแม้ในภาวะที่เศรษฐกิจหดตัวทั้งในระดับประเทศและตลาดโลก แต่ด้วยยุทธศาสตร์ธุรกิจที่อิงแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงก็ส่งผลให้ผลการดำเนินธุรกิจ โดยรวมของเครือทั้งงวดไตรมาสที่ 3 และงวด 9 เดือนแรกของปี 2559 มีกำไรเพิ่มขึ้นถึง 57 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นผลจากธุรกิจเคมีภัณฑ์ ซึ่งมีศักยภาพตามกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์และบริการที่เพิ่มมูลค่า (HVA)
นี่เป็นผลจากการที่เอสซีจีมีความโดดเด่นในการให้ความสำคัญกับการลงทุนวิจัยและพัฒนา (R&D) เช่นปีนี้ตั้งงบเป็นเงินถึง 3,300 ล้านบาทในแต่ละปีเพื่อให้เกิดองค์ความรู้สร้างนวัตกรรมจนถึงขนาดลงทุนไปซื้อกิจการบริษัทที่ประเทศนอร์เวย์ซึ่งเชี่ยวชาญการวิจัยและพัฒนาพลาสติกระดับโลกเป็นการขยายถามความรอบรู้ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์และรู้ทันแนวโน้มการตลาดโลก
กล่าวโดยสรุปปัจจัยที่ส่งเสริมให้เอสซีจีดำเนินธุรกิจตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้สำเร็จก็คือความมุ่งมั่นเอาจริงตามอุดมการณ์ธุรกิจ 4 ประการซึ่งเป็นเสมือน ธรรมนูญธุรกิจซึ่งเป็นค่านิยมหลักของเอสซีจีก็คือ “ตั้งมั่นในความเป็นธรรม มุ่งมั่นในความเป็นเลิศ เชื่อมั่นในคุณค่าของคน และถือมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคม”
suwatmgr@gmail.com
เมื่อวันเวลาผ่านมาหลายสิบปี คนทั่วไปได้รับรู้กันอย่างกว้างขวางและน่าจะเกิดความเข้าใจดีขึ้นและไม่สับสนกับ “เกษตรทฤษฎีใหม่” หรือเข้าใจผิดว่า “เศรษฐกิจพอเพียง” ไปสวนทางกับกระแสทุนนิยมในยุคโลกาภิวัฒน์
เพราะขณะนี้มีหลายองค์กรธุรกิจที่ดำเนินกิจการตามแนวทางนี้ และได้รับผลดีที่ยืนยันได้โดยทางเครือซีเมนต์ไทยหรือ SCG ที่มีความก้าวหน้ายั่งยืนมา 103 ปี ในฐานะหัวแถวของอุตสาหกรรมชั้นนำของอาเซียน ก็ได้พิสูจน์ผลลัพธ์ที่ดีจากการดำเนินธุรกิจตามแนว “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการยืนยันเชิงประจักษ์ได้ว่า “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” หากนำมาประยุกต์ใช้อย่างถูกต้องไม่ว่าจะเป็นระดับการบริหารประเทศ ระดับธุรกิจหรือตัวบุคคลและครอบครัว ก็สามารถเจริญก้าวหน้าอย่างมีคุณภาพ ประสิทธิภาพ อย่างยั่งยืน
SCG จึงได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นตัวอย่างขององค์กรที่เติบโตอย่างยั่งยืน ตามแนวทางของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง แม้แต่ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เมื่อปี พ. ศ. 2540 ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เช่นเดียวกับวงการธุรกิจและอุตสาหกรรมทั้งประเทศ แต่ก็สามารถฝ่าฟันผ่านวิกฤตท่ามกลางภาวะตลาดที่หดตัวและกิจการมากมายต้องปิดกิจการ SCG สามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก
ทั้งนี้ด้วยการยึดหลักความพอประมาณ ความมีเหตุผลการมีภูมิคุ้มกันความไม่แน่นอน โดยมี 2 เงื่อนไขสำคัญคือ ความรอบรู้และคุณธรรม ดังเช่นข้อมูลสรุปต่อไปนี้
การดำเนินธุรกิจตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของเอสซีจี
1.ความพอประมาณ
ความพอประมาณในการดำเนินธุรกิจ
-มุ่งพัฒนาธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญ
-กำหนดวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจอย่างประมาณตนตามศักยภาพ
ความพอประมาณในการบริหารทรัพยากรบุคคล
-จัดกำลังคนโดยยึดหลักความพอดี
-ดูแลผลตอบแทนอย่างเป็นธรรม
-ส่งเสริมพนักงานให้ดำเนินชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ความพอประมาณในการพัฒนาอย่างยั่งยืน
-การใช้ทรัพยากรธรรมชาติ อย่างคุ้มค่าตามหลัก 3R
-โครงการประหยัดพลังงาน
2.ความมีเหตุผล
ความมีเหตุผลในการดำเนินธุรกิจ
-การตัดสินใจทางธุรกิจอย่างรอบคอบผ่านคณะกรรมการบริษัท
-การแสดงความรับผิดชอบต่อเจ้าหนี้ Medium- term Plan การวางแผนธุรกิจอย่างมีเหตุผล
ความมีเหตุผลในการบริหารทรัพยากรบุคคล
-สรรหาและคัดเลือกพนักงานอย่างเป็นธรรมพิจารณา
-ผลงานของพนักงานโดยยึดหลักคุณธรรม
ความมีเหตุผลในการพัฒนาอย่างยั่งยืน
-ใส่ใจผลประโยชน์ ผลกระทบและความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย
-พัฒนาการดำเนินงานด้วยหลัก Total Quality Management (TQM)
3.การมีภูมิคุ้มกัน
การมีภูมิคุ้มกันในการดำเนินธุรกิจ
-สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการอย่างยั่งยืน
-การบริหารความเสี่ยง
การมีภูมิคุ้มกันในการบริหารทรัพยากรบุคคล
-จัดระบบพี่เลี้ยง
-จัดหลักสูตรพัฒนาพนักงาน
-การให้ทุนการศึกษาสำหรับพนักงาน
-พัฒนาความเป็นอยู่และสุขภาพของพนักงานและครอบครัว
การมีภูมิคุ้มกันในการพัฒนาอย่างยั่งยืน
-การพัฒนาและสร้างเครือข่ายเพื่อความยั่งยืน
-การจัดสรรผลกำไรจากการดำเนินธุรกิจ ไปใช้ในประโยชน์ในด้านต่างๆ
-การเตรียมพร้อมรับมือและบริหารจัดการในภาวะวิกฤต
4.มีความรอบรู้
-การสร้างฐานความรู้ในการดำเนินธุรกิจให้เท่าทันโลก
-การบริหารจัดการความรู้ในด้านต่างๆ
-ส่งเสริมการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Pratices) ในการพัฒนาวิชาชีพ
-แลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างพนักงานในประเทศต่างๆ
-ชมรมช้างปูน เครือข่ายข้อมูลที่สำคัญของเอสซีจี
-การแบ่งปันความรู้สู่สังคม
-การเผยแพร่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
5.มีคุณธรรม
-คุณธรรมกับการดำเนินธุรกิจของเอสซีจี โดยเป็นธรรมกับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายและรับผิดชอบต่อสังคม
-คุณธรรมกับการบริหารทรัพยากรบุคคล
-“คนเก่งและดี” คุณสมบัติพื้นฐานของพนักงานเอสซีจี
-ความเป็นไทย ร่วมมือร่วมใจ ฟันฝ่าวิกฤตโดยไม่ทอดทิ้งกัน
-อุดมการณ์ จรรยาบรรณ และบริษัทภิบาลของเอสซีจี
-คุณธรรมกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน
จึงมีการกำหนดวิถีทางการทำธุรกิจที่ดีซึ่งเห็นได้จากวิสัยทัศน์ของ SCG ดังนี้
-SCG จะเป็นผู้นำตลาดในภูมิภาคอาเซียน
-มุ่งดำเนินธุรกิจควบคู่กับการเสริมสร้างความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน ให้แก่อาเซียนและทุกชุมชนที่เข้าไปดำเนินงาน
-มุ่งสร้างคุณค่าให้แก่ลูกค้า พนักงาน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ภายใต้คุณภาพบริหารงานระดับโลก สอดคล้องกับหลักบริษัทภิบาลที่ดี
-มีมาตรฐานด้านความปลอดภัยสูง
-มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนด้วยสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ
จากการสัมภาษณ์ของรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ ยืนยันว่า การที่เอสซีจีได้น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ดำเนินธุรกิจมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นแนวทางการบริหารจัดการองค์กร การขยายธุรกิจ การขยายบทบาทพนักงาน และการดูแลคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่างๆโดยนำความเชี่ยวชาญใน การดำเนินธุรกิจและอุตสาหกรรมไปช่วยส่งเสริมและพยายามดูว่า เอสซีจีสามารถนำบทเรียนและ ข้อคิดจากปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในมุมมองของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมไปทำให้เกิดผลดีเป็นอย่างไร ซึ่งเอสซีจีไม่ได้มองเฉพาะเมืองไทยอย่างเดียว แต่ในต่างประเทศที่มีการลงทุนอยู่ก็จะพยายามนำหลักเหล่านี้ไปปรับใช้และมีแผนจะทำให้ครบทุกมิติจริงๆ เราไม่ใช่ดูแค่ภาพเศรษฐกิจ ธุรกิจอุตสาหกรรมเท่านั้น เราต้องดูภาคอื่นๆด้วย จึงต้องหาพันธมิตรมาร่วมมือ จะทำประมาณ 2-3 เรื่อง โดย เอสซีจีพร้อมที่จะเข้าไปสานต่อช่วยแก้ปัญหาของชุมชน
ข้อคิด…
การที่เอสซีจีน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจนับเป็นที่น่าชื่นชมและสมควรเป็นตัวอย่างและแรงบันดาลใจที่ยืนยันได้ว่า ทฤษฎีพระราชทานคือ กล่าวนี้มิใช่เรื่องเชิงอุดมคติหรือแบบที่คนทั่วไปฟังพระเทศน์ให้ “ทำดี” แล้วก็ผ่านไป หากคิดจะ “ปฏิบัติบูชา” น้อมสำนึกถึงพระคุณอันหาที่สุดมิได้แด่พระองค์นำมาปฏิบัติตามแนวทางที่พระองค์ทรงชี้แนะก็จะ เกิดผลลัพธ์ที่ดีแน่นอน
ความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพทั้งการยอมรับ ในการเป็นองค์กรชั้นนำที่มีการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยมีผลประกอบการที่ดีแม้ในภาวะที่เศรษฐกิจหดตัวทั้งในระดับประเทศและตลาดโลก แต่ด้วยยุทธศาสตร์ธุรกิจที่อิงแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงก็ส่งผลให้ผลการดำเนินธุรกิจ โดยรวมของเครือทั้งงวดไตรมาสที่ 3 และงวด 9 เดือนแรกของปี 2559 มีกำไรเพิ่มขึ้นถึง 57 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นผลจากธุรกิจเคมีภัณฑ์ ซึ่งมีศักยภาพตามกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์และบริการที่เพิ่มมูลค่า (HVA)
นี่เป็นผลจากการที่เอสซีจีมีความโดดเด่นในการให้ความสำคัญกับการลงทุนวิจัยและพัฒนา (R&D) เช่นปีนี้ตั้งงบเป็นเงินถึง 3,300 ล้านบาทในแต่ละปีเพื่อให้เกิดองค์ความรู้สร้างนวัตกรรมจนถึงขนาดลงทุนไปซื้อกิจการบริษัทที่ประเทศนอร์เวย์ซึ่งเชี่ยวชาญการวิจัยและพัฒนาพลาสติกระดับโลกเป็นการขยายถามความรอบรู้ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์และรู้ทันแนวโน้มการตลาดโลก
กล่าวโดยสรุปปัจจัยที่ส่งเสริมให้เอสซีจีดำเนินธุรกิจตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้สำเร็จก็คือความมุ่งมั่นเอาจริงตามอุดมการณ์ธุรกิจ 4 ประการซึ่งเป็นเสมือน ธรรมนูญธุรกิจซึ่งเป็นค่านิยมหลักของเอสซีจีก็คือ “ตั้งมั่นในความเป็นธรรม มุ่งมั่นในความเป็นเลิศ เชื่อมั่นในคุณค่าของคน และถือมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคม”
suwatmgr@gmail.com