“ชาตามปลายมือปลายเท้า” หลายคนอาจเคยเกิดอาการนี้ บางคนมีอาการเพียงชั่วครู่หรือบางคนมีอาการนานกว่านั้นซึ่งจำนวนของอาการความถี่ก็ต่างกันออกไปในแต่ละคน
ทั้งนี้ แม้อาการ “ชา” จะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แค่ทำให้เกิดความรำคาญในระยะแรกๆ ทว่าหากปล่อยไว้นาน นั้นคือสัญญาณเตือนของร่างกายที่บ่งบอกถึงความผิดปกติทางระบบประสาท อันจะนำมาซึ่งโรคแทรกซ้อนต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น ขาดสารอาหารวิตามินต่างๆ ปลายเส้นประสาทอักเสบ เส้นเลือดส่วนปลายอักเสบ หรือโรคทางสมอง หรือสาเหตุจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ของการนั่ง/ยืน ในท่าเดิมเป็นเวลานาน ทำให้เลือดไปเลี้ยงร่างกายไม่ทั่วถึง
ชาปลายนิ้วมือเกือบทุกนิ้ว ยกเว้นนิ้วก้อย
การลักษณะนี้มักเป็นกลางคืนหรือตอนตื่นนอน สาเหตุเกิดจากเอ็นกดทับเส้นประสาทตรงข้อมือ เป็นสัญญาณเตือน ว่าคุณกำลังพบเจอกับการเป็นโรคเส้นประสาทมือถูกบีบรัด
ชาเฉพาะนิ้วก้อย นิ้วนาง
หากเกิดอาการช้าลักษณะนี้ในขอบมือด้านเดียวกัน แต่ไม่เลยเกินข้อมือ สาเหตุเกิดจากเส้นประสาทถูกกดทับตรงข้อศอก
ชาทุกนิ้วมือพร้อมๆ กัน
เส้นเอ็นกดทับเส้นประสาทตรงข้อมือ ซึ่งหากชาตั้งแต่แขนลงไปถึงนิ้วมืออันมีสาเหตุเกิดจากกระดูกต้นคอเสื่อมกดทับเส้นประสาท หากเกิดการชาลักษณะนี้ ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยทันที
ชาเฉพาะบริเวณฝ่าเท้า
เกิดจากเส้นประสาทถูกกดทับที่ตาตุ่มด้านในหรือในอุ้งเท้า ให้เลี่ยงท่าที่ทำให้ชาและลดการยืนหรือเดินนานๆ
ชาหลังเท้าขึ้นมาถึงหน้าแข้ง
ควรหลีกเลี่ยงการนั่งไขว่ห้าง ขัดสมาธิ พับเพียบ เป็นระยะเวลานานๆ เนื่องจากจะทำให้เกิดอาการจากเส้นประสาทถูกกดทับบริเวณใต้เข่าด้านนอก
ชาบริเวณทั้งเท้าข้างใดข้างหนึ่ง
มักชาขึ้นมาถึงใต้เข่า เกิดจากเส้นประสาทบาดเจ็บที่สะโพก ควรปรึกษาแพทย์
เช่นเดียวกับอาการชาเป็นแถบจากสะโพกลงไปถึงเท้า ซึ่งเกิดจากการที่หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนไปทับเส้นประสาท
ทั้งนี้หากชาปลายเท้าและปลายมือเข้าหาลำตัว เกิดจากปลายประสาทอักเสบหรือเสื่อมและอาจเกิดจากขาดวิตามินบี 1 บี 6 หรือ บี 12 จากโรคบางโรค เช่น โรคไต มะเร็ง หรือจากยาหรือสารพิษ สัญญาณนี้บ่งบอกได้ว่าอาจจะพบเจอกับอาการปลายประสาทอักเสบหรือเสื่อม
วิธีแก้ไขเบื้องต้น หากมีอาการชาแบบไม่รุนแรง ในผู้ป่วยที่มีอาการชาแบบเป็นระยะ ๆ เพียงแค่ทำการสะบัดข้อมือหรือแม้กระทั่งมีการเปลี่ยนอิริยาบถแล้วอาการชาก็จะหายไป ซึ่งอาการชาในรูปแบบนี้ ถือได้ว่าเป็นอาการที่ไม่รุนแรง ยังคงสามารถรักษาให้หายได้ ด้วยการให้ยาต้านอาการอักเสบของเส้นเอ็นหรือเส้นประสาทหรืออาจจะเป็นการให้วิตามินบีเสริม ทว่าหากอาการชารุนแรงและต่อเนื่อง วิธีการรักษาอาจจะเป็นการให้ยาต้านอาการอักเสบของเส้นประสาทก่อน หากอาการยังไม่ดีขึ้น อาจจะต้องมีการผ่าตัดเส้นเอ็น ที่กดรัดเส้นประสาทออกไป
ข้อมูลบางส่วนจาก www.beauty24store.com
ทั้งนี้ แม้อาการ “ชา” จะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แค่ทำให้เกิดความรำคาญในระยะแรกๆ ทว่าหากปล่อยไว้นาน นั้นคือสัญญาณเตือนของร่างกายที่บ่งบอกถึงความผิดปกติทางระบบประสาท อันจะนำมาซึ่งโรคแทรกซ้อนต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น ขาดสารอาหารวิตามินต่างๆ ปลายเส้นประสาทอักเสบ เส้นเลือดส่วนปลายอักเสบ หรือโรคทางสมอง หรือสาเหตุจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ของการนั่ง/ยืน ในท่าเดิมเป็นเวลานาน ทำให้เลือดไปเลี้ยงร่างกายไม่ทั่วถึง
ชาปลายนิ้วมือเกือบทุกนิ้ว ยกเว้นนิ้วก้อย
การลักษณะนี้มักเป็นกลางคืนหรือตอนตื่นนอน สาเหตุเกิดจากเอ็นกดทับเส้นประสาทตรงข้อมือ เป็นสัญญาณเตือน ว่าคุณกำลังพบเจอกับการเป็นโรคเส้นประสาทมือถูกบีบรัด
ชาเฉพาะนิ้วก้อย นิ้วนาง
หากเกิดอาการช้าลักษณะนี้ในขอบมือด้านเดียวกัน แต่ไม่เลยเกินข้อมือ สาเหตุเกิดจากเส้นประสาทถูกกดทับตรงข้อศอก
ชาทุกนิ้วมือพร้อมๆ กัน
เส้นเอ็นกดทับเส้นประสาทตรงข้อมือ ซึ่งหากชาตั้งแต่แขนลงไปถึงนิ้วมืออันมีสาเหตุเกิดจากกระดูกต้นคอเสื่อมกดทับเส้นประสาท หากเกิดการชาลักษณะนี้ ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยทันที
ชาเฉพาะบริเวณฝ่าเท้า
เกิดจากเส้นประสาทถูกกดทับที่ตาตุ่มด้านในหรือในอุ้งเท้า ให้เลี่ยงท่าที่ทำให้ชาและลดการยืนหรือเดินนานๆ
ชาหลังเท้าขึ้นมาถึงหน้าแข้ง
ควรหลีกเลี่ยงการนั่งไขว่ห้าง ขัดสมาธิ พับเพียบ เป็นระยะเวลานานๆ เนื่องจากจะทำให้เกิดอาการจากเส้นประสาทถูกกดทับบริเวณใต้เข่าด้านนอก
ชาบริเวณทั้งเท้าข้างใดข้างหนึ่ง
มักชาขึ้นมาถึงใต้เข่า เกิดจากเส้นประสาทบาดเจ็บที่สะโพก ควรปรึกษาแพทย์
เช่นเดียวกับอาการชาเป็นแถบจากสะโพกลงไปถึงเท้า ซึ่งเกิดจากการที่หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนไปทับเส้นประสาท
ทั้งนี้หากชาปลายเท้าและปลายมือเข้าหาลำตัว เกิดจากปลายประสาทอักเสบหรือเสื่อมและอาจเกิดจากขาดวิตามินบี 1 บี 6 หรือ บี 12 จากโรคบางโรค เช่น โรคไต มะเร็ง หรือจากยาหรือสารพิษ สัญญาณนี้บ่งบอกได้ว่าอาจจะพบเจอกับอาการปลายประสาทอักเสบหรือเสื่อม
วิธีแก้ไขเบื้องต้น หากมีอาการชาแบบไม่รุนแรง ในผู้ป่วยที่มีอาการชาแบบเป็นระยะ ๆ เพียงแค่ทำการสะบัดข้อมือหรือแม้กระทั่งมีการเปลี่ยนอิริยาบถแล้วอาการชาก็จะหายไป ซึ่งอาการชาในรูปแบบนี้ ถือได้ว่าเป็นอาการที่ไม่รุนแรง ยังคงสามารถรักษาให้หายได้ ด้วยการให้ยาต้านอาการอักเสบของเส้นเอ็นหรือเส้นประสาทหรืออาจจะเป็นการให้วิตามินบีเสริม ทว่าหากอาการชารุนแรงและต่อเนื่อง วิธีการรักษาอาจจะเป็นการให้ยาต้านอาการอักเสบของเส้นประสาทก่อน หากอาการยังไม่ดีขึ้น อาจจะต้องมีการผ่าตัดเส้นเอ็น ที่กดรัดเส้นประสาทออกไป
ข้อมูลบางส่วนจาก www.beauty24store.com