เรียกได้ว่าเป็นค่านิยมที่โหมกระพือความต้องการของผู้คนมานานพอสมควร สำหรับกระแส “ผิวขาว” จนลุกลามไปสู่ความ “คลั่งขาว” ที่ทำให้คนวิ่งเข้าหาความขาวอย่างหน้ามืดตามัว แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ชี้ความเสี่ยงของอันตรายจากค่านิยมนี้ พร้อมแนะวิธี ถ้าอยากขาวอย่างปลอดภัย
ดร.นพ.เวสารัช เวสสโกวิท ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า จากผลการสำรวจตลาดทั่วโลกของวารสารผิวหนังชื่อดังซึ่งเก็บตัวอย่างมาจากครีมผิวขาวทั่วโลก พบว่าครีมผิวขาวจากประเทศไทยมีสารต้องห้าม ที่ชื่อว่า “ไฮโดรควิโนน” มากที่สุดในโลก เป็นแหล่งที่ผลิตเครื่องสำอางผิดกฎหมายจำนวนมาก เพราะฉะนั้น เราต้องเข้าใจว่าของที่ซื้อตามโซเชียลมีเดีย ไม่ผ่านการตรวจสอบใดๆ ทั้งสิ้น บ่อยครั้งที่มีการผสมสารสเตียรอยด์ขนาดสูง ใช้แล้วเกิดปัญหามากมาย
"เมื่อไม่กี่ปีก่อน เครื่องสำอางยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ผลิตครีมผิวขาวออกมาจำหน่ายในท้องตลาด ปรากฏว่าใช้ไปสักระยะหนึ่ง คนใช้กลายเป็นด่างขาว ฉะนั้น ทุกอย่างต้องใช้อย่างระมัดระวัง และเวลาซื้อเครื่องสำอาง ก็ควรจะเป็นเครื่องสำอางที่ผ่านการตรวจสอบของอนุกรรมการอาหารและยาแล้วเท่านั้น" แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ
"แต่จริงๆ ไม่อยากให้เราตั้งเป้าว่าเราจะต้องขาวผ่อง เนื่องจากสีผิวของมนุษย์เราสืบทอดจากเชื้อชาติถิ่นที่อยู่ การที่เราขาวเกินธรรมชาติอาจทำให้เกิดโรคต่างๆ เช่น มะเร็งผิวหนังจากการที่ผิวไหม้แดด มะเร็งไฝ มะเร็งผิวหนังระยะเริ่มต้น ซึ่งจากข้อมูลสถิติในประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า ผู้ที่มีผิวขาว เมื่อถึงวัย 60-70 ปี เกือบทุกคนเป็นมะเร็งผิวหนังระยะแรกทั้งสิ้น”
เข้าใจให้ถูกต้อง
เกี่ยวกับ "กลูต้าไธโอน"
ส่วนในปัจจุบันที่คนบ้านเราฮิตกัน คือการไปฉีดหรือกินสารที่เป็นอันตราย อย่างการฉีดสารกลูต้าไธโอน ซึ่งมีฤทธิ์ในการเปลี่ยนชนิดเม็ดสีของเรา ทีนี้ เมื่อเม็ดสีเราเป็นแบบ “ยูเมลานิน” คือสีผิวคล้ำ การที่เราไปฉีดตัวกลูต้าไธโอน มันจะเปลี่ยนชนิดของเมลานินเราให้เป็น“ฟีโอเมลานิน” เหมือนฝรั่งผิวขาว ซึ่งกันแดดได้ไม่ดี
"นอกจากนั้น เมื่อฉีดไประยะหนึ่ง ถ้าเราหยุดฉีด มันก็จะทำให้ผิวกระดำกระด่าง แล้วกลูต้าไธโอนตัวนี้จริงๆ มันเป็นยาที่เราใช้รักษาในกรณีที่คนไข้ต้องได้รับเคมีบำบัดบ่อยๆ เพราะเป็นมะเร็ง แต่เนื่องจากว่ามีคนเอาตัวยาตัวนี้ไปใช้ผิดข้อบ่งชี้จำนวนมาก บริษัทที่ผลิตกลูต้าไธโอนเขาก็เลยเลิกผลิตยาชนิดนี้ ในท้องตลาดทั้งหมดขณะนี้ก็เป็นยาเถื่อน ไม่มีใครขึ้นทะเบียนกับคณะกรรมการอาหารและยาแม้แต่รายเดียว ทีนี้พอเป็นยาเถื่อน เราไม่รู้ว่าข้างในที่จริงมันเป็นอะไร มันอาจจะเป็นกลูต้าไธโอนจริงหรือมันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ วิธีเตรียมเราก็ไม่รู้ว่ามันได้มาตรฐานแค่ไหน ก็มีข่าวว่าคนไข้เสียชีวิตจากการฉีดกลูต้าไธโอน ซึ่งอาจจะเกิดจาหกสารปนเปื้อนที่อยู่ข้างในกลูต้าไธโอนเองหรือว่ากระบวนการเตรียมไม่ดี สกปรก มีเชื้อโรคต่างๆ สารพัดสาเหตุ ทุกวันนี้ก็ไปฉีดยาเถื่อนกัน ก็เกิดอันตรายกับคนไข้จำนวนมาก"
"คือต้องเข้าใจก่อนว่า กลูต้าไธโอน เมื่อเข้าไปในกระเพาะ มันจะถูกย่อยหมด มันไม่ได้ถูกดูดซึมในรูปของกลูต้าไธโอน มันต้องไปย่อยแล้วก็กลายเป็นกรดอะมิโน เพราะฉะนั้น การกินกลูต้าไธโอนเข้าไปก็ไม่เกิดประโยชน์กับคนกิน นอกจากจะเสียสตางค์ฟรีๆ ปกติ กลูต้าไธโอนเขาจะต้องใช่ฉีดกัน แต่ทีนี้วิธีฉีดเป็นวิธีที่อันตรายที่สุด ถ้าตายก็ตายเร็วที่สุด
"จริงๆ กลูต้าไธโอนเป็นสารที่ร่างกายเราสร้างขึ้นเอง คือเราต้องได้กรดอะมิโนอื่นๆ เข้าไปผ่านการรับประทานอาหารต่างๆ แล้วร่างกายไปสร้างกลูต้าไธโอน อาหารเหล่านั้นก็มีหลายตัว แต่ว่าไม่อยากจะให้คิดว่าเราจะต้องกินเพื่อให้กลูต้าไธโอนเพิ่ม คืออย่างที่อธิบายแล้วว่ากลูต้าไธโอนมันไม่ดีกับผิวเรา เนื่องจากไปเปลี่ยนชนิดของเมลานีนให้ไม่เหมาะกับเมืองร้อน ที่นี้เราทราบอย่างชัดเจนว่าคนผิวขาวถ้าไปอยู่ในประเทศที่แดดแรงมากๆ จะเพิ่มโอกาสเสี่ยงมะเร็งผิวค่อนข้างสูง"
“อีกโรคหนึ่งก็คือ ไตวาย ผู้ที่ไม่เป็นก็สามารถเป็นได้ใน 1 ปี ถ้าใช้ในปริมาณมาก อย่างคนไข้ผู้หญิงชาวเขมรที่มีข่าวออกมา ซื้อครีมเถื่อนตัวหนึ่งของเวียดนามมาทาทั้งตัว อันนี้ก็คือ ปกติครีมผิดกฏหมายที่ทำให้ขาวมีสารตัวหนึ่งที่พบบ่อยคือสารปรอท คนไข้ก็จะได้รับปริมาณปรอทขนาดมากในทันที ก็ทำให้เกิดไตวายได้ เกิดภาวะแทรกซ้อนได้หลายอย่าง มันเป็นของผิดกฎหมายมานานแล้ว และก็ไม่มีทางอนุญาติให้ใช้สารปรอทในครีมต่างๆ ด้วย แต่ทีนี้มีการลักลอบผลิตขายขึ้นมา คนซื้อก้รู้เท่าไม่ถึงการ จริงๆ เราอย่าไปใช้ของที่ไม่รู้ที่มาที่ไป มันไม่ปลอดภัย”
แนะวิธีสร้างผิวขาว
แบบปลอดภัย หายห่วง
คำถามที่น่าคิดต่อ ก็คือ เมื่อกระแสคลั่งขาวครองเมืองจนยากเปลี่ยนแปลง เราจะทำอย่างไรให้ผิวเราขาวขึ้นได้อย่างปลอดภัย
"ถ้าต้องการจะขาว คือขาวขึ้นบ้าง ไม่ถึงกับขาวมาก แต่ดูแล้วผิวสุขภาพดี อย่าไปคิดว่าเราอยากขาวผ่องเหมือนผิวดาราหรือคนประเทศอื่น เพราะว่าเราต้องเข้าใจนิดหนึ่งว่า เวลาคนมาออกสื่อบ่อยครั้งมีการใช้โฟโต้ชอปหรือรีทัช ถ้าเราดูโฆษณาเราจะเห็นว่าครีมที่โฆษณาว่าผิวขาว เขาก็จะมีภาพเรียงซ้อนเป็นตับจากหน้าคล้ำกลายเป็นหน้าขาว
"การที่จะทำให้ขาวมันก็มีหลายวิธี" นายแพทย์เวสารัชเผย
"วิธีแรกก็คือ การใช้เครื่องสำอางช่วย เพราะเครื่องสำอางของผู้หญิงส่วนใหญ่ก็จะมีพวกรองพื้น พวกแป้ง อย่างรองพื้น เราก็สามารถเลือกให้เฉดสีมันอ่อนลงกว่าสีผิวเราจริงๆ เมื่อแต่งหน้าไป สีผิวก็ขาวขึ้น อันนี้ก็เป็นวิธีหนึ่ง"
อันที่สองก็คือ "การทาครีมกันแดดช่วยลดปริมาณรังสีที่จะเข้าสู่ผิวหนัง มันก็จะทำให้ผิวเราขาวขึ้น แต่ว่าจะต้องใช้ต่อเนื่องเป็นประจำถึงจะได้ผล แล้วก็จะต้องทาหนาๆ ร่วมกับจะต้องใช้วิธีปกปิดตัวจากแสงแดด คือดูง่ายๆ ถ้าในบริเวณภายในร่มผ้าเราจะสีผิวขาวกว่านอกร่มผ้า อันนี้ก็เป็นที่ชัดเจนว่า 'เสื้อผ้า' สามารถช่วยทำให้ผิวเราขาวขึ้นได้ ก็อาจจะใช้สิ่งปกปิดต่างๆ อาทิ หมวกปีกกว้าง หรือว่าร่มที่กั้นยูวีได้ อันนี้ก็ช่วยลดปริมาณรังสีแดดที่จะมาสู่ผิวเรา"
"นอกเหนือจากนั้นคือการรับประทาน แนะนำว่าจะต้องรับประทานมะเขือเทศจำนวนมาก เพราะมันมีฤทธิ์ป้องกันผิวจากแสงแดด ส่วนใหญ่ถ้าจะทานให้ได้ปริมาณมากเพียงพอก็จะต้อง รับประทานที่เขาเรียกว่า 'Tomato Taste' คือเป็นมะเขือเทศแบบเข้มข้น เพราะว่าถ้ากินมะเขือเทศธรรมดาต้องกินเป็นกิโลๆ ถึงจะมีผลช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด"
“ผักผลไม้สีเข้มๆ สีสดๆ เช่นพริกหวาน คือเปลือกสีเข้มๆ แต่ต้องรับประทานพร้อมเปลือก ได้ทั้งนั้น ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ทั้งหมด ลูกของม่อนก็ถือว่าเป็นผลไม้สีเข้ม พวกนี้จะมีสารต้านอนุมูลอิสระเยอะ ในตัวเราก็มีอนุมูลอิสระอยู่ที่ทำให้เกิดความเสื่อมของร่างกาย ถ้าเกิดเรารับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระเพียงพอก็จะช่วยบรรเทาปัญหานี้ลงไป
ทั้งนี้เรายังสามารถใช้การขัด การนวด ด้วยน้ำมันหรือสครับเพื่อช่วยให้ผิวแลดูสุขภาพดีหรือดื่มน้ำ รับประทานผักผลไม้สดโดยเน้นที่ผักผลไม้ที่มีเปลือกสีเข้มๆ เพื่อให้ได้รับสารอนุมูลอิสระเพียงพอ
"การนวด การขัด ก็จะทำให้ผิวดูดีขึ้น แต่ว่าไม่ควรทำรุนแรงหรือว่าทำถี่จนเกิดไป เพราะอาจจะทำให้เกิดการอักเสบขึ้นมาได้" นายแพทย์กล่าวเสริม วิธีการที่ทำให้ผิวขาวอย่างปลอดภัยต่อสุขภาพ
______________________________
ดร.นพ.เวสารัช เวสสโกวิท ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า จากผลการสำรวจตลาดทั่วโลกของวารสารผิวหนังชื่อดังซึ่งเก็บตัวอย่างมาจากครีมผิวขาวทั่วโลก พบว่าครีมผิวขาวจากประเทศไทยมีสารต้องห้าม ที่ชื่อว่า “ไฮโดรควิโนน” มากที่สุดในโลก เป็นแหล่งที่ผลิตเครื่องสำอางผิดกฎหมายจำนวนมาก เพราะฉะนั้น เราต้องเข้าใจว่าของที่ซื้อตามโซเชียลมีเดีย ไม่ผ่านการตรวจสอบใดๆ ทั้งสิ้น บ่อยครั้งที่มีการผสมสารสเตียรอยด์ขนาดสูง ใช้แล้วเกิดปัญหามากมาย
"เมื่อไม่กี่ปีก่อน เครื่องสำอางยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ผลิตครีมผิวขาวออกมาจำหน่ายในท้องตลาด ปรากฏว่าใช้ไปสักระยะหนึ่ง คนใช้กลายเป็นด่างขาว ฉะนั้น ทุกอย่างต้องใช้อย่างระมัดระวัง และเวลาซื้อเครื่องสำอาง ก็ควรจะเป็นเครื่องสำอางที่ผ่านการตรวจสอบของอนุกรรมการอาหารและยาแล้วเท่านั้น" แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ
"แต่จริงๆ ไม่อยากให้เราตั้งเป้าว่าเราจะต้องขาวผ่อง เนื่องจากสีผิวของมนุษย์เราสืบทอดจากเชื้อชาติถิ่นที่อยู่ การที่เราขาวเกินธรรมชาติอาจทำให้เกิดโรคต่างๆ เช่น มะเร็งผิวหนังจากการที่ผิวไหม้แดด มะเร็งไฝ มะเร็งผิวหนังระยะเริ่มต้น ซึ่งจากข้อมูลสถิติในประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า ผู้ที่มีผิวขาว เมื่อถึงวัย 60-70 ปี เกือบทุกคนเป็นมะเร็งผิวหนังระยะแรกทั้งสิ้น”
เข้าใจให้ถูกต้อง
เกี่ยวกับ "กลูต้าไธโอน"
ส่วนในปัจจุบันที่คนบ้านเราฮิตกัน คือการไปฉีดหรือกินสารที่เป็นอันตราย อย่างการฉีดสารกลูต้าไธโอน ซึ่งมีฤทธิ์ในการเปลี่ยนชนิดเม็ดสีของเรา ทีนี้ เมื่อเม็ดสีเราเป็นแบบ “ยูเมลานิน” คือสีผิวคล้ำ การที่เราไปฉีดตัวกลูต้าไธโอน มันจะเปลี่ยนชนิดของเมลานินเราให้เป็น“ฟีโอเมลานิน” เหมือนฝรั่งผิวขาว ซึ่งกันแดดได้ไม่ดี
"นอกจากนั้น เมื่อฉีดไประยะหนึ่ง ถ้าเราหยุดฉีด มันก็จะทำให้ผิวกระดำกระด่าง แล้วกลูต้าไธโอนตัวนี้จริงๆ มันเป็นยาที่เราใช้รักษาในกรณีที่คนไข้ต้องได้รับเคมีบำบัดบ่อยๆ เพราะเป็นมะเร็ง แต่เนื่องจากว่ามีคนเอาตัวยาตัวนี้ไปใช้ผิดข้อบ่งชี้จำนวนมาก บริษัทที่ผลิตกลูต้าไธโอนเขาก็เลยเลิกผลิตยาชนิดนี้ ในท้องตลาดทั้งหมดขณะนี้ก็เป็นยาเถื่อน ไม่มีใครขึ้นทะเบียนกับคณะกรรมการอาหารและยาแม้แต่รายเดียว ทีนี้พอเป็นยาเถื่อน เราไม่รู้ว่าข้างในที่จริงมันเป็นอะไร มันอาจจะเป็นกลูต้าไธโอนจริงหรือมันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ วิธีเตรียมเราก็ไม่รู้ว่ามันได้มาตรฐานแค่ไหน ก็มีข่าวว่าคนไข้เสียชีวิตจากการฉีดกลูต้าไธโอน ซึ่งอาจจะเกิดจาหกสารปนเปื้อนที่อยู่ข้างในกลูต้าไธโอนเองหรือว่ากระบวนการเตรียมไม่ดี สกปรก มีเชื้อโรคต่างๆ สารพัดสาเหตุ ทุกวันนี้ก็ไปฉีดยาเถื่อนกัน ก็เกิดอันตรายกับคนไข้จำนวนมาก"
"คือต้องเข้าใจก่อนว่า กลูต้าไธโอน เมื่อเข้าไปในกระเพาะ มันจะถูกย่อยหมด มันไม่ได้ถูกดูดซึมในรูปของกลูต้าไธโอน มันต้องไปย่อยแล้วก็กลายเป็นกรดอะมิโน เพราะฉะนั้น การกินกลูต้าไธโอนเข้าไปก็ไม่เกิดประโยชน์กับคนกิน นอกจากจะเสียสตางค์ฟรีๆ ปกติ กลูต้าไธโอนเขาจะต้องใช่ฉีดกัน แต่ทีนี้วิธีฉีดเป็นวิธีที่อันตรายที่สุด ถ้าตายก็ตายเร็วที่สุด
"จริงๆ กลูต้าไธโอนเป็นสารที่ร่างกายเราสร้างขึ้นเอง คือเราต้องได้กรดอะมิโนอื่นๆ เข้าไปผ่านการรับประทานอาหารต่างๆ แล้วร่างกายไปสร้างกลูต้าไธโอน อาหารเหล่านั้นก็มีหลายตัว แต่ว่าไม่อยากจะให้คิดว่าเราจะต้องกินเพื่อให้กลูต้าไธโอนเพิ่ม คืออย่างที่อธิบายแล้วว่ากลูต้าไธโอนมันไม่ดีกับผิวเรา เนื่องจากไปเปลี่ยนชนิดของเมลานีนให้ไม่เหมาะกับเมืองร้อน ที่นี้เราทราบอย่างชัดเจนว่าคนผิวขาวถ้าไปอยู่ในประเทศที่แดดแรงมากๆ จะเพิ่มโอกาสเสี่ยงมะเร็งผิวค่อนข้างสูง"
“อีกโรคหนึ่งก็คือ ไตวาย ผู้ที่ไม่เป็นก็สามารถเป็นได้ใน 1 ปี ถ้าใช้ในปริมาณมาก อย่างคนไข้ผู้หญิงชาวเขมรที่มีข่าวออกมา ซื้อครีมเถื่อนตัวหนึ่งของเวียดนามมาทาทั้งตัว อันนี้ก็คือ ปกติครีมผิดกฏหมายที่ทำให้ขาวมีสารตัวหนึ่งที่พบบ่อยคือสารปรอท คนไข้ก็จะได้รับปริมาณปรอทขนาดมากในทันที ก็ทำให้เกิดไตวายได้ เกิดภาวะแทรกซ้อนได้หลายอย่าง มันเป็นของผิดกฎหมายมานานแล้ว และก็ไม่มีทางอนุญาติให้ใช้สารปรอทในครีมต่างๆ ด้วย แต่ทีนี้มีการลักลอบผลิตขายขึ้นมา คนซื้อก้รู้เท่าไม่ถึงการ จริงๆ เราอย่าไปใช้ของที่ไม่รู้ที่มาที่ไป มันไม่ปลอดภัย”
แนะวิธีสร้างผิวขาว
แบบปลอดภัย หายห่วง
คำถามที่น่าคิดต่อ ก็คือ เมื่อกระแสคลั่งขาวครองเมืองจนยากเปลี่ยนแปลง เราจะทำอย่างไรให้ผิวเราขาวขึ้นได้อย่างปลอดภัย
"ถ้าต้องการจะขาว คือขาวขึ้นบ้าง ไม่ถึงกับขาวมาก แต่ดูแล้วผิวสุขภาพดี อย่าไปคิดว่าเราอยากขาวผ่องเหมือนผิวดาราหรือคนประเทศอื่น เพราะว่าเราต้องเข้าใจนิดหนึ่งว่า เวลาคนมาออกสื่อบ่อยครั้งมีการใช้โฟโต้ชอปหรือรีทัช ถ้าเราดูโฆษณาเราจะเห็นว่าครีมที่โฆษณาว่าผิวขาว เขาก็จะมีภาพเรียงซ้อนเป็นตับจากหน้าคล้ำกลายเป็นหน้าขาว
"การที่จะทำให้ขาวมันก็มีหลายวิธี" นายแพทย์เวสารัชเผย
"วิธีแรกก็คือ การใช้เครื่องสำอางช่วย เพราะเครื่องสำอางของผู้หญิงส่วนใหญ่ก็จะมีพวกรองพื้น พวกแป้ง อย่างรองพื้น เราก็สามารถเลือกให้เฉดสีมันอ่อนลงกว่าสีผิวเราจริงๆ เมื่อแต่งหน้าไป สีผิวก็ขาวขึ้น อันนี้ก็เป็นวิธีหนึ่ง"
อันที่สองก็คือ "การทาครีมกันแดดช่วยลดปริมาณรังสีที่จะเข้าสู่ผิวหนัง มันก็จะทำให้ผิวเราขาวขึ้น แต่ว่าจะต้องใช้ต่อเนื่องเป็นประจำถึงจะได้ผล แล้วก็จะต้องทาหนาๆ ร่วมกับจะต้องใช้วิธีปกปิดตัวจากแสงแดด คือดูง่ายๆ ถ้าในบริเวณภายในร่มผ้าเราจะสีผิวขาวกว่านอกร่มผ้า อันนี้ก็เป็นที่ชัดเจนว่า 'เสื้อผ้า' สามารถช่วยทำให้ผิวเราขาวขึ้นได้ ก็อาจจะใช้สิ่งปกปิดต่างๆ อาทิ หมวกปีกกว้าง หรือว่าร่มที่กั้นยูวีได้ อันนี้ก็ช่วยลดปริมาณรังสีแดดที่จะมาสู่ผิวเรา"
"นอกเหนือจากนั้นคือการรับประทาน แนะนำว่าจะต้องรับประทานมะเขือเทศจำนวนมาก เพราะมันมีฤทธิ์ป้องกันผิวจากแสงแดด ส่วนใหญ่ถ้าจะทานให้ได้ปริมาณมากเพียงพอก็จะต้อง รับประทานที่เขาเรียกว่า 'Tomato Taste' คือเป็นมะเขือเทศแบบเข้มข้น เพราะว่าถ้ากินมะเขือเทศธรรมดาต้องกินเป็นกิโลๆ ถึงจะมีผลช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด"
“ผักผลไม้สีเข้มๆ สีสดๆ เช่นพริกหวาน คือเปลือกสีเข้มๆ แต่ต้องรับประทานพร้อมเปลือก ได้ทั้งนั้น ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ทั้งหมด ลูกของม่อนก็ถือว่าเป็นผลไม้สีเข้ม พวกนี้จะมีสารต้านอนุมูลอิสระเยอะ ในตัวเราก็มีอนุมูลอิสระอยู่ที่ทำให้เกิดความเสื่อมของร่างกาย ถ้าเกิดเรารับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระเพียงพอก็จะช่วยบรรเทาปัญหานี้ลงไป
ทั้งนี้เรายังสามารถใช้การขัด การนวด ด้วยน้ำมันหรือสครับเพื่อช่วยให้ผิวแลดูสุขภาพดีหรือดื่มน้ำ รับประทานผักผลไม้สดโดยเน้นที่ผักผลไม้ที่มีเปลือกสีเข้มๆ เพื่อให้ได้รับสารอนุมูลอิสระเพียงพอ
"การนวด การขัด ก็จะทำให้ผิวดูดีขึ้น แต่ว่าไม่ควรทำรุนแรงหรือว่าทำถี่จนเกิดไป เพราะอาจจะทำให้เกิดการอักเสบขึ้นมาได้" นายแพทย์กล่าวเสริม วิธีการที่ทำให้ผิวขาวอย่างปลอดภัยต่อสุขภาพ
______________________________