เกิดเป็นกระแสและแง่คิดมุมมองมากมายในสังคมมาช้านานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันสำหรับประเด็นปัญหา “เด็กเล่นเกม” ยิ่งในระยะหลังโลกออนไลน์เข้ามามีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากในชีวิตประจำวัน การเข้าถึงเกมในรูปแบบต่างๆ ง่ายเพียงปลายนิ้วทำให้ผู้ปกครองส่วนใหญ่กังวลถึงทิศทางอนาคตบุตรหลานการเรียนจะตกต่ำส่งผลให้ลำบากในภายภาคหน้า ทว่าในอีกฝากเกมก็มีส่วนในการช่วยพัฒนาสมองรวมไปถึงระบบการจัดสรรความคิดวางแผน อย่างที่พระท่านว่าอะไรตึงเกินไปก็ไม่ดี หย่อนเกินไปก็ไม่งาม เมื่อความแตกต่างของยุคเจเนอเรชั่นที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสร้างสุขเพียงปลายนิ้ว เราควรจะทำอย่างไรนั้นเองให้พอเหมาะดีทั้งสองฝ่าย
เข้าใจลูก เข้าใจเกม
เพราะลักษณะนิสัยโดยพื้นฐานของช่วงวัยเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก คุณพ่อคุณแม่จึงควรทำความเข้าใจและใช้ความอดทน เพราะเนื่องมาจากโลกในทุกวันนี้แตกต่างและเปลี่ยนแปลงจากอดีตมากพอสมควร ความสนใจจึงไม่เหมือนกันและผลที่ได้รับก็แตกต่างกัน ดังนั้นควรทำความเข้าใจและค่อยๆ ปรับพฤติกรรมบุตรหลานทีละเล็กละน้อยแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างสม่ำเสมอ โดยการ เลือกประเภทของเกมให้เหมาะสม ซึ่งหากเราเลือกเกมที่เหมาะสมกับอายุของเด็กแล้วนั้นจะช่วยตัดปัญหาในเรื่องของความรุนแรงหรือผลกระทบที่จะส่งผลต่อช่วงวัยของเขา และบุตรหลานของท่านก็จะได้รับแต่ประโยชน์ของเกมในการพัฒนา นอกจากนี้จะทำให้เขาเล่นเกมอย่างมีสติและเข้าใจธรรมชาติของเกมตั้งแต่ต้นอีกด้วย
กำหนดช่วงเวลาและมาตรการ
เพราะอะไรที่มากเกินย่อมไม่ส่งผลดีอย่างแน่นอน ยิ่งในวัยเด็กซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้และพัฒนาที่หลากหลายด้านศาสตร์แขนง คุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองจึงควรตั้งกฎและกติกาที่เป็นข้อตกลงทั้งสองฝ่าย โดยการจัดเวลาการเล่นเกมหลังบุตรหลานทำหน้าที่ในส่วนที่รับผิดชอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว อาทิเช่น การทำการบ้าน อ่านหนังสือ หรือทบทวนบทเรียนที่เรียนมาในแต่ละวัน นอกจากนี้ในเรื่องของระยะเวลาควรจำกัดขอบเขตไม่เกิน 2 ชั่วโมงในแต่ละวัน เพื่อไม่ให้เด็กเกิดความหมกมุ่นและติดจนให้ความสำคัญกับเกมมากเกินไป และที่สำคัญในระหว่างที่เล่นเกมควรให้บุตรหลานลุกขึ้นมาผ่อนคลายืดเส้นยืดสาย การกำหนดขอบเขตที่ชัดเจนอย่างนี้ จะช่วยในเรื่องความรับผิดชอบ ฝึกให้เป็นคนที่ตรงต่อเวลา มีความกล้าหาญที่จะรับผิดชอบการกระทำของตนเอง
สอดแทรกสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวสม่ำเสมอ
เกราะป้องกันและสร้างให้บุตรหลานเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่ดีและมีคุณค่าของสังคมเกิดขึ้นจาก ‘ครอบครัว’ ที่มีความเข้าใจพัฒนาการและความต้องการทางจิตใจของเด็ก พร้อมทั้งการเปิดรับฟัง การกระตุ้นให้เด็กแสดงความรู้สึกและความคิดเห็นในทุกๆ เรื่อง จะสร้างให้เด็กสามารถรับมือกับสภาพแวดล้อมได้ในทุกๆ ปัญหาอย่างถูกต้อง โดยไม่ใช้ความรุนแรง ซึ่งในตรงนี้คุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องหมั่นใส่ใจเวลาลูกเล่นเกม สอดส่องดูแล เพื่อรับรู้ถึงพฤติกรรม อารมณ์ ของเด็กในชั่วเวลาขณะนั้น จากนั้นค่อยๆ ทำการพูดสอนให้ลูกรู้จักผิดชอบชั่วดีในเรื่องต่างๆ โดยการยกจากเกมที่เขากำลังเล่นอยู่เวลานั้นหรือสถานการณ์ต่างๆ ในบ้านเมือง เขาก็จะเข้าใจและแยกแยะออกว่าอะไรคือเกม อะไรคือชีวิตจริง
ชักชวนไปทำกิจกรรมอย่างอื่นนอกสถานที่
เนื่องจากนอกจากที่กล่าวไปแล้วนั้นว่า เด็กในช่วงวัยอายุนี้เป็นช่วงแห่งการเรียนรู้และทดลอง การที่หาและพาเขาไปทำกิจกรรมต่างๆ นอกสถานที่ นอกจากทำให้อยู่ห่างและพักการเล่นเกมบ้างแล้วยังทำให้เขาได้รู้อีกว่ามีกิจกรรมผ่อนคลายอย่างอื่นอยู่อีกมากมาย ซึ่งเขาอาจจะค้นพบความชอบขึ้นได้จากการเดินทางเหล่านี้ไม่ว่าจะ การเที่ยวสวนสนุก พิพิธภัณฑ์ เล่นกีฬา เล่นดนตรี อ่านหนังสืองานวรรณกรรม ทั้งนี้เมื่อเขาตระหนักพร้อมได้รับการจัดสันอย่างลงตัวประโยชน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเกม งานอดิเรก กระทั่งเรื่องการเรียนของลูกก็จะค่อยๆ บาลานซ์สมดุลและนำไปสู่ชีวิตที่ดี
เข้าใจลูก เข้าใจเกม
เพราะลักษณะนิสัยโดยพื้นฐานของช่วงวัยเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก คุณพ่อคุณแม่จึงควรทำความเข้าใจและใช้ความอดทน เพราะเนื่องมาจากโลกในทุกวันนี้แตกต่างและเปลี่ยนแปลงจากอดีตมากพอสมควร ความสนใจจึงไม่เหมือนกันและผลที่ได้รับก็แตกต่างกัน ดังนั้นควรทำความเข้าใจและค่อยๆ ปรับพฤติกรรมบุตรหลานทีละเล็กละน้อยแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างสม่ำเสมอ โดยการ เลือกประเภทของเกมให้เหมาะสม ซึ่งหากเราเลือกเกมที่เหมาะสมกับอายุของเด็กแล้วนั้นจะช่วยตัดปัญหาในเรื่องของความรุนแรงหรือผลกระทบที่จะส่งผลต่อช่วงวัยของเขา และบุตรหลานของท่านก็จะได้รับแต่ประโยชน์ของเกมในการพัฒนา นอกจากนี้จะทำให้เขาเล่นเกมอย่างมีสติและเข้าใจธรรมชาติของเกมตั้งแต่ต้นอีกด้วย
กำหนดช่วงเวลาและมาตรการ
เพราะอะไรที่มากเกินย่อมไม่ส่งผลดีอย่างแน่นอน ยิ่งในวัยเด็กซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้และพัฒนาที่หลากหลายด้านศาสตร์แขนง คุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองจึงควรตั้งกฎและกติกาที่เป็นข้อตกลงทั้งสองฝ่าย โดยการจัดเวลาการเล่นเกมหลังบุตรหลานทำหน้าที่ในส่วนที่รับผิดชอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว อาทิเช่น การทำการบ้าน อ่านหนังสือ หรือทบทวนบทเรียนที่เรียนมาในแต่ละวัน นอกจากนี้ในเรื่องของระยะเวลาควรจำกัดขอบเขตไม่เกิน 2 ชั่วโมงในแต่ละวัน เพื่อไม่ให้เด็กเกิดความหมกมุ่นและติดจนให้ความสำคัญกับเกมมากเกินไป และที่สำคัญในระหว่างที่เล่นเกมควรให้บุตรหลานลุกขึ้นมาผ่อนคลายืดเส้นยืดสาย การกำหนดขอบเขตที่ชัดเจนอย่างนี้ จะช่วยในเรื่องความรับผิดชอบ ฝึกให้เป็นคนที่ตรงต่อเวลา มีความกล้าหาญที่จะรับผิดชอบการกระทำของตนเอง
สอดแทรกสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวสม่ำเสมอ
เกราะป้องกันและสร้างให้บุตรหลานเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่ดีและมีคุณค่าของสังคมเกิดขึ้นจาก ‘ครอบครัว’ ที่มีความเข้าใจพัฒนาการและความต้องการทางจิตใจของเด็ก พร้อมทั้งการเปิดรับฟัง การกระตุ้นให้เด็กแสดงความรู้สึกและความคิดเห็นในทุกๆ เรื่อง จะสร้างให้เด็กสามารถรับมือกับสภาพแวดล้อมได้ในทุกๆ ปัญหาอย่างถูกต้อง โดยไม่ใช้ความรุนแรง ซึ่งในตรงนี้คุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องหมั่นใส่ใจเวลาลูกเล่นเกม สอดส่องดูแล เพื่อรับรู้ถึงพฤติกรรม อารมณ์ ของเด็กในชั่วเวลาขณะนั้น จากนั้นค่อยๆ ทำการพูดสอนให้ลูกรู้จักผิดชอบชั่วดีในเรื่องต่างๆ โดยการยกจากเกมที่เขากำลังเล่นอยู่เวลานั้นหรือสถานการณ์ต่างๆ ในบ้านเมือง เขาก็จะเข้าใจและแยกแยะออกว่าอะไรคือเกม อะไรคือชีวิตจริง
ชักชวนไปทำกิจกรรมอย่างอื่นนอกสถานที่
เนื่องจากนอกจากที่กล่าวไปแล้วนั้นว่า เด็กในช่วงวัยอายุนี้เป็นช่วงแห่งการเรียนรู้และทดลอง การที่หาและพาเขาไปทำกิจกรรมต่างๆ นอกสถานที่ นอกจากทำให้อยู่ห่างและพักการเล่นเกมบ้างแล้วยังทำให้เขาได้รู้อีกว่ามีกิจกรรมผ่อนคลายอย่างอื่นอยู่อีกมากมาย ซึ่งเขาอาจจะค้นพบความชอบขึ้นได้จากการเดินทางเหล่านี้ไม่ว่าจะ การเที่ยวสวนสนุก พิพิธภัณฑ์ เล่นกีฬา เล่นดนตรี อ่านหนังสืองานวรรณกรรม ทั้งนี้เมื่อเขาตระหนักพร้อมได้รับการจัดสันอย่างลงตัวประโยชน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเกม งานอดิเรก กระทั่งเรื่องการเรียนของลูกก็จะค่อยๆ บาลานซ์สมดุลและนำไปสู่ชีวิตที่ดี