xs
xsm
sm
md
lg

จากทอม มาเป็นเธอ "กี้ กิตติ์ชญาห์" เป็นทอมก็หล่อเว่อร์ เป็นเธอก็สวยมาก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตัดสินใจหั่นผม รัดหน้าอก หันมาเป็นสาวหล่อตั้งแต่มัธยมปลาย ใช้ชีวิตอย่างนั้นมาตลอด 14 ปี กระทั่ง 3 ปีที่แล้วเธอลุกขึ้นมาเปลี่ยนลุคกลับมาเป็นผู้หญิงอีกครั้ง กี้ กิตติ์ชญาห์ แกะสุวรรณ

ย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว สาวห้าววัยมัธยมที่รู้ตัวเองแล้ว จึงประกาศให้โลกได้รับรู้ว่าตนเองนั้นจะเปลี่ยนจากผู้หญิงมาเป็นสาวหล่ออย่างเต็มตัวถึงขนาดไปขอผู้ปกครองอย่างเป็นทางการโดยที่ทางบ้านก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร จนกระทั่งผ่านไป 14 ปี เธอกลับมาเปลี่ยนตัวเองเป็นผู้หญิงอีกครั้งเพียงเพราะเหตุผลว่าอยากเปลี่ยนและถึงแม้จะเป็นเพศใดก็สามารถมีความสุขได้ ซึ่งตอนนี้ก็ผ่านมา 3 ปีแล้วที่ กี้ กิตติ์ชญาห์กลับมาใช้ชีวิตแบบผู้หญิงอย่างมีความสุข

   •  เห็นว่าเคยเป็นสาวหล่อมาก่อน?

กี้เริ่มเป็นทอมตอนอายุ 16 ปี ตอนนั้นอยู่ ม.5 ซึ่งเราชัดเจนแล้วว่าจะเป็นทอม เพราะเราเริ่มสับสนตัวเองตั้งแต่ตอน ม.1 แล้ว พอเราเริ่มเข้าโรงเรียนสห ก็ได้รู้จักคำว่าทอม ซึ่งก่อนหน้านี้จะไม่รู้จักเลย พอเราเข้าไปเรียนก็มีรุ่นพี่เป็นทอมมาจีบ ทำให้เราเริ่มสับสนทางเพศว่าอะไรคือทอม อะไรคือดี้

ตอนเข้ามัธยมใหม่ๆ กี้ยังไม่เปลี่ยนนะคะ ยังเป็นเด็กผู้หญิงห้าวๆ อยู่ จนพอถึง ม.5 กี้ก็เริ่มเป็นทอม ตอน ม.ปลายเขาให้ไว้ผมยาว พอไว้ผมไปได้สักพัก กี้ก็ตัดสินใจเป็นทอม ไปซอยผมสั้น แล้วก็โดนคุณครูให้ใส่วิกคือมันผิดกฎระเบียบ หั่นผมก่อน แล้วก็ตามด้วยการรัดหน้าอก แล้วก็ประกาศให้โลกรู้ไปเลยว่าตัวเองเป็น “ทอม” คือตอนนั้นจะมี story thai มันจะเป็นไดอารีออนไลน์ของเด็กยุค 90 ในยุคนั้น โลกโซเชียลกำลังขึ้นมาเราก็ประกาศไป ตอนนั้นมีคนติดตามเราเยอะ พอเราประกาศตัวเสร็จปุ๊บคนก็เหมือนพูดปากต่อปากกันว่าพี่คนนี้เป็นทอมนะ (หัวเราะ)

   • ประกาศว่าเป็นทอม ทางบ้านว่ายังไง โดนครอบครัวกีดกันหรือเปล่า

ตอนนั้นตื่นมาตอนเช้าบอกแม่ว่า "แม่หนูจะเป็นทอมนะ" แม่ก็บอกว่าลองเป็นดูสามวัน แม่ก็ใจดีนะคะ เพราะที่บ้านกี้จะเลี้ยงลูกแบบลองผิดลองถูกเลยค่ะ ที่บ้านจะให้เราไปด้วยตัวเองกลับด้วยตัวเอง ซึ่งเราก็จะรู้ว่าชีวิตเราเป็นยังไง ครอบครัวกี้จะไม่ตั้งกฎเกณฑ์อะไรให้ลูกมากเกินไปค่ะ ซึ่งพอเลยวันที่สามมา คุณแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนะคะ เพราะนิสัยเราก็เหมือนเดิม แค่พยายามจะเป็นเด็กผู้ชายมากขึ้น ทางบ้านก็ไม่ได้ว่า เราก็เปิดเผยเต็มที่เลย ตั้งแต่นั้นมาแม่ก็ไม่ได้เห็นหน้าลูกสาวอีกเลย หายเป็น 10 ปี เลย 13-14 ปีได้ (หัวเราะ)


   • เป็นทอมมานานกว่า 14 ปี? แล้วตอนนั้นการใช้ชีวิตเราเป็นยังไงบ้าง

การใช้ชีวิตตอนเป็นทอม ก็ไม่ยากอะไรนะคะ เพราะเราก็จะอยู่แต่กับเด็กผู้หญิงบ้าง มีกลุ่มสังคมที่เป็นทอมด้วยกันบ้าง มีเพื่อนเป็นผู้ชายบ้าง ก็ปะปนกันไป มันก็เลยไม่ยาก ไม่ได้เปลี่ยนอะไรมาก เราก็ห้าวๆ ตามประสา

อย่างตัวกี้เอง จะเป็นทอมประเภทที่ผู้ชายไม่เกลียดนะคะ เพราะบางทีผู้ชายจะไม่ชอบทอมที่แอกต์อาร์ต ไม่ได้พูดครับด้วย มันก็เหมือนว่าเป็นเพื่อนกันได้ในสังคม เพื่อนเราก็จะมีทั้งทอมและก็ผู้ชาย พอช่วงเข้ามหาวิทยาลัยก็มีแต่เพื่อนผู้ชายเลย เพราะว่าเรียนภาพยนตร์ผู้ชายทั้งกลุ่มเลย เพื่อนผู้ชายก็จะเรียกอีกี้ เพื่อนก็จะบอกว่าเราเป็นทอมแรดเพราะว่าเราไม่ได้เป็นทอมที่จะแบบว่าห้าว เป็นนักมวย เล่นกล้ามอะไร เราก็เป็นตัวเล็กๆ ของเรา หุ่นสปอร์ตๆ แต่แบบไม่ได้แมนมาก จะมีความน่ารักคิกขุอยู่ในตัวเองนิดนึง (หัวเราะ)

มันหาได้น้อยมากนะคะ ที่ผู้ชายจะมีเพื่อนเป็นทอม ตอน ม.ปลาย เราก็มีเพื่อนเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่พอเข้ามหาวิทยาลัยก็มีเพื่อนเป็นผู้ชายทั้งกลุ่มเลย เพื่อนผู้ชายในกลุ่มมันก็โอเคนะ เหมือนรู้ว่าเราเป็นทอม อย่างเวลาไปเที่ยวมันก็จะดูแลเราในระดับหนึ่ง เพื่อนก็ยังเห็นว่าเราเป็นผู้หญิง ไม่ใช่ว่ามึงเป็นทอมแล้วก็ต้องไปทำอะไรเองหรือทำอะไรหนักๆ บางทีในมุมมองของเพื่อนก็ยังเห็นว่าเราเป็นผู้หญิงห้าวๆ อยู่

   • ในสังคมต้องยอมรับว่าผู้ชายบางคนก็ไม่ชอบทอมเพราะปัจจัยหลายๆ อย่าง เราเคยโดนผลกระทบอะไรตรงนั้นบ้างไหมคะ

เคยโดนเหยียดเพศไหม ก็เคยมีเหมือนกันนะคะ ก็จะเคยมีผู้ชายที่เป็นผู้ชายจ๋า ผู้ชายมากๆ เขาอาจจะเกิดมาในสภาพครอบครัวที่สังคมค่อนข้างแคบ เขาก็จะมีคิดประมาณว่าทอมเหรอ มึงเก๋าเหรออะไรอย่างนี้ หรือแรงๆ อย่างโดนสักทีเดี๋ยวก็จะหาย จะมีแบบนี้เยอะอยู่เหมือนกัน แต่เราจะไม่สนใจเหมือนยิ่งเราไปโฟกัสไปตอบโต้อะไรพวกนี้มากๆ เราก็จะเจอแต่คนอย่างนี้ แต่ถ้าเรายิ่งคิดดีว่ามีแต่เพื่อนดีๆ นะ เราก็จะเจอแต่กลุ่มเพื่อนดีๆ ส่วนไอ้กลุ่มพวกนั้นเราก็จะเอาไว้ไกลๆ สายตา ไม่มองไม่สนใจ เขาก็จะหายไปเอง คือเราไม่ได้สนใจกับคำดูถูกพวกนี้เลยไม่ตอบโต้ ไม่อะไร พูดไปก็เท่านั้น ก็ได้แต่พูด

   • ถามเรื่องความรักหน่อยค่ะ ตอนเป็นทอมมีผู้หญิงเข้ามาชอบเยอะไหม เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงบ้างหรือเปล่า

ส่วนใหญ่เราจะเลือกคนที่ตัวเองชอบ คือต่อให้มีคนมาชอบ ถ้าไม่ชอบกี้ก็จะเฉยๆ ก็จะวางตัวเป็นเพื่อนแต่ว่าคนไหนที่เราชอบเราจะชัดเจนมาก ว่าเราชอบคนนี้ แล้วก็จะเปิดตัวเลยว่าชอบคนนี้ คนอื่นอย่ายุ่งนะ

สเปกสาวๆ ตอนนั้น กี้จะชอบเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ขาว ตาโต คมๆ ตอนนั้นก็มีแฟนเป็นผู้หญิง 2 คน กะเทย 1 คน คนแรกคบนาน คนที่ 2 คบได้ 1 ปี แล้วก็พี่โต้งที่เป็นกะเทยมิสทิฟฟานี่ก็คบกันประมาณปีนึงได้ค่ะ

   • แล้วความรักระหว่างทอมกับผู้หญิงเป็นยังไง กี้มองว่ามันยั่งยืนหรือเปล่าคะ

ตอนนั้นที่กี้มีแฟน นิสัยเรายังมีความเป็นผู้หญิงอยู่นะคะ เราจะรู้จักการดูแลใส่ใจแฟน เรายังทำในวิถีทางของผู้หญิงอยู่นะ เราก็จะทำ เช่น ซักผ้า ถูบ้าน กวาดบ้าน บางทีก็จะมีรีดผม ม้วนผมให้แฟนแต่งหน้าให้แฟนบ้าง

ถามว่ามันยั่งยืนไหม กี้คิดว่าความรักมันไม่เกี่ยวกับเพศหรืออะไรนะคะ มันเกี่ยวกับคนสองคนเข้าใจกันมากกว่า มันเป็นเรื่องของความรักความเข้าใจของคนสองคนไม่ได้เกี่ยวว่าเป็นเพศอะไร แค่เราอาจจะยังไม่เจอคนที่ใช่ก็แค่นั้นเอง

ตอนที่กี้คบกับผู้หญิงก็มีบ้างที่ทะเลาะกัน ทอมดี้จะทะเลาะกันด้วยปัญหาหยุมหยิม ปัญหาผู้หญิงๆ อย่างปัญหาเรื่องไม่วางของให้ถูกที่ มีปัญหาที่เล็กน้อยก็ทะเลาะกันได้ แต่มันก็มีความสุขดีนะคะ รักก็คือรัก รักคนนี้แฟนทุกคนที่เราเคยคบตอนนี้ที่เลิกกันมา เราก็ยังรักกันอยู่ แต่แค่เราเปลี่ยนสถานะมาเป็นเพื่อนกัน มันก็ยังเป็นความรักความหวังดีอยู่เหมือนเดิมไม่ว่าจะเป็นเพศอะไร กี้มองว่ามันเหมือนกัน มันเหมือนพ่อแม่รักลูกไม่ว่าลูกจะเกเรยังไงพ่อแม่ก็ยังรักเราอยู่ดี

   • เราก็มีความสุขกับการใช้ชีวิตดีนะ แล้วทำไมถึงเปลี่ยนใจกลับมาเป็นผู้หญิงเหมือนเดิมล่ะคะ

ทำไมถึงมีทัศนคติที่เปลี่ยนกลับมาเป็นผู้หญิงเหมือนเดิมตรงนี้ก็จะมีคนถามบ่อยมาก คือกี้ก็จะบอกแค่ว่าเราอยากเปลี่ยนก็เปลี่ยนเองเลย แต่ส่วนใหญ่เขาจะชอบบอกว่าเราตามหารักแท้หรือเปล่า ถามว่าตามหารักแท้ไหมก็ตามหานะ แต่ว่าเป็นผู้หญิงมา 3 ปีก็เข้าใจแล้วว่ามันไม่เกี่ยวกับว่าเป็นเพศอะไรถ้าเราเจอคนที่ใช่คนที่มันเข้ากันได้ ใส่ใจกันจริงๆ มันก็จะคบกันได้นาน

บางคนเขาอาจจะคิดว่าการเป็นทอมอาจจะเป็นความรักที่ไม่ยั่งยืนเมื่อก่อนกี้คิดแบบนั้นนะ แต่จริงๆ แล้วความรักที่มันมั่นคงไม่ได้เกี่ยวที่เพศนะคะ แต่มันอยู่ที่ว่าเราเข้าใจกัน ใส่ใจกัน ดูแลกันดีหรือเปล่ามากกว่า

พอกี้มั่นใจ กี้ก็ตัดสินใจประกาศว่าฉันเป็นผู้หญิง แต่ช่วงแรกๆ ก็มีคนเริ่มเอะใจแล้วว่าทำไมกี้ยิ้มดูแบ๊ว ยิ้มแปลกๆ ทำไมไม่แมน ทำไมอยู่ดีๆ ก็เริ่มทาเล็บ ทำไมอยู่ดีๆ ก็เริ่มใส่กางเกงขาสั้นประมาณนี้ค่ะ

   • กลับมาเป็นผู้หญิงอีกครั้ง? แบบนี้การใช้ชีวิตเปลี่ยนไปหรือเปล่า ต้องปรับตัวอะไรบ้างไหม

เปลี่ยนมากนะคะ จะบอกว่าเป็นทอมยังไม่ยากเท่ากับเป็นผู้หญิงเลย มันเหมือนว่าเราเป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ต้องเปลี่ยนตัวเองให้กลับมาเป็นเด็กผู้หญิง แล้วยิ่งพอเรากลับมาเปลี่ยน คนก็จะคาดหวังว่าเราจะต้องสวยเอ็กซ์เซ็กซี่ คือประมาณว่าอยู่ดีๆ พี่คนนี้เคยฮอต เปลี่ยนเพศมึงจะต้องเปลี่ยนได้ภายในวันเดียวคือพลิกไปเลย แต่มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ต้นแขนฉันมันไม่ได้ลดลงเร็วขนาดนั้น หน้าอกฉันอยู่ดีๆ มันก็คงจะตู้มขึ้นมาไม่ได้ง่ายๆ

ตอนแรกๆ เหมือนตัวตลกเลยนะคะ เหมือนแต่งตัวไม่เป็นฉันยังไม่รู้ว่าผมฉันจะทำยังไง แต่งหน้ายังไง หน้าจะลอยหรือเปล่า กระโปรงต้องใส่ยังไง ฉันต้องนั่งหุบขานั่งแหกก็ไม่ได้เวลาจะพูดอะไรฉันก็ต้องทำให้ดูเป็นผู้หญิงมากขึ้น ห้ามกระโชกโฮกฮาก ต้องลดเรื่องความห้าวความร้ายของเราประมาณหนึ่ง ความเลวความซ่าก็ต้องลดไปเยอะๆ เพราะเด็กๆ เราเคยเกเรมาก เรื่องต่อย ตีต่างๆ นานามีหมด เราก็จะต้องห้าวลดลง เวลาไปเที่ยวเมื่อก่อนเต้นแบบสุดโต่ง เดี๋ยวนี้ก็ต้องเต้นให้กำลังดี ให้มันเข้ากับหน้าหน่อย (หัวเราะ)

แรกๆ ก็มีเหมือนกันนะคะประมาณว่าคนที่เขาจำเราได้เขาก็จะนินทาเรา สะกิดกันนินทาเราต่อหน้า เหมือนบางทีเรานั่ง BTS หรืออะไรอย่างนี้จะมีคนนั่งตรงข้ามแล้วก็สะกิดกันแล้วก็พิมพ์ในโทรศัพท์แล้วก็มองเราแล้วก็พิมพ์คุยกันนินทาเรา เราก็เลยเอาล่ะเอาให้เต็มที่

กี้เปลี่ยนมาเป็นผู้หญิง กี้อยากใช้ชีวิตอยู่แบบเงียบๆ นะคะ จนเวลาผ่านไปประมาณ 2 ปีก่อนที่กี้จะทำหน้าอก ผมเริ่มยาวแล้ว เริ่มแต่งหน้าเป็น เริ่มเหมือนผู้หญิงมากขึ้น 60-70 เปอร์เซ็นต์ อีกนิดนึงฉันจะเป็นผู้หญิงเต็มตัวเต็มร้อยก็มีเหมือนกระทู้เอารูปเราไปโพสต์ประมาณว่าทอมคนนี้กลายมาเป็นผู้หญิงแล้วนะ ก็เลยมีแฟนคลับผู้ชายตามมาดู

พอเปลี่ยนมาเป็นผู้หญิงสักพัก เราก็มาทำหน้าอก เพราะเราคิดว่าสิ่งนี้มันจะทำให้เราเป็นผู้หญิงมากขึ้น พอถึงตอนนี้มันก็เลยรู้สึกโอเคคนชมว่าสวยแล้ว ตอนที่ยังไม่มีหน้าอกใส่เสื้อผ้าไม่สวย ยังไม่มั่นใจ เรายังรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กผู้ชายอยู่เลย ตอนที่ตัดสินใจว่าจะไปทำหน้าอก เพราะเราไปชอปปิ้ง ได้ชุดเดรสมาประมาณ 2-3 ชุด แต่พอใส่แล้วมันรู้สึกว่าอะไรหายไป เลยถามแม่ แม่ก็บอกว่าไปทำหน้าอกเถอะลูก แล้วยิ่งหุ่นเราเป็นคนไหล่กว้างด้วย มันก็จะดูแมนๆ ก็เลยตัดสินใจว่าเอาวะทำก็ทำ

พอทำแล้วเราก็มั่นใจในตัวเองมากขึ้นนะคะ มีความรู้สึกว่าฉันเหมือนผู้หญิงแล้วจริงๆ เริ่มใกล้ความจริงแล้วอะไรประมาณนี้ แต่ตอนนี้เราก็ยังรู้สึกว่าเรายังไม่เป็นผู้หญิง 100 เปอร์เซ็นนะคะ เหลืออีกนิดนึงที่ยังรู้สึกว่าตัวเองยังต้องปรับ เหลืออีกประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเปอร์เซ็นก็น่าจะเป็นเรื่องการเรียนรู้ชีวิตมากกว่า ให้เราเข้าใจว่าเราควรใช้ชีวิตยังไงให้มีความสุข

   • แล้วเรื่องการแต่งกาย เสื้อผ้า หน้าผมล่ะคะ เปลี่ยนไปไหม เป็นยังไงบ้าง ต้องกลับมาแต่งตัวเป็นผู้หญิงแรกๆ เขินไหมคะ

เรื่องการแต่งกายกี้ต้องโละเสื้อผ้าทิ้งทั้งตู้เลยนะคะ เพราะว่าแต่ก่อนเราจะมีเสื้อผ้าเด็กผู้ชาย ทุกวันนี้เราต้องซื้อเสื้อในสวยๆ กางเกงซับในผู้หญิงที่มีหลายร้อยแบบแฟชั่นที่เมื่อก่อนเราเป็นทอมจะชอบแต่งตัวง่ายๆ ใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ แต่พอเป็นผู้หญิงปุ๊บ ทำไมผู้หญิงมันรายละเอียดเยอะจัง แค่รองเท้าก็มีตั้งกี่แบบ มีส้นสูง ส้นเตี้ย ส้นกลาง เสื้อในก็มีหลายแบบ มีโครง ไม่มีโครง ตะขอหน้า ตะขอหลัง รู้สึกว่าอะไรทำไมมันเยอะจัง ที่เราไม่รู้เลยเพราะว่าช่วงวัยรุ่นกี้เป็นทอมมาตลอด พอต้องกลับมาเป็นผู้หญิงเหมือนทุกอย่างต้องเรียนรู้หลักสูตรเร่งรัดใหม่ทั้งหมด

กี้ใช้เวลา 3 ปีในการกลับมาเป็นผู้หญิง มันเป็นเวลาที่สั้นมากเลยนะคะ บางคนใช้ชีวิตเด็กผู้หญิงมาก่อนตั้งแต่เด็กๆ แต่กี้เพิ่งจะมาเป็นแบบผู้หญิงจริงๆ ตอนนี้ ทุกอย่างมันเลยดูยากไปหมด ซึ่งกี้คิดว่าฉันต้องรีบเป็นผู้หญิงที่สวยก่อนอายุ 30 ปีให้ได้ เราเลยต้องเรียนรู้ใหม่เลยว่าผู้หญิงเขาต้องทำกันยังไง

ทั้งหมดกี้จะเรียนรู้จากพี่สาวเลยค่ะ อย่างถ้าเราไม่เข้าใจอะไร อย่างเรื่องกางเกงซับใน พี่ของกี้เขาจะบอกว่ามันต้องซื้อไว้ 3 สีนะ สีขาว สีเนื้อ และสีดำ เราก็จะรู้สึกว่าทำไมต้องซื้อมาเยอะแยะ คือผู้หญิงที่จริงเขาจะมีรายละเอียดเยอะมาก พอเขาสอนเอามาใส่หัวเราเยอะๆ เราก็จะจำไว้ เพราะการเป็นทอมจะไม่เหมือนผู้หญิง มันมีรายละเอียดเยอะกว่า ก็เหนื่อยดีนะคะ แต่ผู้หญิงเขาก็จะมีความสุขกับอะไรแบบนี้ เมื่อก่อนไม่เข้าใจเพื่อนเหมือนกันว่าจะออกจากบ้านแต่ละทีทำไมนานจัง แต่ก่อนเราเป็นทอมตื่นขึ้นมาเซตผมเสร็จแล้ว แต่เดี๋ยวนี้เรากลับกลายมาเป็นผู้หญิงแล้วก็เข้าใจเพื่อนมากขึ้น (หัวเราะ)

   • แบบนี้เราได้รับโอกาสอะไรจากตอนที่เป็นทอมไม่เคยได้รับบ้างไหม ทั้งเรื่องงาน ความรัก และเรื่องสังคมต่างๆ

พอกลับมาเป็นผู้หญิงก็จะมีผู้ชายคอยตามใจมากขึ้น นี่คือข้อดีของการเป็นผู้หญิงนะคะ เราก็จะดูอ่อนแอทั้งที่เมื่อก่อนเรานี่แบบยกเหล็ก ยกไม้ก็ได้ แต่เดี๋ยวนี้จะรู้สึกไม่มีแรงถือให้หน่อยคือมีผู้ชายช่วยเหลือ (หัวเราะ)

อย่างมีเหตุการณ์ที่เห็นได้ชัดๆ เลยก็คือมีเหตุการณ์รถเสียถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงต้องเข็นเอง แต่พอเปิดประตูออกไปปุ๊บผู้ชายคนอื่นๆ ทั้งตำรวจก็ลงมาช่วยเข็น แต่ถ้าตอนเป็นทอมก็คงต้องเข็นเอง เป็นผู้หญิงกี้คิดว่ามันดีนะอันนี้คือสิ่งที่รู้สึกได้ว่าเราได้รับเต็มๆ เลย หรืออย่างเมื่อก่อนตอนเป็นทอมเราต้องขับรถไปรับผู้หญิงไปกินข้าว แต่ตอนนี้ผู้ชายขับรถพาเราไปกินข้าว มันก็จะคนละอารมณ์กัน แต่ในส่วนของความรัก เราก็เคยมีแฟนเป็นผู้ชายนะคะ แต่เลิกไปแล้ว ซึ่งความรักมันเหมือนกันกับตอนเป็นทอมนะ รักก็คือรัก มันเหมือนกันเลยไม่ต่างจากตอนที่รักผู้หญิงเลยค่ะ

   • ต้องยอมรับว่าบางคนเขาก็ยังแอนตี้เพศที่ 3 อยู่เหมือนกัน เราคิดเห็นยังไงกับตรงนี้บ้างในฐานะที่เราเคยผ่านจุดนั้นมาก่อน

จริงๆ ประเทศไทยถือว่าเปิดเผยมากเลยนะเมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศ อย่างเช่น ประเทศสิงคโปร์ ส่วนใหญ่เขาจะปิดตัวตนนะคะ เราก็ต้องบอกคนที่เป็นว่าต้องอดทนแล้วก็ผ่านไปให้ได้ บางครั้งในสังคมไทยก็อาจจะมีบางมุมที่เขาเปิด และก็ยังมีบางมุมที่เขาก็ยังปิด มันก็มีจริงนะบางทีที่เราไปบางกลุ่มสังคมที่มองว่าเพศที่สามไม่รู้จะไปยืนตรงไหน อย่างบางคนที่เขาอาจมีอคติกับเพศที่สาม กี้อยากให้มองว่าเป็นเรื่องแล้วแต่บุคคลอย่าไปเหมารวม อย่างตัวกี้เป็นทอมกลับใจ ทอมทั้งประเทศจะต้องกลับใจแบบกี้มันก็ไม่ใช่ ด้านความคิดก็เช่นกันมันอยู่ที่แต่ละบุคคลเราจะไปห้ามเขาก็ไม่ได้

กี้อยากฝากบอกทุกเพศเลยนะคะว่า “เพศ” มันก็แค่คำคำหนึ่งที่ใช้เรียกเฉยๆ สุดท้ายแล้วเราจะเป็นอะไรจะรักใครยังไงมันขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคล เราเป็นในสิ่งที่เราอยากเป็นจริงๆ ดีกว่า แค่นั้นชีวิตเราก็จะมีความสุขแล้วค่ะ

   • แล้วตอนนี้มีความสุขมากขึ้นไหมคะ ครอบครัว หรือเพื่อนๆ ว่ายังไงบ้าง

ยอมรับว่าตอนแรกๆ ก็จะยากที่เราต้องพยายามเปลี่ยนตัวเอง แต่เหมือนตอนนี้รู้สึกว่าเราเป็นในสิ่งที่เราอยากจะเป็นมันก็จะสบายใจ โล่งๆ แต่ก่อนเราจะคิดว่าจะทำยังไงให้มันเป็นผู้หญิง เราจะคิดอย่างนี้ทุกวันจนเหมือนจิตไม่ดีแต่พอได้ไปทำหน้าอกมามันก็รู้สึกว่าเหมือนผู้หญิงมากขึ้น เราเริ่มพอใจกับสิ่งที่เราพยายามพอถึงตอนนี้มันก็เลยรู้สึกโอเค มีคนชมว่าสวยแล้วก็โอเคแล้ว

เพื่อนเข้าใจนะคะ อย่างเพื่อนที่ไปประกวดด้วยกันก็ดีใจที่ในกลุ่มจะมีผู้หญิง แต่เราก็ค่อนข้างที่จะโดนกระแสในโซเชียลมากพอสมควร มีอินบ็อกซ์เข้ามาด่าบ้าง บางคนไม่รู้จักเราด้วยซ้ำก็โพสต์ด่าเรา ว่าเราทำเสียสถาบันทอมนู่นนี่นั่น เขาไม่เอ่ยชื่อนะ แต่ที่เล่ามานั่นคือตัวเราชัดๆ เลย แต่เราก็ปล่อยๆ ผ่านไปนะคะ

ทางครอบครัวจริงๆ แล้วเขาก็ไม่ค่อยดีใจเท่าไหร่ จะรู้สึกเป็นห่วงมากกว่า เขาจะชอบเราตอนที่เป็นทอมมากกว่า เพราะเราสามารถไปไหนมาไหนได้โดยที่เขาจะไม่ค่อยห่วงมาก บางทีกี้ออกไปข้างนอกกับเพื่อน ไปงานกลับดึก ต้องนั่งแท็กซี่เขาก็จะไม่ค่อยห่วง เพราะเราอยู่ในลุคของผู้ชาย คนอื่นมองอาจจะเห็นว่าเป็นเด็กผู้ชาย แต่ตอนนี้มาเป็นผู้หญิงเวลานั่งแท็กซี่แม่ก็ห่วงบ้างบางที เวลาไปข้างนอกแม่ก็คอยห่วง คอยถาม ว่าอยู่ไหนแล้ว ถึงไหนแล้ว กลับหรือยัง แต่ลึกๆ แล้วคุณแม่ก็เหมือนจะดีใจนะคะที่ได้ลูกสาวกลับมา แม้แต่พี่ชายก็ยังห่วง พี่ชายจะบอกว่าแกเป็นอย่างเดิมน่ะดีแล้ว อย่าเป็นผู้หญิงเลย

ส่วนตอนนี้เรากลายเป็นสัญลักษณ์ของทอมกลับใจ เพราะเคยมีคนที่อยากกลับใจมาปรึกษาเราเยอะเหมือนกัน เคยส่งข้อความมาหาแล้วบอกว่าพี่กี้หนูอยากเปลี่ยนเป็นผู้หญิง หนูจะทำยังไงดี ใช้เวลานานไหม หนูอยากเปลี่ยนเป็นผู้หญิงแต่หนูกลัว บางคนก็จะบอกว่าอยากเปลี่ยนเป็นผู้หญิงเพราะแม่ ซึ่งกี้ก็จะบอกตลอดเลยว่า อยากเป็นอะไรก็เป็น เปลี่ยนก็เปลี่ยนสิ เป็นที่ใจเรารัก

อนาคตกี้คาดหวังแค่ว่า เราอยากเป็นผู้หญิงที่สวยแพงดูดีมีชาติตระกูล และมีคู่ชีวิตที่ดีแค่นั้น แต่วันนี้เราก็ยังต้องใช้ชีวิตต่อไปค่ะ สิ่งที่เราสบายใจที่สุดตอนนี้คือการเป็นผู้หญิง บางคนอาจจะคิดว่ากี้จะกลับมาเป็นทอมอีก หรืออาจจะชอบผู้หญิงเหมือนเดิม ตรงนี้เราก็บอกไว้เลยว่าเรายังไม่รู้อนาคตต่อไปว่าจะเป็นยังไง เราจะมีแฟนเป็นผู้ชายอีกคนสองคน แล้วสุดท้ายเราอาจจะไปคบกับผู้หญิง แล้วผู้หญิงคนนั้นอาจจะอยู่กับเราไปตลอดชีวิตก็ได้ กี้ไม่อยากให้โฟกัสที่ว่าเป็นผู้หญิงต้องชอบแต่ผู้ชายนะอะไรทำนองนี้ แต่แค่สถานะตอนนี้คือเราพอใจกับตัวเองแล้วที่เป็นแบบนี้ค่ะ



เรื่อง : วรัญญา งามขำ และ จิราภรณ์ คงทรัพย์
ภาพ : วรวิทย์ พานิชนันท์ และเพจ Key Kitchya K.

กำลังโหลดความคิดเห็น