จากผู้หญิงรูปร่างอวบที่เคยลดน้ำหนักแบบผิดๆ มาโดยตลอด ไม่ว่าจะอดอาหารบ้าง ออกกำลังกายมาแบบหนักๆ บ้าง หรือหนักหน่อยก็คือทานยาลดความอ้วนจนเบลอเรียนไม่รู้เรื่องและกลายเป็นโยโย่เอฟเฟกซ์ตามมา กระทั่งค้นพบวิธีที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองนั่นก็คือ การทานอาหารคลีนและออกกำลังกาย ปลายฟ้า-ภิมันตกร หรือลูกศิษย์หลายคนอาจจะขนานนามเธอว่า ครูปลาย
เมื่อค้นพบสิ่งที่ถูกวิธี อะไรดีๆ ก็ตามมาเพราะนอกจากเธอจะมีสุขภาพที่ดีขึ้นแล้ว เธอยังกลายเป็นที่สนใจในสื่อโซเชียลอย่างอินสตาแกรม จนมีคนอยากให้เธอสอนออกกำลังกาย ได้มาเป็นเทรนเนอร์ออนไลน์ ณ วันนี้
นอกจากนี้แล้วนั้นความทุ่มเทและการดูแลสุขภาพของเธอยังเข้าตากรรมการทำให้ได้รับรางวัล Influence Asia Top 15 Nominees (Health & Fitness) ระดับเอเชีย 2017
• จุดเริ่มต้นการหันมาดูแลสุขภาพ
ก่อนหน้านี้ปลายเคยเป็นคนอวบๆ น้ำหนักอยู่ที่ 58 กิโลกรัม จริงๆ น่าจะพีคสุดที่ 60 กิโลกรัม ด้วยค่ะแล้วก็เป็นคนหนึ่งที่ลดน้ำหนักแบบผิดๆ มาโดยตลอด ตั้งแต่ทานยาลดน้ำหนักบ้าง อดอาหารด้วยการคุมข้าวเย็น ไม่กินแป้งบ้าง หรือว่าออกกำลังกายหนักไปบ้าง คือทำทุกอย่างให้ตัวเองผอม แต่ท้ายที่สุดแล้วเราได้แต่ความไม่ยั่งยืน เพราะคนเราไม่สามารถทานยาลดน้ำหนักได้ตลอดชีวิต ไม่สามารถอดอาหารได้ไปตลอด ถึงเราจะอดอาหารได้ก็จริง ลดไป 5 กิโลกรัมก็จริง แต่แปบเดียวก็ต้องกลับมากิน น้ำหนักก็ขึ้นมาอีก มันคือสัจธรรมที่ผู้หญิงเราพบ เราก็ต้องมาเฝ้าระวังโดยกินข้าวคำเดียวบ้าง ไม่กล้ากินบ้าง แต่หุ่นก็ยังไม่ได้ดีเหมือนเดิม
• เคยทานยาลดน้ำหนัก ?
ใช่ค่ะ ตอนนั้นคืออยู่มหาวิทยาลัย แล้วเราก็จะมีเพื่อนๆ บอกว่าเฮ้ยแกคนนั้นเขากินยาลดน้ำหนักลดเลย 10 กิโลกรัม เราก็อยากรู้ว่าจริงเหรอ เพราะเราเป็นคนขาใหญ่ด้วย ก็เลยรู้สึกว่ามันจะลดได้เหรอ เลยไปซื้อมาลองทานดูบ้าง ทานปุ๊บมันก็ลดจริงๆ นะคะ ตอนนั้นมีแต่คนทักว่าผอม กระโปรงก็หลวม น้ำหนักลดไป 5-6 กิโลกรัม ภายใน 1 เดือน แต่สิ่งที่รู้สึกได้ก็คือเรียนไม่รู้เรื่องเลย เข้าไปเรียนมีความรู้สึกว่าเหมือนเป็นคนเอ๋อๆ แล้วเพื่อนที่กินมันก็เป็นเหมือนกัน เราก็เลยหยุดกินไป
นอกจากเรียนไม่รู้เรื่องแล้ว ใจยังสั่น รู้สึกเหมือนใจมันจะหลุดออกมา ตอนนั้นแค่หายใจก็เหนื่อยแล้ว ก็มีคนถามเหมือนกันนะว่าเป็นอะไรติดยาเหรอ แม่มาเจอแม่ก็จะถามว่าปลายฟ้าเป็นอะไรลูก ที่หนูผอมมันดีนะ แต่มันโทรมเกินไป ทางบ้านก็เลยสงสัยว่าเราติดยาเสพติดหรือเปล่า พอมีคนทักเราไม่ดี เราเลยคิดว่าเราต้องหยุดวิธีนี้แล้วนะ ก็เลยหยุดการทานยาลดน้ำหนักไป แต่พอหยุดทานปุ๊บ 5-6 กิโลกรัมที่หายไปก็กลับมา กลับมาไม่พอมามากกว่าเดิมอีก ตอนแรกน้ำหนัก 55 กิโลกรัม ทานยาลดน้ำหนักไปลงเหลือ 40 กว่ากิโลกรัม แต่พอหยุดทานยาเท่านั้นแหละ กลายมาเป็นเกือบ 60 กิโลกรัมเลย
• แล้วมาค้นพบวิธีลดความอ้วนที่ถูกต้องได้ยังไงคะ
เมื่อก่อนปลายจะไม่มีคำว่า Healthy อยู่ในหัวเลยนะคะ เพื่อนทุกคนสมัยมัธยม หรือสมัยมหาวิทยาลัย จะพูดเลยว่า มึงนี่นะ Healthy คือมันเป็นไปไม่ได้เลย เพราะว่าด้วยนิสัยเราเป็นคนที่แบบคิดว่าตัวเองเจ๋ง เมื่อก่อนตอนเป็นเด็กจะคิดว่าพวก Healthy น่ารำคาญ กินไปเถอะเดี๋ยวก็ตาย จะอะไรนักหนา กินผักกินหญ้าแล้วรถชนตาย อุตส่าห์กินมาตั้งหลายปีก็ตาย เราเป็นคนที่คิดไม่ดีเลยเป็นคนมีความคิดในแง่ลบ มั่นใจในตัวเองเหมือนเป็นคนสุดโต่ง ซึ่งตอนนี้ก็สุดโต่งแต่เป็นเวอร์ชันที่ดีกว่าตอนนั้น แต่เมื่อก่อนจะสุดโต่งในด้านที่ไม่ดีเลย เพราะฉะนั้นมันก็เลยทำให้เราคิดว่าควรที่จะปรับความคิดใหม่ดูแลตัวเองใหม่
ที่สำคัญเลยคือปลายไปหาหมอตรวจเจอว่าเป็นโรค คือเรามีอาการเหนื่อยง่าย เป็นลมบ่อย ไปไหนมาไหนก็เป็นลม ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ เขาเดินไปถึงไหนแล้ว แต่เรายังอืดอาด เดินก็ช้า ปวดหลังแบบไม่ได้ออกกำลังกายอยู่ๆ ก็ปวดหลัง พอไปพบหมอ หมอบอกว่ามีภาวะเป็นโรคไต เพราะเราเป็นคนกินเค็ม แล้วก็ไม่กินน้ำ เป็นคนไม่ดูแลตัวเอง มันเริ่มหลายโรค แล้วก็อ้วนด้วย ก็เลยมีความรู้สึกว่าควรหันมาดูแลตัวเองบ้างแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดเรื่องนี้เลยนะคะ แต่ตอนนั้นที่หาหมอคือจู่ๆ คำว่าดูแลสุขภาพมันก็เกิดขึ้นมาในหัวเลย
สิ่งนี้ทำให้เราคิดหา keyword คำว่าลดน้ำหนักให้กับตัวเอง ว่าทำยังไงเราถึงจะทำให้ได้ถาวรและตลอดไป ปลายเสิร์ชหาจากเว็บไซต์ Google เลยนะคะ ซึ่งมันก็ขึ้นคำว่า “อาหารคลีน” ขึ้นมา เราก็เลยไปค้นหาดูว่ามันคืออะไร ไปหาความรู้ตรงนั้น เพราะเราเป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้มีความรู้ในด้านนี้มาก่อน ไม่เคยมีเทรนเนอร์มาบอก ไม่เคยได้ไปยิม หรือมีใครมาบอก ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดมาจากการที่เราศึกษาด้วยตัวเอง อ่านหนังสือ หรือดูจากคนที่เขาทำมาก่อน เช่นพี่เมจิ อโณมา ศรัณย์ศิขริน พี่ฟ้าใสที่เป็นเทรนเนอร์ และดูทุกคนที่เขาเก่งๆ ในอินสตาแกรม คือเรามีเขาเป็นแบบอย่างทั้งหมดเลย แล้วเราก็เอาวิธีที่เราชอบมาปรับใช้กับตัวเอง
ปลายเริ่มจากหันมาศึกษาข้อมูลเรื่องการทานอาหารคลีน แล้วก็การออกกำลังกาย โดยที่เราหันมาดูแลตัวเองแล้วก็มันไม่ได้หมายความว่าเรารู้เลยนะคะ แต่เราจะลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง เช่น เราทำไป 3 เดือนแต่กับพบว่าการกินคลีนแบบนี้ไม่เหมาะกับเรา เราไม่ได้ชอบแบบนี้ ลองทำผิดๆ ถูกๆ น้ำหนักขึ้นก็มี เพราะมันไม่เหมาะกับเรา หรืออย่างช่วงเดือนนี้ลองรับแคลเซียมดูซิ ลองชั่งอาหารดูซิ ลองทานอาหารเสริมตัวนี้ดูซิ ปลายทำมาเยอะค่ะ คือก็ต้องเข้าใจว่าปลายไม่มีเทรนเนอร์ ทุกอย่างอ่านมาจากหนังสือ ศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเอง เรียนรู้จากตัวเอง อย่างบางทีทำท่าแพลงค์ เราทำผิดๆ จนปวดหลังไป 5 วัน 7 วันเลยก็มี ก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ทุกคนจะมีวิธีของตัวเอง อย่าง มีฝรั่งคนหนึ่ง เขาเรียกตัวเองว่าเป็น Durian Girl กินแต่ทุเรียน แต่หุ่นดีมาก มีซิกแพค เขาก็บอกว่าประเทศไทยโชคดีมีทุเรียนขนาดนี้แต่ฉันก็งงว่าทำไมคนไทยถึงกลัวทุเรียน เขาบอกว่า จริงๆ แล้วคนเราไม่สามารถบอกได้ว่าวิธีนี้ผิดหรือถูก อย่าไปว่าใครเลยหรือเลือกที่ชอบวิธีนั้น อย่าไปว่าเขาว่าตัดสินถูกหรือว่าไม่ดี หรืออย่างบางคนเรียกตัวเองว่าเป็น vegetarian กินแต่ผัก แต่ผักบางชนิดก็มีโปรตีนนะ ซึ่งการลดน้ำหนักของคนเราไม่จำเป็นต้องจำกัดว่าจะต้องเป็นวิธีใด วิธีหนึ่งอยู่ที่ว่าเราเลือกมากกว่าว่าจะชอบวิธีไหน
จนกระทั่งปลายได้วิธีที่เหมาะที่สุดกับตัวเอง แต่ไม่อยากจะบอกว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดนะคะ เพราะว่าในเรื่องการดูแลตัวเองอย่างการลดน้ำหนัก จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องที่มีหลายวิธี ต้องบอกทุกคนก่อนว่ามันไม่มีวิธีไหนที่ผิด หรือวิธีไหนที่ถูก อยู่ที่เราเรียนรู้ก่อนว่าเราชอบอะไร อย่างตัวปลายชอบทำแบบนี้ คนที่เขาเข้ามาสนใจในตัวเรา บางคนอาจจะชอบแนวนี้เหมือนกัน ซึ่งปลายค้นพบวิธีที่ถูกกับตัวปลายจนปลายดูแลตัวเองมาได้ 4 ปีแล้วค่ะ
ตอนนี้น้ำหนักปลายจะอยู่ที่ประมาณ 46-48 กิโลกรัม แต่พอปลายรู้เรื่องการดูแลตัวเอง น้ำหนักก็จะไม่ได้เป็นตัววัดเลยนะคะว่าวันนี้เราหุ่นดีหรือไม่ดีมัน เพราะเป็นมวลของน้ำของอาหาร ที่เราทานบางทีเรากินน้ำเข้าไปอึกนึง น้ำหนักมันก็ขึ้นแล้ว มันทำให้เรารู้สึกว่าจริงๆ แล้วน้ำหนักไม่สำคัญเท่ากับรูปร่างเลย
• ดูเหมือนจะเคยล้มเหลวมาเยอะใช่ไหมคะ แล้วแบบนี้เรามีวิธีการจัดการยังไงบ้าง
ปลายต้องบอกก่อนเลยว่านิสัยของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ส่วนนิสัยปลายคือ ตั้งแต่เกิดมาปลายจะไม่เคยท้อ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม จะมีแต่ว่าอันนี้ไม่สำเร็จ ไม่ทำแล้ว คือเราจะมีเหตุผล สมมติเราบอกว่าเราอยากจะขายาวเหมือนแบบนางแต่ความเป็นจริงเราขาสั้น ในความเป็นจริงต่อขาให้ยาวมันก็ไม่ได้ เราจะมาท้อมันก็ใช่เรื่อง เราก็ต้องมองตามความจริงว่าขาเรามันได้แค่นี้ โอเคเราขาสั้น และฉันเข้าใจ แต่ว่าฉันจะทำยังไงให้มันดูดีขึ้นกว่าเดิม ถ้ามันเพิ่มความยาวไม่ได้เราก็ทำให้มันเล็กลงสิ ปลายก็ดูแลตัวเอง ออกกำลังกาย ก็ทำไปเรื่อยๆ
แน่นอนว่าการกินคลีนและออกกำลังกายมันเป็นเรื่องที่ต้องใช้ใจ ใช้วินัย เนื่องจากเมื่อก่อนเราเคยอดอาหาร หรือตั้งเป้าหมายว่า เช่นภายใน 1 เดือนฉันจะต้องลดให้ได้กี่กิโลกรัม ภายใน 3 เดือน ฉันจะลดให้ได้กี่กิโลกรัม ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นคือพอครบ 3 เดือนมันยังไม่ถึงเป้าที่ตั้งเอาไว้ สิ่งที่คุณเป็นก็คือเครียดว่าทำไมไม่ถึงเป้าหมาย รู้สึกล้มเหลวแต่ใครจะรู้ว่าจริงๆ แล้ว สมมติว่าเขาหนัก 60 กิโลกรัม เขาตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะต้องลดให้ได้ให้เหลือ 50 กิโลกรัม ภายใน 3 เดือนแต่ 3 เดือนเขาลดลงเหลือ 55 กิโลกรัม ทำไมคุณไม่มองล่ะว่า 5 กิโลกรัมที่หายไปนั่นคือความสำเร็จนะ แต่ทุกคนจะมองตัวเองว่าฉันไม่ถึง 50 กิโลกรัม ฉันท้อ ฉันเลิกทำ แต่จริงๆ คุณทำได้แล้ว แค่มันอาจจะไม่ถึงเป้าหมาย แต่อย่างน้อยคุณก็ทำได้
ปลายล้มเหลวมาเยอะนะคะ ทั้งทานยาลดน้ำหนัก ทั้งการอดอาหารนั่นแหละคือการล้มเหลว เพียงแต่ว่าด้วยนิสัยปลายจะไม่ดราม่า ไม่ชอบโพสต์ลงเฟซบุ๊ก คือนิสัยส่วนตัวจะชอบเก็บไว้ในใจ คือรู้ตัวเองแหละว่าตัวเองล้มเหลว แต่จะคิดเสมอว่าไม่เป็นไรเอาใหม่ แต่ไม่ใช่ว่าหลอกตัวเองนะคะ คือเรายอมรับแล้วว่าเราล้มเหลว แต่ว่าเราจะไม่กระโตกกระตาก เราก็ทำใหม่สิ ตัวปลายกว่าจะมาถึงเส้นทางวันนี้ได้ มันก็ไม่ใช่ถูกไปหมดทุกอย่าง บางทีปลายก็ไม่รู้ อย่างออกกำลังกายเคยไปต่อยมวยทุกวันนี้วิดพื้นยังเจ็บข้อมืออยู่เลย เพราะว่าไปต่อยมวยแล้วต่อยผิดท่าแล้วมือบวมมากแต่ก็ไม่ได้ไปหาหมอเพราะว่าไม่มีเงิน จนปัจจุบันนี้ไม่ปกติไปเลย นั่นแหละคือสิ่งที่ล้มเหลวของปลายเพียงแต่ปลายไม่เคยบอกใคร ซึ่งทุกวันนี้มันก็เป็นบทเรียนว่าเราจะต้องเซฟตัวเอง
ปลายจะใช้ความล้มเหลวเก็บเป็นพลังที่จะทำให้มันสำเร็จ เราจะเคยได้ยินคำว่าความผิดพลาดคือครูของเราที่ทำให้เราสำเร็จในอนาคต เวลาที่เราพลาดทุกครั้งปลายก็จะมีความสุขว่าตัวเองพลาดบ่อย แสดงว่าเราจะสำเร็จในอนาคตแล้วนะ ปลายเอาความผิดหวังมาเป็นครู เราก็เรียนรู้ที่จะทำตัวไม่ให้พลาดอีก แต่เวลาเราพลาดบางครั้งเราก็ไปโทษคนอื่น ไม่โทษตัวเอง คนแบบนี้มักไม่ประสบความสำเร็จ เพราะชอบโทษคนอื่น เช่นไม่ได้ออกกำลังกาย เพราะว่าฝนตก เพราะว่าเพื่อนชวนไปกินข้าว โทษเพื่อนโทษฝน โทษฟ้า โทษดิน จริงๆ ลองมองดูดีๆ ว่ามันใช่หรือเปล่าออกกำลังกายมันคือเรา ไม่ใช่เพื่อน ไม่ใช่ฝนตก เพราะฉะนั้นเวลาฝนตกกางร่มไปก็ได้ ออกก่อนเวลาไหม หรือเพื่อนชวนไปกินข้าวอาจจะบอกเพื่อนว่าขอเปลี่ยนเวลาได้ไหม แค่นี้เองง่ายมาก
• พอทำสำเร็จแล้ว ชีวิตเปลี่ยนไปบ้างไหม ได้อะไรจากการที่สุขภาพดีขึ้นบ้าง
สิ่งที่ได้คือตอนนั้นที่เรามีภาวะเป็นโรคไต หมอบอกมาว่าถ้าอีก 3 เดือนคุณไม่เปลี่ยนตัวเอง ยังใช้ชีวิตแบบนี้ คุณจะเป็นโรคไตแน่นอน พอเราเปลี่ยนหันมาดูแลตัวเองมันก็หายไป ตอนนี้เรื่องความแข็งแรงของร่างกายพูดตรงๆ นะเหมือนมีแบตเตอรี่ 3 ก้อน เหมือนคนที่มี Power Bank สำรองเลยค่ะ มันไม่หมดง่ายๆ อยู่ได้ทั้งวันมีแบตเตอรี่ตลอด อย่างทุกวันนี้งานเยอะมากนะคะ ต้องออกกำลังกายด้วย ต้องดูแลหลายอย่าง ตื่นเช้าขึ้นมาคุยกับนักเรียนออนไลน์ นักเรียนมาที่บ้าน ความวุ่นวายสมองมันต้องคิดตลอด แต่ร่างกายเราได้รับวิตามินเยอะ ได้รับอาหารครบ 5 หมู่ ทุกอย่างมันก็ทำงานสมบูรณ์ นอกจากวันที่มีประจำเดือน หรือเป็นหวัดที่ปีหนึ่งจะเป็นครั้งหนึ่ง หรือเกิดอาการเพลียจากการที่ไม่ได้นอนจริงๆ
• เห็นว่าดูแลตัวเองจนกระทั่งมีคนติดตามเยอะ และมีโอกาสได้เป็นเทรนเนอร์ให้กับคนอื่นๆ ด้วย
ใช่ค่ะ ตอนนี้ก็สอนจริงจังมาได้ 2-3 ปีแล้วค่ะ คือหลังจากที่เราดูแลตัวเอง เราก็จะชอบเอาคำคมชีวิตส่วนตัวของเราลงในโลกออนไลน์ จนมีคนสนใจติดตามเยอะขึ้น แล้วบังเอิญว่าสิ่งที่ทำให้ปลายตัดสินใจมาสอนเพราะมีคนมาคอมเมนท์ใต้ภาพว่า “สอนหนูหน่อยสิ คิดเงินเท่าไหร่ว่ามาเลย”
ตอนนั้นดูแลตัวเองแล้วนะบวกกลับเราเพิ่งออกจากงานประจำ เพราะจะไปช่วยกิจการที่บ้านที่ต่างจังหวัดด้วย เราก็ไม่รู้นะคะว่าเราต้องคิดเงินอะไรยังไง เท่าไหร่ และเราคิดว่าตัวเราจะสอนคนอื่นได้จริงๆ เหรอ เพราะเราไม่ได้เป็นคนในฟิตเนส ไม่ได้เป็นเทรนเนอร์ในฟิตเนส ไม่มีใบประกอบวิชาชีพอะไร เราไม่สามารถที่จะสอนใครได้หรอก เพราะว่าเราไม่ได้จบเฉพาะทาง แต่ท้ายที่สุดปลายก็ลองรับสอนและบอกเขาไปตามตรงซึ่งนักเรียนที่มาเรียนก็จะพูดว่าจบอะไรมาไม่สนใจ จะเอาความรู้ที่เรารู้นี่แหละ อยากให้เราสอนและบอกต่อด้วยประสบการณ์จริงๆ ที่เราทำมา เขาบอกว่าเขาต้องการแค่นี้ เพราะบางคนเขาไปตามฟิตเนสมาแล้ว แต่เขาไม่สำเร็จ ซึ่งสิ่งนี้ก็ทำให้ปลายได้เรียนรู้มาจนถึงทุกวันนี้ว่าจริงๆ แล้วสำหรับทุกคนมันใช้ไม่ได้ทุกวิธี เหมือนวิชาการตรงนั้นมันอาจจะไม่เหมาะกับคนบางคนก็ได้เช่นกัน
• พอเริ่มมาเป็นเทรนเนอร์ เรามีวิธีการสอนยังไงบ้างคะ
วิธีการสอนของปลายจะใช้พลังด้านบวกที่ดีสอนคนอื่น เขาได้รับคำปรึกษาจากเราเขาก็จะรู้สึกมีความสุข แน่นอนว่าการลดน้ำหนักมันเป็นเรื่องของใจ ไม่ใช่เรื่องของความรู้หรอก ความรู้ใน Google ก็มีค่ะ แต่เขาอาจจะขาดกำลังใจก็เลยรับสอน และมอบกำลังใจให้
วิธีการจัดตารางการสอนของปลาย บอกตรงๆ ว่าไม่ได้ต่างกันมาก ซึ่งทุกคนจะชอบเข้าใจผิดว่าต้องจัดตามรูปร่าง แต่จริงๆ แล้วไม่จริงนะคะ เพราะว่าไขมันมันลดเหมือนกัน ปลายเลยจะจำแนกประเภทอาหารอย่างเช่น คนเป็นมังสวิรัติอย่างหนึ่ง คนเป็นเจอย่างหนึ่ง คนที่มีอายุมากอีกอย่างหนึ่ง คนนี้ไม่กินผักเลยอะไรแบบนี้ ก็อีกอย่างหนึ่ง แต่จะไม่ได้จำแนกเป็นคน เพราะมันไม่เกี่ยว ตารางอาหารที่ส่งให้ นักเรียนมีหน้าที่ทำตามและแจ้งกลับมาให้เรา ซึ่งเราจะบอกนักเรียนเลยว่ากินตามไม่ได้ไม่ต้องซีเรียสนะคะ ถ่ายมาเถอะ ถ้ามันไม่ดี หน้าที่ของครูคือไม่ได้ด่าแต่จะคอยเตือนเหมือนดึงสติกันว่ามันไม่ตรงนะ พรุ่งนี้เอาใหม่นะคะ เราจะมีหน้าที่คุยให้กำลังใจเขา
ส่วนเรื่องของการออกกำลังกายปลายจะส่งเป็นคลิปวีดีโอไปให้นักเรียน ท่านี้นะ ท่านั้นนะ ส่วนใหญ่แน่นอนว่าเราต้องถามก่อนว่า ท่านี้เจ็บเข่าไหม ปวดหลังหรือเปล่า เคยออกกำลังกายมาไหมจากการโทรศัพท์ไปสัมภาษณ์เขาตอนแรก เราก็จัดให้ไปตามแต่ละคน แล้วก็มีการอัพเดทมีการเปลี่ยนทุกสัปดาห์ หรือทุก 2 สัปดาห์
ตอนแรกๆ จะสอนแบบให้นักเรียนมาเรียนกับปลายก่อนนะคะ เพราะเราไม่รู้จักด้วยว่าสอนออนไลน์ได้ด้วยเหรอ เรานึกภาพตอนนั้นคือถ้าเป็นเทรนเนอร์ก็ต้องมาเจอกันสิแล้วก็มาออกกำลังกาย แต่ทีนี้เราไม่มีอะไรเลย ไม่เคยไปฟิตเนสแล้วออกกำลังกายยังไงนี่คือนักเรียนก็บอกว่าก็เหมือนที่ครูไปออกนั่นแหละ เราก็ทำท่าที่เราทำมาสอนนักเรียนแบบง่ายๆ แบบไม่มีอุปกรณ์ ควบคุมให้เขาทำต่อเนื่อง จนกระทั่งเปลี่ยนมาสอนออนไลน์แทน
• สอนออนไลน์? แล้วเทรนเนอร์ออนไลน์ ต่างกันกับเทรนเนอร์ตามยิมไหม
ที่มาสอนออนไลน์ เพราะว่านักเรียนเกิดปัญหาในเรื่องของการเดินทางคือใครบางคนซื้อคอร์สไว้แล้วก็จะบอกว่าวันนี้ไม่ได้ไป บางคนก็จะบอกว่าครูวันนี้เดินเหนื่อยมากเลย ขอเลื่อนไปก่อนนะคะ เงินที่เสียให้เรามามันสูญเปล่ามันไม่คุ้ม เราก็เลยมีความคิดว่าเราจะทำยังไงดี จำได้ว่าคุยกับนักเรียนที่อยู่เชียงใหม่ เขาสนใจเขาบอกว่าจะทำยังไงดี จะเรียนกับครูยังไง ไม่รู้จักเรื่องออนไลน์เลย แต่รู้สึกว่ามีคนที่เป็นเทรนเนอร์ก่อนหน้าเรามาแนะนำ เราก็ไม่รู้ด้วยซ้ำเขาบอกว่าเดี๋ยวนี้เขาสอนออนไลน์กันเยอะนะ เราก็งงว่ามันได้ด้วยเหรอ เราเลยมาคิดทบทวนแล้วว่าเออมันไม่ได้จริงๆ เพราะสิ่งสำคัญที่ทำให้เราลดน้ำหนักได้คืออาหาร 80% ออกกำลังกาย 20 % คือพูดง่ายๆ มาเจอกับปลาย ถ้าเกิดว่าไม่ควบคุมอาหารกลับบ้านไปคุณไปกินเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าคุณจะมาออกกำลังกายกับปลาย คุณก็ได้แค่ความแข็งแรงแต่ไขมันก็ไม่ลด บางคนจะเข้าใจว่าจะลดน้ำหนักก็ไปออกกำลังกาย แต่จริงๆ แล้วคีย์เวิร์ดสำคัญก็คืออาหาร ถ้าสอนแบบออนไลน์ตัวปลายเอง ตัวนักเรียนเองก็ไม่เหนื่อยในการเดินทาง
ทุกวันนี้เรามีการสื่อสารที่ดีมี Facebook มี Line มี Instagram ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน นักเรียนอยู่ไหนก็ไม่รู้ ส่งรูปมาให้ปลายดูว่าครูกินอันนี้นะ กินได้ไหม หรือส่งมาถามเราก็ตอบได้เลย ไม่ต้องมาเจอกัน แล้วก็สามารถคุยได้ตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นถ้าเรานอน คิดดูสิว่ามันง่ายกว่าไหม แล้วมันก็ไม่ต้องเปลืองเงินค่ารถ ไม่ต้องเปลืองค่าแอร์ เปลืองอะไรมากมาย ต่างคนก็ต่างคุยกันแค่มันต้องอาศัยวินัยในตัวคุณ
การเรียนออนไลน์มันได้เห็นกันหมด เพราะว่าปลายจะบังคับนักเรียนให้ส่งมาให้เราดูตลอด คือเบื้องต้นเราก็จะส่งตารางเรียนไป นักเรียนก็ต้องส่งรูปร่างเป็นยังไง บอกอายุส่วนสูง โรคประจำตัว โดยสังเขปว่าแพ้ยาอะไรมาไหม เคยทานยามาหรือเปล่า ปัญหาของเรา และเป้าหมายอยากได้อะไร แบบไหน
การสอนออนไลน์กับในยิมแตกต่างกันว่าคุณอยากได้เป้าหมายแบบไหน ถ้าคุณอยากเป็นนักเพาะกาย อยากตัวใหญ่ๆ ปลายให้ความรู้คุณไม่ได้ คือคุณต้องไปหาคนที่เขามีความรู้ตรงนี้ แต่ถ้าในขณะเดียวกันคุณเป็นผู้หญิงธรรมดาที่อยากจะตัวเล็กๆ มีไขมันลดลง ใส่เสื้อผ้าสวยขึ้น มี sexy body คุณมาหาปลาย เพราะมันไม่จำเป็นต้องไปถึงขนาดนั้น ปลายบอกเลยนะคะว่าคนที่เป็นเทรนเนอร์ในฟิตเนสหรือว่าคนที่เป็นเทรนเนอร์ในยิมเขามีความรู้มากกว่าปลายเยอะค่ะ เขาเรียนมาจบมาโดยตรง มีการคำนวณสารอาหาร ปลายก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่อยู่ข้างต้นที่คนมองข้าม อย่างสมมติคุณบอกว่าฉันอยากหุ่นดีแต่ไปเรียนกับนักเพาะกายเลย ก็อาจจะทำให้คุณเครียด ก็เลยอาจจะทำไม่สำเร็จ ออกกำลังกายหนักเกิน กินอาหารหนักเกิน ไปทำอะไรที่มันดูแล้วเป็นนักเพาะกายมันก็เลยผิดจุดประสงค์ เพราะฉะนั้นปลายมองว่าอยู่ที่วัตถุประสงค์การเลือกเลยค่ะ
มันไม่มีผิด ปลายว่าทุกคนดีหมด แต่อยู่ที่เราจะเลือกอะไร ปลายก็แค่เป็นอีกวิธีหนึ่ง สำหรับคนที่ไม่ชอบเดินทาง ไม่ชอบไปไหน ไม่ชอบสายตาผู้คน ชอบความง่าย ชอบความประหยัด ชอบความสะดวกแล้วก็ไม่อยากออกกำลังกายหนัก อยากมีใครสักคนมาจี้ ปลายเป็นตรงนั้นให้คุณได้ แต่ถ้าในขณะเดียวกันคุณอยากที่จะให้คนสอนออกกำลังกาย อยากไปยิม คุณชอบ คุณมีความสุขอย่างนั้น คุณก็ไปได้เลยในทางนั้น
• แล้วผลตอบรับจากลูกศิษย์ที่เรียนออกกำลังกายออนไลน์กับครูปลายเป็นยังไงบ้างคะ
ก็ดีนะคะ ถ้าเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์สมมติใน 100 คน มี 70-80 คน ที่ทำสำเร็จ นักเรียนปลายหลายๆ คนสำเร็จบางทีทำได้แค่ 60-70% เอง แต่เขาพยายามเพราะฉะนั้นลดมากลดน้อยอยู่ที่คน ถ้าทำ ยังไงคุณก็ลด ทำมากก็ได้ผลมาก ทำน้อยก็ได้ผลน้อย เป็นเรื่องที่อยู่กับตัวเอง มันไม่เหมือนการซื้อเสื้อผ้าจ่ายเงินให้ไปแล้วคุณจะได้หุ่นที่ดีเลย มันไม่ใช่ อันนี้คือจ่ายหรือซื้อกำลังใจแล้วคุณจะต้องไปทำ คนที่สำเร็จหลายคนก็น่ารักค่ะเขากลับมาใหม่เยอะ ถามว่าอีก 20% ที่ไม่สำเร็จเพราะอะไรคือมันมีหลายปัจจัยนะ บางทีเขาสมัครเรียนกับปลายไปเสร็จปุ๊บมีเพื่อนมาชวนไปต่อยมวยเพื่อนบอกว่าไปต่อยมาดีมากเลยเขาก็ทิ้งไป บางคนก็ทำไม่ได้ ไม่ตรง อย่างเราบอกให้กินอันนี้ แต่เขาไปกินอย่างอื่น ซึ่งสวนทางกับเรา บางคนโอนเงินมาแล้วหายไปเลยยังไม่เริ่มเลยก็มี บางทีทักไปสวัสดีค่ะ วันนี้เริ่มแล้วนะ เขาบล็อกเราก็มี บางคนเราส่งตารางอาหารไปให้ ส่งตารางออกกำลังกายไปให้แล้วไม่ทำก็มี บางคนที่ทำไม่ได้ผลเลย ก็มาขอเงินคืนบ้าง แต่ปลายจะบอกกฎไว้อยู่แล้วว่าโอนแล้วคือต้องทำไม่รับคืนเงินทุกกรณี เพื่อดัดนิสัย ถ้าคุณทำไม่ได้คุณต้องเสียเงินตรงนี้นะ แต่เราไม่อยากทะเลาะกับใครเพราะคิดว่าคนเรานิสัยไม่เหมือนกันก็เลยขอโทษเขาไปแล้วก็บอกไปตรงๆ ว่าขออภัยด้วยนะคะที่วิธีของปลายมันไม่ได้ผลกับคุณ ลองไปเรียนรู้วิธีอื่นดูนะคะอะไรแบบนี้แทน ก็จะเจอคนหลายประเภทค่ะ
ปลายจะเน้นสอนลดไขมัน ลดสัดส่วนลง เพราะฉะนั้นกล้ามเนื้อที่ได้มามันอาจจะไม่ได้เยอะ ส่วนใหญ่ปลายจะสอนแค่ผู้หญิง ปลายไม่ได้เป็นผู้ชาย ปลายจึงไม่ได้เรียนรู้ที่จะมีกล้ามเหมือนผู้ชาย ปลายมองว่าความรู้เรายังไม่มากพอ ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบการคุมอาหาร สำหรับผู้ชายเขาไม่สามารถควบคุมได้แบบเรา เราไปจุกจิกเขามากเขาก็จะรำคาญ แต่ก็เคยมีคนมาเรียนนะคะ เขามาเรียนกับแฟนเพราะเขาอยากลดไขมัน ไม่ได้อยากมีกล้ามมากมาย ผู้ชายเขาก็ลดไป 13 กิโลกรัม ซึ่งเขาก็พอใจกับตรงนี้
ตอนนี้ก็เริ่มมีดารามาเรียนบ้างแล้ว มีน้องขนมจีน Kamikaze คุณพลอย จินดาโชติ ก็เริ่มมีดารามาสนใจ เราก็รู้สึกดี ยิ่งพัฒนาตัวเองให้มากขึ้นค่ะ ส่วนอนาคตปลายกำลังจะเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง ตอนแรกจะทำเล่นๆ ไม่ได้คิดจริงจัง แต่ตอนนี้รู้สึกว่าเราต้องทำให้มันจริงจังไปเลย ก็เลยเปิดบริษัทชื่อบริษัทว่า Have a Good life จำกัด เป็นบริษัทที่ยังไม่ได้เปิดจริงจังนะคะ เพิ่งได้ใบมา กำลังอยู่ในขั้นตอนการตกแต่งบริษัท คือจะเป็นประมาณว่าถ้าอยากผอมเดินเข้ามา ไม่มีอาหารเสริม ไม่มียาลดน้ำหนัก ไม่มีการขายอะไรทั้งนั้น เป็นโรงเรียนจริงๆ เป็นวิธีที่ใช้ใจถึงใจจริงๆ สามารถเข้ามาปรึกษาเราได้ จะมีการออกกำลังกายซึ่งเราจะทำสตูดิโอเล็กๆ ไว้เพื่อออกกำลังกายด้วยค่ะ และอนาคตอาจจะมีเรื่องของอาหารคลีนเข้ามา ก็ต้องดูกันอีกทีค่ะ
• ส่วนตัวแล้วจำกัดคำว่าสุขภาพดีไว้ว่าอย่างไรคะ
ในความหมายของคำว่าสุขภาพดีของปลายก็คือ คุณเดินแล้วคุณเอาชีวิตรอดได้ ไม่เป็นภาระใคร ไม่เป็นลม ไม่เหนื่อยง่าย แล้วก็ไม่เป็นภาระของลูกหลานก็พอ
ทุกวันนี้คนเราทำงานหนัก ทำงานเหนื่อยเพื่อไปซื้ออะไรก็ไม่รู้ที่ไม่ดีต่อสุขภาพ พอเราแก่ตัวลงไป เป็นเบาหวาน เป็นมะเร็ง เป็นความดัน ลูกหลานก็ต้องมาดูแลแทนที่ลูกหลานจะได้ไปเที่ยว ไปใช้ชีวิตก็ต้องมาดูแลพ่อแม่ตอนแก่เฒ่า ปลายไม่ได้บอกว่าให้ทุกคนอกตัญญูนะคะ ทุกคนต้องดูแลพ่อแม่อยู่แล้ว แต่ทำไมตัวเราเองที่ไม่ดูแลตัวเองตั้งแต่ตอนนี้ก่อน แล้วค่อยแก่ตายไปอย่างสงบ จะดีกว่าไหม เอาเงินไปให้ลูกให้หลานดีกว่าไหม ทำไมต้องมาเสียให้หมอเป็นหลายบาท
ปลายมองว่าคนที่ดูแลตัวเอง มีสุขภาพดี คือคนที่ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เป็นภาระใคร บางคนก็พูดว่าไม่ต้องมาดูแลสิ อันนั้นมันเป็นการประชดค่ะ สุดท้ายแล้วคนที่เขารักคุณเขาก็ต้องดูแลคุณอยู่ดี คือถ้าคุณไม่สบายไป แฟนก็ไม่ได้ไปทำงาน แม่ก็ต้องเป็นห่วง สุดท้ายก็จะเป็นภาระของคนรอบข้าง ปลายเชื่อว่าทุกคนก็ต้องมีคนที่เรารัก ถ้าคนที่เรารักป่วย เราจะสบายใจไหม
การดูแลสุขภาพแน่นอนว่าเราได้กับตัวเราอยู่แล้ว แต่สำหรับปลายมันก็เป็นการทำดีอย่างหนึ่งเพื่อสังคม เพื่อคนอื่นเหมือนกันนะ เช่น เรามีความรู้ไปมอบให้คนรอบข้าง สมมติว่าเราแข็งแรง อย่างปลายเคยไปเจอเหตุการณ์ตอนที่ไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วเจอคุณยายเป็นลมอยู่ข้างทาง เราสามารถอุ้มคุณยายได้เลย พาคุณยายไปที่ปฐมพยาบาลได้ แต่ในขณะเดียวกันถ้าเราเองก็ไม่มีแรง เราจะสามารถช่วยใครได้ มันก็ทำให้เราได้ใช้ประโยชน์ตรงนี้จริงๆ สัมผัสกับความรู้สึกนี้ได้เลย
• แล้วถ้าอยากมีสุขภาพที่ดีต้องเริ่มจากอะไรบ้าง มีคำแนะนำหรือเคล็ดลับไหมคะ
ก่อนอื่นต้องถามตัวเองก่อนว่าเราอ้วนขึ้นนะ และที่เราอ้วนขึ้นเป็นเพราะเราติดอะไร ติดขนมไหม ติดน้ำหวานหรือเปล่า ถ้าใช่ก็ให้เลี่ยง ให้หยุด หรือลดปริมาณลงดูก่อนก็ได้ เช่น จากที่เคยกินน้ำหวานทุกวัน ลองเหลือสัปดาห์ละ 2 วันดูก่อนไหม ลองลดลงก่อน หรือคนที่ลดเหลือสัปดาห์ละ 2 วันได้แล้ว ก็อาจจะลดเหลือสัปดาห์ละแก้วดูไหม แต่ละคนไม่เหมือนกัน ลองดูว่าตอนนี้เรามีพฤติกรรมแบบไหน แล้วลองปรับลดตัวเอง ดูก่อน อย่างขนมก็เหมือนกันถ้ากินเยอะก็ลดลงก่อนให้เหลือสัปดาห์ละ 2 ครั้ง แล้วก็ลดเหลือสัปดาห์ละครั้ง เพราะขนมหรือของหวานเป็นอันดับหนึ่งเลยที่ทำให้เราอ้วน เพราะมันมีน้ำตาลเยอะมากๆ แถมยังมีสารเคมีอื่นๆ อีก ทั้งสารกันบูด ผงฟู และสารอื่นๆ สารพัด
หลังจากนั้นให้เรามาดูว่าเราทำอาหารได้ไหม ถ้าทำอาหารได้ก็เริ่มจากเมนูง่ายๆ ก่อน อย่าง อกไก่ย่าง ไข่ต้ม สามารถค้นหาเมนูจาก Google ได้เลย เมนูคลีนเยอะมาก เลือกที่เราชอบ แล้วก็ทำ ฝึกไปเรื่อยๆ ค่ะ
สำหรับคนที่จะเริ่มต้องมีวินัย ทุกๆ อย่างศึกษาเองได้หมดโดยไม่ต้องมีเทรนเนอร์ก็ได้ อินเทอร์เน็ตมี หนังสือมี คลิปวีดีโอ ใน YouTube ก็มีเยอะแยะเลยค่ะ จะออกกำลังกายท่าไหน มีความรู้ให้เราเยอะแยะมาก ฝึกดู ลองทำดูค่ะ เพราะบางคนรู้เยอะมากแต่ทำไม่ได้เพราะเขาไม่มีวินัย สู้รู้น้อยแต่ทำเลยดีกว่าค่ะ
ส่องอาหารคลีนจากอินสตาแกรมครูปลายฟ้า
เรื่อง : วรัญญา งามขำ และ จิราภรณ์ คงทรัพย์
ภาพ : วรวิทย์ พานิชนันท์ และ อินสตาแกรม plaifana
ขอบคุณสถานที่ : Jaroenthong Muay Thai และ PRA-AR-TIT FIT 24 Hrs. ถ.พระอาทิตย์ เบอร์โทร 082-629-2313
เมื่อค้นพบสิ่งที่ถูกวิธี อะไรดีๆ ก็ตามมาเพราะนอกจากเธอจะมีสุขภาพที่ดีขึ้นแล้ว เธอยังกลายเป็นที่สนใจในสื่อโซเชียลอย่างอินสตาแกรม จนมีคนอยากให้เธอสอนออกกำลังกาย ได้มาเป็นเทรนเนอร์ออนไลน์ ณ วันนี้
นอกจากนี้แล้วนั้นความทุ่มเทและการดูแลสุขภาพของเธอยังเข้าตากรรมการทำให้ได้รับรางวัล Influence Asia Top 15 Nominees (Health & Fitness) ระดับเอเชีย 2017
• จุดเริ่มต้นการหันมาดูแลสุขภาพ
ก่อนหน้านี้ปลายเคยเป็นคนอวบๆ น้ำหนักอยู่ที่ 58 กิโลกรัม จริงๆ น่าจะพีคสุดที่ 60 กิโลกรัม ด้วยค่ะแล้วก็เป็นคนหนึ่งที่ลดน้ำหนักแบบผิดๆ มาโดยตลอด ตั้งแต่ทานยาลดน้ำหนักบ้าง อดอาหารด้วยการคุมข้าวเย็น ไม่กินแป้งบ้าง หรือว่าออกกำลังกายหนักไปบ้าง คือทำทุกอย่างให้ตัวเองผอม แต่ท้ายที่สุดแล้วเราได้แต่ความไม่ยั่งยืน เพราะคนเราไม่สามารถทานยาลดน้ำหนักได้ตลอดชีวิต ไม่สามารถอดอาหารได้ไปตลอด ถึงเราจะอดอาหารได้ก็จริง ลดไป 5 กิโลกรัมก็จริง แต่แปบเดียวก็ต้องกลับมากิน น้ำหนักก็ขึ้นมาอีก มันคือสัจธรรมที่ผู้หญิงเราพบ เราก็ต้องมาเฝ้าระวังโดยกินข้าวคำเดียวบ้าง ไม่กล้ากินบ้าง แต่หุ่นก็ยังไม่ได้ดีเหมือนเดิม
• เคยทานยาลดน้ำหนัก ?
ใช่ค่ะ ตอนนั้นคืออยู่มหาวิทยาลัย แล้วเราก็จะมีเพื่อนๆ บอกว่าเฮ้ยแกคนนั้นเขากินยาลดน้ำหนักลดเลย 10 กิโลกรัม เราก็อยากรู้ว่าจริงเหรอ เพราะเราเป็นคนขาใหญ่ด้วย ก็เลยรู้สึกว่ามันจะลดได้เหรอ เลยไปซื้อมาลองทานดูบ้าง ทานปุ๊บมันก็ลดจริงๆ นะคะ ตอนนั้นมีแต่คนทักว่าผอม กระโปรงก็หลวม น้ำหนักลดไป 5-6 กิโลกรัม ภายใน 1 เดือน แต่สิ่งที่รู้สึกได้ก็คือเรียนไม่รู้เรื่องเลย เข้าไปเรียนมีความรู้สึกว่าเหมือนเป็นคนเอ๋อๆ แล้วเพื่อนที่กินมันก็เป็นเหมือนกัน เราก็เลยหยุดกินไป
นอกจากเรียนไม่รู้เรื่องแล้ว ใจยังสั่น รู้สึกเหมือนใจมันจะหลุดออกมา ตอนนั้นแค่หายใจก็เหนื่อยแล้ว ก็มีคนถามเหมือนกันนะว่าเป็นอะไรติดยาเหรอ แม่มาเจอแม่ก็จะถามว่าปลายฟ้าเป็นอะไรลูก ที่หนูผอมมันดีนะ แต่มันโทรมเกินไป ทางบ้านก็เลยสงสัยว่าเราติดยาเสพติดหรือเปล่า พอมีคนทักเราไม่ดี เราเลยคิดว่าเราต้องหยุดวิธีนี้แล้วนะ ก็เลยหยุดการทานยาลดน้ำหนักไป แต่พอหยุดทานปุ๊บ 5-6 กิโลกรัมที่หายไปก็กลับมา กลับมาไม่พอมามากกว่าเดิมอีก ตอนแรกน้ำหนัก 55 กิโลกรัม ทานยาลดน้ำหนักไปลงเหลือ 40 กว่ากิโลกรัม แต่พอหยุดทานยาเท่านั้นแหละ กลายมาเป็นเกือบ 60 กิโลกรัมเลย
• แล้วมาค้นพบวิธีลดความอ้วนที่ถูกต้องได้ยังไงคะ
เมื่อก่อนปลายจะไม่มีคำว่า Healthy อยู่ในหัวเลยนะคะ เพื่อนทุกคนสมัยมัธยม หรือสมัยมหาวิทยาลัย จะพูดเลยว่า มึงนี่นะ Healthy คือมันเป็นไปไม่ได้เลย เพราะว่าด้วยนิสัยเราเป็นคนที่แบบคิดว่าตัวเองเจ๋ง เมื่อก่อนตอนเป็นเด็กจะคิดว่าพวก Healthy น่ารำคาญ กินไปเถอะเดี๋ยวก็ตาย จะอะไรนักหนา กินผักกินหญ้าแล้วรถชนตาย อุตส่าห์กินมาตั้งหลายปีก็ตาย เราเป็นคนที่คิดไม่ดีเลยเป็นคนมีความคิดในแง่ลบ มั่นใจในตัวเองเหมือนเป็นคนสุดโต่ง ซึ่งตอนนี้ก็สุดโต่งแต่เป็นเวอร์ชันที่ดีกว่าตอนนั้น แต่เมื่อก่อนจะสุดโต่งในด้านที่ไม่ดีเลย เพราะฉะนั้นมันก็เลยทำให้เราคิดว่าควรที่จะปรับความคิดใหม่ดูแลตัวเองใหม่
ที่สำคัญเลยคือปลายไปหาหมอตรวจเจอว่าเป็นโรค คือเรามีอาการเหนื่อยง่าย เป็นลมบ่อย ไปไหนมาไหนก็เป็นลม ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ เขาเดินไปถึงไหนแล้ว แต่เรายังอืดอาด เดินก็ช้า ปวดหลังแบบไม่ได้ออกกำลังกายอยู่ๆ ก็ปวดหลัง พอไปพบหมอ หมอบอกว่ามีภาวะเป็นโรคไต เพราะเราเป็นคนกินเค็ม แล้วก็ไม่กินน้ำ เป็นคนไม่ดูแลตัวเอง มันเริ่มหลายโรค แล้วก็อ้วนด้วย ก็เลยมีความรู้สึกว่าควรหันมาดูแลตัวเองบ้างแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดเรื่องนี้เลยนะคะ แต่ตอนนั้นที่หาหมอคือจู่ๆ คำว่าดูแลสุขภาพมันก็เกิดขึ้นมาในหัวเลย
สิ่งนี้ทำให้เราคิดหา keyword คำว่าลดน้ำหนักให้กับตัวเอง ว่าทำยังไงเราถึงจะทำให้ได้ถาวรและตลอดไป ปลายเสิร์ชหาจากเว็บไซต์ Google เลยนะคะ ซึ่งมันก็ขึ้นคำว่า “อาหารคลีน” ขึ้นมา เราก็เลยไปค้นหาดูว่ามันคืออะไร ไปหาความรู้ตรงนั้น เพราะเราเป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้มีความรู้ในด้านนี้มาก่อน ไม่เคยมีเทรนเนอร์มาบอก ไม่เคยได้ไปยิม หรือมีใครมาบอก ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดมาจากการที่เราศึกษาด้วยตัวเอง อ่านหนังสือ หรือดูจากคนที่เขาทำมาก่อน เช่นพี่เมจิ อโณมา ศรัณย์ศิขริน พี่ฟ้าใสที่เป็นเทรนเนอร์ และดูทุกคนที่เขาเก่งๆ ในอินสตาแกรม คือเรามีเขาเป็นแบบอย่างทั้งหมดเลย แล้วเราก็เอาวิธีที่เราชอบมาปรับใช้กับตัวเอง
ปลายเริ่มจากหันมาศึกษาข้อมูลเรื่องการทานอาหารคลีน แล้วก็การออกกำลังกาย โดยที่เราหันมาดูแลตัวเองแล้วก็มันไม่ได้หมายความว่าเรารู้เลยนะคะ แต่เราจะลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง เช่น เราทำไป 3 เดือนแต่กับพบว่าการกินคลีนแบบนี้ไม่เหมาะกับเรา เราไม่ได้ชอบแบบนี้ ลองทำผิดๆ ถูกๆ น้ำหนักขึ้นก็มี เพราะมันไม่เหมาะกับเรา หรืออย่างช่วงเดือนนี้ลองรับแคลเซียมดูซิ ลองชั่งอาหารดูซิ ลองทานอาหารเสริมตัวนี้ดูซิ ปลายทำมาเยอะค่ะ คือก็ต้องเข้าใจว่าปลายไม่มีเทรนเนอร์ ทุกอย่างอ่านมาจากหนังสือ ศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเอง เรียนรู้จากตัวเอง อย่างบางทีทำท่าแพลงค์ เราทำผิดๆ จนปวดหลังไป 5 วัน 7 วันเลยก็มี ก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ทุกคนจะมีวิธีของตัวเอง อย่าง มีฝรั่งคนหนึ่ง เขาเรียกตัวเองว่าเป็น Durian Girl กินแต่ทุเรียน แต่หุ่นดีมาก มีซิกแพค เขาก็บอกว่าประเทศไทยโชคดีมีทุเรียนขนาดนี้แต่ฉันก็งงว่าทำไมคนไทยถึงกลัวทุเรียน เขาบอกว่า จริงๆ แล้วคนเราไม่สามารถบอกได้ว่าวิธีนี้ผิดหรือถูก อย่าไปว่าใครเลยหรือเลือกที่ชอบวิธีนั้น อย่าไปว่าเขาว่าตัดสินถูกหรือว่าไม่ดี หรืออย่างบางคนเรียกตัวเองว่าเป็น vegetarian กินแต่ผัก แต่ผักบางชนิดก็มีโปรตีนนะ ซึ่งการลดน้ำหนักของคนเราไม่จำเป็นต้องจำกัดว่าจะต้องเป็นวิธีใด วิธีหนึ่งอยู่ที่ว่าเราเลือกมากกว่าว่าจะชอบวิธีไหน
จนกระทั่งปลายได้วิธีที่เหมาะที่สุดกับตัวเอง แต่ไม่อยากจะบอกว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดนะคะ เพราะว่าในเรื่องการดูแลตัวเองอย่างการลดน้ำหนัก จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องที่มีหลายวิธี ต้องบอกทุกคนก่อนว่ามันไม่มีวิธีไหนที่ผิด หรือวิธีไหนที่ถูก อยู่ที่เราเรียนรู้ก่อนว่าเราชอบอะไร อย่างตัวปลายชอบทำแบบนี้ คนที่เขาเข้ามาสนใจในตัวเรา บางคนอาจจะชอบแนวนี้เหมือนกัน ซึ่งปลายค้นพบวิธีที่ถูกกับตัวปลายจนปลายดูแลตัวเองมาได้ 4 ปีแล้วค่ะ
ตอนนี้น้ำหนักปลายจะอยู่ที่ประมาณ 46-48 กิโลกรัม แต่พอปลายรู้เรื่องการดูแลตัวเอง น้ำหนักก็จะไม่ได้เป็นตัววัดเลยนะคะว่าวันนี้เราหุ่นดีหรือไม่ดีมัน เพราะเป็นมวลของน้ำของอาหาร ที่เราทานบางทีเรากินน้ำเข้าไปอึกนึง น้ำหนักมันก็ขึ้นแล้ว มันทำให้เรารู้สึกว่าจริงๆ แล้วน้ำหนักไม่สำคัญเท่ากับรูปร่างเลย
• ดูเหมือนจะเคยล้มเหลวมาเยอะใช่ไหมคะ แล้วแบบนี้เรามีวิธีการจัดการยังไงบ้าง
ปลายต้องบอกก่อนเลยว่านิสัยของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ส่วนนิสัยปลายคือ ตั้งแต่เกิดมาปลายจะไม่เคยท้อ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม จะมีแต่ว่าอันนี้ไม่สำเร็จ ไม่ทำแล้ว คือเราจะมีเหตุผล สมมติเราบอกว่าเราอยากจะขายาวเหมือนแบบนางแต่ความเป็นจริงเราขาสั้น ในความเป็นจริงต่อขาให้ยาวมันก็ไม่ได้ เราจะมาท้อมันก็ใช่เรื่อง เราก็ต้องมองตามความจริงว่าขาเรามันได้แค่นี้ โอเคเราขาสั้น และฉันเข้าใจ แต่ว่าฉันจะทำยังไงให้มันดูดีขึ้นกว่าเดิม ถ้ามันเพิ่มความยาวไม่ได้เราก็ทำให้มันเล็กลงสิ ปลายก็ดูแลตัวเอง ออกกำลังกาย ก็ทำไปเรื่อยๆ
แน่นอนว่าการกินคลีนและออกกำลังกายมันเป็นเรื่องที่ต้องใช้ใจ ใช้วินัย เนื่องจากเมื่อก่อนเราเคยอดอาหาร หรือตั้งเป้าหมายว่า เช่นภายใน 1 เดือนฉันจะต้องลดให้ได้กี่กิโลกรัม ภายใน 3 เดือน ฉันจะลดให้ได้กี่กิโลกรัม ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นคือพอครบ 3 เดือนมันยังไม่ถึงเป้าที่ตั้งเอาไว้ สิ่งที่คุณเป็นก็คือเครียดว่าทำไมไม่ถึงเป้าหมาย รู้สึกล้มเหลวแต่ใครจะรู้ว่าจริงๆ แล้ว สมมติว่าเขาหนัก 60 กิโลกรัม เขาตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะต้องลดให้ได้ให้เหลือ 50 กิโลกรัม ภายใน 3 เดือนแต่ 3 เดือนเขาลดลงเหลือ 55 กิโลกรัม ทำไมคุณไม่มองล่ะว่า 5 กิโลกรัมที่หายไปนั่นคือความสำเร็จนะ แต่ทุกคนจะมองตัวเองว่าฉันไม่ถึง 50 กิโลกรัม ฉันท้อ ฉันเลิกทำ แต่จริงๆ คุณทำได้แล้ว แค่มันอาจจะไม่ถึงเป้าหมาย แต่อย่างน้อยคุณก็ทำได้
ปลายล้มเหลวมาเยอะนะคะ ทั้งทานยาลดน้ำหนัก ทั้งการอดอาหารนั่นแหละคือการล้มเหลว เพียงแต่ว่าด้วยนิสัยปลายจะไม่ดราม่า ไม่ชอบโพสต์ลงเฟซบุ๊ก คือนิสัยส่วนตัวจะชอบเก็บไว้ในใจ คือรู้ตัวเองแหละว่าตัวเองล้มเหลว แต่จะคิดเสมอว่าไม่เป็นไรเอาใหม่ แต่ไม่ใช่ว่าหลอกตัวเองนะคะ คือเรายอมรับแล้วว่าเราล้มเหลว แต่ว่าเราจะไม่กระโตกกระตาก เราก็ทำใหม่สิ ตัวปลายกว่าจะมาถึงเส้นทางวันนี้ได้ มันก็ไม่ใช่ถูกไปหมดทุกอย่าง บางทีปลายก็ไม่รู้ อย่างออกกำลังกายเคยไปต่อยมวยทุกวันนี้วิดพื้นยังเจ็บข้อมืออยู่เลย เพราะว่าไปต่อยมวยแล้วต่อยผิดท่าแล้วมือบวมมากแต่ก็ไม่ได้ไปหาหมอเพราะว่าไม่มีเงิน จนปัจจุบันนี้ไม่ปกติไปเลย นั่นแหละคือสิ่งที่ล้มเหลวของปลายเพียงแต่ปลายไม่เคยบอกใคร ซึ่งทุกวันนี้มันก็เป็นบทเรียนว่าเราจะต้องเซฟตัวเอง
ปลายจะใช้ความล้มเหลวเก็บเป็นพลังที่จะทำให้มันสำเร็จ เราจะเคยได้ยินคำว่าความผิดพลาดคือครูของเราที่ทำให้เราสำเร็จในอนาคต เวลาที่เราพลาดทุกครั้งปลายก็จะมีความสุขว่าตัวเองพลาดบ่อย แสดงว่าเราจะสำเร็จในอนาคตแล้วนะ ปลายเอาความผิดหวังมาเป็นครู เราก็เรียนรู้ที่จะทำตัวไม่ให้พลาดอีก แต่เวลาเราพลาดบางครั้งเราก็ไปโทษคนอื่น ไม่โทษตัวเอง คนแบบนี้มักไม่ประสบความสำเร็จ เพราะชอบโทษคนอื่น เช่นไม่ได้ออกกำลังกาย เพราะว่าฝนตก เพราะว่าเพื่อนชวนไปกินข้าว โทษเพื่อนโทษฝน โทษฟ้า โทษดิน จริงๆ ลองมองดูดีๆ ว่ามันใช่หรือเปล่าออกกำลังกายมันคือเรา ไม่ใช่เพื่อน ไม่ใช่ฝนตก เพราะฉะนั้นเวลาฝนตกกางร่มไปก็ได้ ออกก่อนเวลาไหม หรือเพื่อนชวนไปกินข้าวอาจจะบอกเพื่อนว่าขอเปลี่ยนเวลาได้ไหม แค่นี้เองง่ายมาก
• พอทำสำเร็จแล้ว ชีวิตเปลี่ยนไปบ้างไหม ได้อะไรจากการที่สุขภาพดีขึ้นบ้าง
สิ่งที่ได้คือตอนนั้นที่เรามีภาวะเป็นโรคไต หมอบอกมาว่าถ้าอีก 3 เดือนคุณไม่เปลี่ยนตัวเอง ยังใช้ชีวิตแบบนี้ คุณจะเป็นโรคไตแน่นอน พอเราเปลี่ยนหันมาดูแลตัวเองมันก็หายไป ตอนนี้เรื่องความแข็งแรงของร่างกายพูดตรงๆ นะเหมือนมีแบตเตอรี่ 3 ก้อน เหมือนคนที่มี Power Bank สำรองเลยค่ะ มันไม่หมดง่ายๆ อยู่ได้ทั้งวันมีแบตเตอรี่ตลอด อย่างทุกวันนี้งานเยอะมากนะคะ ต้องออกกำลังกายด้วย ต้องดูแลหลายอย่าง ตื่นเช้าขึ้นมาคุยกับนักเรียนออนไลน์ นักเรียนมาที่บ้าน ความวุ่นวายสมองมันต้องคิดตลอด แต่ร่างกายเราได้รับวิตามินเยอะ ได้รับอาหารครบ 5 หมู่ ทุกอย่างมันก็ทำงานสมบูรณ์ นอกจากวันที่มีประจำเดือน หรือเป็นหวัดที่ปีหนึ่งจะเป็นครั้งหนึ่ง หรือเกิดอาการเพลียจากการที่ไม่ได้นอนจริงๆ
• เห็นว่าดูแลตัวเองจนกระทั่งมีคนติดตามเยอะ และมีโอกาสได้เป็นเทรนเนอร์ให้กับคนอื่นๆ ด้วย
ใช่ค่ะ ตอนนี้ก็สอนจริงจังมาได้ 2-3 ปีแล้วค่ะ คือหลังจากที่เราดูแลตัวเอง เราก็จะชอบเอาคำคมชีวิตส่วนตัวของเราลงในโลกออนไลน์ จนมีคนสนใจติดตามเยอะขึ้น แล้วบังเอิญว่าสิ่งที่ทำให้ปลายตัดสินใจมาสอนเพราะมีคนมาคอมเมนท์ใต้ภาพว่า “สอนหนูหน่อยสิ คิดเงินเท่าไหร่ว่ามาเลย”
ตอนนั้นดูแลตัวเองแล้วนะบวกกลับเราเพิ่งออกจากงานประจำ เพราะจะไปช่วยกิจการที่บ้านที่ต่างจังหวัดด้วย เราก็ไม่รู้นะคะว่าเราต้องคิดเงินอะไรยังไง เท่าไหร่ และเราคิดว่าตัวเราจะสอนคนอื่นได้จริงๆ เหรอ เพราะเราไม่ได้เป็นคนในฟิตเนส ไม่ได้เป็นเทรนเนอร์ในฟิตเนส ไม่มีใบประกอบวิชาชีพอะไร เราไม่สามารถที่จะสอนใครได้หรอก เพราะว่าเราไม่ได้จบเฉพาะทาง แต่ท้ายที่สุดปลายก็ลองรับสอนและบอกเขาไปตามตรงซึ่งนักเรียนที่มาเรียนก็จะพูดว่าจบอะไรมาไม่สนใจ จะเอาความรู้ที่เรารู้นี่แหละ อยากให้เราสอนและบอกต่อด้วยประสบการณ์จริงๆ ที่เราทำมา เขาบอกว่าเขาต้องการแค่นี้ เพราะบางคนเขาไปตามฟิตเนสมาแล้ว แต่เขาไม่สำเร็จ ซึ่งสิ่งนี้ก็ทำให้ปลายได้เรียนรู้มาจนถึงทุกวันนี้ว่าจริงๆ แล้วสำหรับทุกคนมันใช้ไม่ได้ทุกวิธี เหมือนวิชาการตรงนั้นมันอาจจะไม่เหมาะกับคนบางคนก็ได้เช่นกัน
• พอเริ่มมาเป็นเทรนเนอร์ เรามีวิธีการสอนยังไงบ้างคะ
วิธีการสอนของปลายจะใช้พลังด้านบวกที่ดีสอนคนอื่น เขาได้รับคำปรึกษาจากเราเขาก็จะรู้สึกมีความสุข แน่นอนว่าการลดน้ำหนักมันเป็นเรื่องของใจ ไม่ใช่เรื่องของความรู้หรอก ความรู้ใน Google ก็มีค่ะ แต่เขาอาจจะขาดกำลังใจก็เลยรับสอน และมอบกำลังใจให้
วิธีการจัดตารางการสอนของปลาย บอกตรงๆ ว่าไม่ได้ต่างกันมาก ซึ่งทุกคนจะชอบเข้าใจผิดว่าต้องจัดตามรูปร่าง แต่จริงๆ แล้วไม่จริงนะคะ เพราะว่าไขมันมันลดเหมือนกัน ปลายเลยจะจำแนกประเภทอาหารอย่างเช่น คนเป็นมังสวิรัติอย่างหนึ่ง คนเป็นเจอย่างหนึ่ง คนที่มีอายุมากอีกอย่างหนึ่ง คนนี้ไม่กินผักเลยอะไรแบบนี้ ก็อีกอย่างหนึ่ง แต่จะไม่ได้จำแนกเป็นคน เพราะมันไม่เกี่ยว ตารางอาหารที่ส่งให้ นักเรียนมีหน้าที่ทำตามและแจ้งกลับมาให้เรา ซึ่งเราจะบอกนักเรียนเลยว่ากินตามไม่ได้ไม่ต้องซีเรียสนะคะ ถ่ายมาเถอะ ถ้ามันไม่ดี หน้าที่ของครูคือไม่ได้ด่าแต่จะคอยเตือนเหมือนดึงสติกันว่ามันไม่ตรงนะ พรุ่งนี้เอาใหม่นะคะ เราจะมีหน้าที่คุยให้กำลังใจเขา
ส่วนเรื่องของการออกกำลังกายปลายจะส่งเป็นคลิปวีดีโอไปให้นักเรียน ท่านี้นะ ท่านั้นนะ ส่วนใหญ่แน่นอนว่าเราต้องถามก่อนว่า ท่านี้เจ็บเข่าไหม ปวดหลังหรือเปล่า เคยออกกำลังกายมาไหมจากการโทรศัพท์ไปสัมภาษณ์เขาตอนแรก เราก็จัดให้ไปตามแต่ละคน แล้วก็มีการอัพเดทมีการเปลี่ยนทุกสัปดาห์ หรือทุก 2 สัปดาห์
ตอนแรกๆ จะสอนแบบให้นักเรียนมาเรียนกับปลายก่อนนะคะ เพราะเราไม่รู้จักด้วยว่าสอนออนไลน์ได้ด้วยเหรอ เรานึกภาพตอนนั้นคือถ้าเป็นเทรนเนอร์ก็ต้องมาเจอกันสิแล้วก็มาออกกำลังกาย แต่ทีนี้เราไม่มีอะไรเลย ไม่เคยไปฟิตเนสแล้วออกกำลังกายยังไงนี่คือนักเรียนก็บอกว่าก็เหมือนที่ครูไปออกนั่นแหละ เราก็ทำท่าที่เราทำมาสอนนักเรียนแบบง่ายๆ แบบไม่มีอุปกรณ์ ควบคุมให้เขาทำต่อเนื่อง จนกระทั่งเปลี่ยนมาสอนออนไลน์แทน
• สอนออนไลน์? แล้วเทรนเนอร์ออนไลน์ ต่างกันกับเทรนเนอร์ตามยิมไหม
ที่มาสอนออนไลน์ เพราะว่านักเรียนเกิดปัญหาในเรื่องของการเดินทางคือใครบางคนซื้อคอร์สไว้แล้วก็จะบอกว่าวันนี้ไม่ได้ไป บางคนก็จะบอกว่าครูวันนี้เดินเหนื่อยมากเลย ขอเลื่อนไปก่อนนะคะ เงินที่เสียให้เรามามันสูญเปล่ามันไม่คุ้ม เราก็เลยมีความคิดว่าเราจะทำยังไงดี จำได้ว่าคุยกับนักเรียนที่อยู่เชียงใหม่ เขาสนใจเขาบอกว่าจะทำยังไงดี จะเรียนกับครูยังไง ไม่รู้จักเรื่องออนไลน์เลย แต่รู้สึกว่ามีคนที่เป็นเทรนเนอร์ก่อนหน้าเรามาแนะนำ เราก็ไม่รู้ด้วยซ้ำเขาบอกว่าเดี๋ยวนี้เขาสอนออนไลน์กันเยอะนะ เราก็งงว่ามันได้ด้วยเหรอ เราเลยมาคิดทบทวนแล้วว่าเออมันไม่ได้จริงๆ เพราะสิ่งสำคัญที่ทำให้เราลดน้ำหนักได้คืออาหาร 80% ออกกำลังกาย 20 % คือพูดง่ายๆ มาเจอกับปลาย ถ้าเกิดว่าไม่ควบคุมอาหารกลับบ้านไปคุณไปกินเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าคุณจะมาออกกำลังกายกับปลาย คุณก็ได้แค่ความแข็งแรงแต่ไขมันก็ไม่ลด บางคนจะเข้าใจว่าจะลดน้ำหนักก็ไปออกกำลังกาย แต่จริงๆ แล้วคีย์เวิร์ดสำคัญก็คืออาหาร ถ้าสอนแบบออนไลน์ตัวปลายเอง ตัวนักเรียนเองก็ไม่เหนื่อยในการเดินทาง
ทุกวันนี้เรามีการสื่อสารที่ดีมี Facebook มี Line มี Instagram ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน นักเรียนอยู่ไหนก็ไม่รู้ ส่งรูปมาให้ปลายดูว่าครูกินอันนี้นะ กินได้ไหม หรือส่งมาถามเราก็ตอบได้เลย ไม่ต้องมาเจอกัน แล้วก็สามารถคุยได้ตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นถ้าเรานอน คิดดูสิว่ามันง่ายกว่าไหม แล้วมันก็ไม่ต้องเปลืองเงินค่ารถ ไม่ต้องเปลืองค่าแอร์ เปลืองอะไรมากมาย ต่างคนก็ต่างคุยกันแค่มันต้องอาศัยวินัยในตัวคุณ
การเรียนออนไลน์มันได้เห็นกันหมด เพราะว่าปลายจะบังคับนักเรียนให้ส่งมาให้เราดูตลอด คือเบื้องต้นเราก็จะส่งตารางเรียนไป นักเรียนก็ต้องส่งรูปร่างเป็นยังไง บอกอายุส่วนสูง โรคประจำตัว โดยสังเขปว่าแพ้ยาอะไรมาไหม เคยทานยามาหรือเปล่า ปัญหาของเรา และเป้าหมายอยากได้อะไร แบบไหน
การสอนออนไลน์กับในยิมแตกต่างกันว่าคุณอยากได้เป้าหมายแบบไหน ถ้าคุณอยากเป็นนักเพาะกาย อยากตัวใหญ่ๆ ปลายให้ความรู้คุณไม่ได้ คือคุณต้องไปหาคนที่เขามีความรู้ตรงนี้ แต่ถ้าในขณะเดียวกันคุณเป็นผู้หญิงธรรมดาที่อยากจะตัวเล็กๆ มีไขมันลดลง ใส่เสื้อผ้าสวยขึ้น มี sexy body คุณมาหาปลาย เพราะมันไม่จำเป็นต้องไปถึงขนาดนั้น ปลายบอกเลยนะคะว่าคนที่เป็นเทรนเนอร์ในฟิตเนสหรือว่าคนที่เป็นเทรนเนอร์ในยิมเขามีความรู้มากกว่าปลายเยอะค่ะ เขาเรียนมาจบมาโดยตรง มีการคำนวณสารอาหาร ปลายก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่อยู่ข้างต้นที่คนมองข้าม อย่างสมมติคุณบอกว่าฉันอยากหุ่นดีแต่ไปเรียนกับนักเพาะกายเลย ก็อาจจะทำให้คุณเครียด ก็เลยอาจจะทำไม่สำเร็จ ออกกำลังกายหนักเกิน กินอาหารหนักเกิน ไปทำอะไรที่มันดูแล้วเป็นนักเพาะกายมันก็เลยผิดจุดประสงค์ เพราะฉะนั้นปลายมองว่าอยู่ที่วัตถุประสงค์การเลือกเลยค่ะ
มันไม่มีผิด ปลายว่าทุกคนดีหมด แต่อยู่ที่เราจะเลือกอะไร ปลายก็แค่เป็นอีกวิธีหนึ่ง สำหรับคนที่ไม่ชอบเดินทาง ไม่ชอบไปไหน ไม่ชอบสายตาผู้คน ชอบความง่าย ชอบความประหยัด ชอบความสะดวกแล้วก็ไม่อยากออกกำลังกายหนัก อยากมีใครสักคนมาจี้ ปลายเป็นตรงนั้นให้คุณได้ แต่ถ้าในขณะเดียวกันคุณอยากที่จะให้คนสอนออกกำลังกาย อยากไปยิม คุณชอบ คุณมีความสุขอย่างนั้น คุณก็ไปได้เลยในทางนั้น
• แล้วผลตอบรับจากลูกศิษย์ที่เรียนออกกำลังกายออนไลน์กับครูปลายเป็นยังไงบ้างคะ
ก็ดีนะคะ ถ้าเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์สมมติใน 100 คน มี 70-80 คน ที่ทำสำเร็จ นักเรียนปลายหลายๆ คนสำเร็จบางทีทำได้แค่ 60-70% เอง แต่เขาพยายามเพราะฉะนั้นลดมากลดน้อยอยู่ที่คน ถ้าทำ ยังไงคุณก็ลด ทำมากก็ได้ผลมาก ทำน้อยก็ได้ผลน้อย เป็นเรื่องที่อยู่กับตัวเอง มันไม่เหมือนการซื้อเสื้อผ้าจ่ายเงินให้ไปแล้วคุณจะได้หุ่นที่ดีเลย มันไม่ใช่ อันนี้คือจ่ายหรือซื้อกำลังใจแล้วคุณจะต้องไปทำ คนที่สำเร็จหลายคนก็น่ารักค่ะเขากลับมาใหม่เยอะ ถามว่าอีก 20% ที่ไม่สำเร็จเพราะอะไรคือมันมีหลายปัจจัยนะ บางทีเขาสมัครเรียนกับปลายไปเสร็จปุ๊บมีเพื่อนมาชวนไปต่อยมวยเพื่อนบอกว่าไปต่อยมาดีมากเลยเขาก็ทิ้งไป บางคนก็ทำไม่ได้ ไม่ตรง อย่างเราบอกให้กินอันนี้ แต่เขาไปกินอย่างอื่น ซึ่งสวนทางกับเรา บางคนโอนเงินมาแล้วหายไปเลยยังไม่เริ่มเลยก็มี บางทีทักไปสวัสดีค่ะ วันนี้เริ่มแล้วนะ เขาบล็อกเราก็มี บางคนเราส่งตารางอาหารไปให้ ส่งตารางออกกำลังกายไปให้แล้วไม่ทำก็มี บางคนที่ทำไม่ได้ผลเลย ก็มาขอเงินคืนบ้าง แต่ปลายจะบอกกฎไว้อยู่แล้วว่าโอนแล้วคือต้องทำไม่รับคืนเงินทุกกรณี เพื่อดัดนิสัย ถ้าคุณทำไม่ได้คุณต้องเสียเงินตรงนี้นะ แต่เราไม่อยากทะเลาะกับใครเพราะคิดว่าคนเรานิสัยไม่เหมือนกันก็เลยขอโทษเขาไปแล้วก็บอกไปตรงๆ ว่าขออภัยด้วยนะคะที่วิธีของปลายมันไม่ได้ผลกับคุณ ลองไปเรียนรู้วิธีอื่นดูนะคะอะไรแบบนี้แทน ก็จะเจอคนหลายประเภทค่ะ
ปลายจะเน้นสอนลดไขมัน ลดสัดส่วนลง เพราะฉะนั้นกล้ามเนื้อที่ได้มามันอาจจะไม่ได้เยอะ ส่วนใหญ่ปลายจะสอนแค่ผู้หญิง ปลายไม่ได้เป็นผู้ชาย ปลายจึงไม่ได้เรียนรู้ที่จะมีกล้ามเหมือนผู้ชาย ปลายมองว่าความรู้เรายังไม่มากพอ ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบการคุมอาหาร สำหรับผู้ชายเขาไม่สามารถควบคุมได้แบบเรา เราไปจุกจิกเขามากเขาก็จะรำคาญ แต่ก็เคยมีคนมาเรียนนะคะ เขามาเรียนกับแฟนเพราะเขาอยากลดไขมัน ไม่ได้อยากมีกล้ามมากมาย ผู้ชายเขาก็ลดไป 13 กิโลกรัม ซึ่งเขาก็พอใจกับตรงนี้
ตอนนี้ก็เริ่มมีดารามาเรียนบ้างแล้ว มีน้องขนมจีน Kamikaze คุณพลอย จินดาโชติ ก็เริ่มมีดารามาสนใจ เราก็รู้สึกดี ยิ่งพัฒนาตัวเองให้มากขึ้นค่ะ ส่วนอนาคตปลายกำลังจะเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง ตอนแรกจะทำเล่นๆ ไม่ได้คิดจริงจัง แต่ตอนนี้รู้สึกว่าเราต้องทำให้มันจริงจังไปเลย ก็เลยเปิดบริษัทชื่อบริษัทว่า Have a Good life จำกัด เป็นบริษัทที่ยังไม่ได้เปิดจริงจังนะคะ เพิ่งได้ใบมา กำลังอยู่ในขั้นตอนการตกแต่งบริษัท คือจะเป็นประมาณว่าถ้าอยากผอมเดินเข้ามา ไม่มีอาหารเสริม ไม่มียาลดน้ำหนัก ไม่มีการขายอะไรทั้งนั้น เป็นโรงเรียนจริงๆ เป็นวิธีที่ใช้ใจถึงใจจริงๆ สามารถเข้ามาปรึกษาเราได้ จะมีการออกกำลังกายซึ่งเราจะทำสตูดิโอเล็กๆ ไว้เพื่อออกกำลังกายด้วยค่ะ และอนาคตอาจจะมีเรื่องของอาหารคลีนเข้ามา ก็ต้องดูกันอีกทีค่ะ
• ส่วนตัวแล้วจำกัดคำว่าสุขภาพดีไว้ว่าอย่างไรคะ
ในความหมายของคำว่าสุขภาพดีของปลายก็คือ คุณเดินแล้วคุณเอาชีวิตรอดได้ ไม่เป็นภาระใคร ไม่เป็นลม ไม่เหนื่อยง่าย แล้วก็ไม่เป็นภาระของลูกหลานก็พอ
ทุกวันนี้คนเราทำงานหนัก ทำงานเหนื่อยเพื่อไปซื้ออะไรก็ไม่รู้ที่ไม่ดีต่อสุขภาพ พอเราแก่ตัวลงไป เป็นเบาหวาน เป็นมะเร็ง เป็นความดัน ลูกหลานก็ต้องมาดูแลแทนที่ลูกหลานจะได้ไปเที่ยว ไปใช้ชีวิตก็ต้องมาดูแลพ่อแม่ตอนแก่เฒ่า ปลายไม่ได้บอกว่าให้ทุกคนอกตัญญูนะคะ ทุกคนต้องดูแลพ่อแม่อยู่แล้ว แต่ทำไมตัวเราเองที่ไม่ดูแลตัวเองตั้งแต่ตอนนี้ก่อน แล้วค่อยแก่ตายไปอย่างสงบ จะดีกว่าไหม เอาเงินไปให้ลูกให้หลานดีกว่าไหม ทำไมต้องมาเสียให้หมอเป็นหลายบาท
ปลายมองว่าคนที่ดูแลตัวเอง มีสุขภาพดี คือคนที่ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เป็นภาระใคร บางคนก็พูดว่าไม่ต้องมาดูแลสิ อันนั้นมันเป็นการประชดค่ะ สุดท้ายแล้วคนที่เขารักคุณเขาก็ต้องดูแลคุณอยู่ดี คือถ้าคุณไม่สบายไป แฟนก็ไม่ได้ไปทำงาน แม่ก็ต้องเป็นห่วง สุดท้ายก็จะเป็นภาระของคนรอบข้าง ปลายเชื่อว่าทุกคนก็ต้องมีคนที่เรารัก ถ้าคนที่เรารักป่วย เราจะสบายใจไหม
การดูแลสุขภาพแน่นอนว่าเราได้กับตัวเราอยู่แล้ว แต่สำหรับปลายมันก็เป็นการทำดีอย่างหนึ่งเพื่อสังคม เพื่อคนอื่นเหมือนกันนะ เช่น เรามีความรู้ไปมอบให้คนรอบข้าง สมมติว่าเราแข็งแรง อย่างปลายเคยไปเจอเหตุการณ์ตอนที่ไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วเจอคุณยายเป็นลมอยู่ข้างทาง เราสามารถอุ้มคุณยายได้เลย พาคุณยายไปที่ปฐมพยาบาลได้ แต่ในขณะเดียวกันถ้าเราเองก็ไม่มีแรง เราจะสามารถช่วยใครได้ มันก็ทำให้เราได้ใช้ประโยชน์ตรงนี้จริงๆ สัมผัสกับความรู้สึกนี้ได้เลย
• แล้วถ้าอยากมีสุขภาพที่ดีต้องเริ่มจากอะไรบ้าง มีคำแนะนำหรือเคล็ดลับไหมคะ
ก่อนอื่นต้องถามตัวเองก่อนว่าเราอ้วนขึ้นนะ และที่เราอ้วนขึ้นเป็นเพราะเราติดอะไร ติดขนมไหม ติดน้ำหวานหรือเปล่า ถ้าใช่ก็ให้เลี่ยง ให้หยุด หรือลดปริมาณลงดูก่อนก็ได้ เช่น จากที่เคยกินน้ำหวานทุกวัน ลองเหลือสัปดาห์ละ 2 วันดูก่อนไหม ลองลดลงก่อน หรือคนที่ลดเหลือสัปดาห์ละ 2 วันได้แล้ว ก็อาจจะลดเหลือสัปดาห์ละแก้วดูไหม แต่ละคนไม่เหมือนกัน ลองดูว่าตอนนี้เรามีพฤติกรรมแบบไหน แล้วลองปรับลดตัวเอง ดูก่อน อย่างขนมก็เหมือนกันถ้ากินเยอะก็ลดลงก่อนให้เหลือสัปดาห์ละ 2 ครั้ง แล้วก็ลดเหลือสัปดาห์ละครั้ง เพราะขนมหรือของหวานเป็นอันดับหนึ่งเลยที่ทำให้เราอ้วน เพราะมันมีน้ำตาลเยอะมากๆ แถมยังมีสารเคมีอื่นๆ อีก ทั้งสารกันบูด ผงฟู และสารอื่นๆ สารพัด
หลังจากนั้นให้เรามาดูว่าเราทำอาหารได้ไหม ถ้าทำอาหารได้ก็เริ่มจากเมนูง่ายๆ ก่อน อย่าง อกไก่ย่าง ไข่ต้ม สามารถค้นหาเมนูจาก Google ได้เลย เมนูคลีนเยอะมาก เลือกที่เราชอบ แล้วก็ทำ ฝึกไปเรื่อยๆ ค่ะ
สำหรับคนที่จะเริ่มต้องมีวินัย ทุกๆ อย่างศึกษาเองได้หมดโดยไม่ต้องมีเทรนเนอร์ก็ได้ อินเทอร์เน็ตมี หนังสือมี คลิปวีดีโอ ใน YouTube ก็มีเยอะแยะเลยค่ะ จะออกกำลังกายท่าไหน มีความรู้ให้เราเยอะแยะมาก ฝึกดู ลองทำดูค่ะ เพราะบางคนรู้เยอะมากแต่ทำไม่ได้เพราะเขาไม่มีวินัย สู้รู้น้อยแต่ทำเลยดีกว่าค่ะ
ส่องอาหารคลีนจากอินสตาแกรมครูปลายฟ้า
เรื่อง : วรัญญา งามขำ และ จิราภรณ์ คงทรัพย์
ภาพ : วรวิทย์ พานิชนันท์ และ อินสตาแกรม plaifana
ขอบคุณสถานที่ : Jaroenthong Muay Thai และ PRA-AR-TIT FIT 24 Hrs. ถ.พระอาทิตย์ เบอร์โทร 082-629-2313