สิวเป็นโรคผิวหนังที่พบบ่อยโดยเฉพาะในวัยหนุ่มสาว โดยทั่วไปแล้ว สิวจะค่อยๆ ลดน้อยลงเรื่อยๆ เมื่ออายุมากขึ้น แต่ก็จะมีบางรายที่ยังมีสิวเป็นๆ หายๆ ถึงแม้อายุจะเพิ่มขึ้นจนพ้นวัยรุ่นไปแล้วก็ตาม
สิวในช่วงวัยรุ่นส่วนใหญ่ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยระดับฮอร์โมน androgen จะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงวัยรุ่น ทำให้ต่อมไขมันขยายใหญ่ขึ้น สร้างไขมันออกมาเพิ่มขึ้น และทำให้มีการอุดตันของรูขุมขนตามมา เกิดเป็นสิวอุดตัน ในผู้หญิงบางรายพบว่าช่วงก่อนมีประจำเดือนอาจมีสิวเห่อมากขึ้น เนื่องจากระดับฮอร์โมน progesterone เพิ่มสูงขึ้น ทำให้เกิดการคั่งของน้ำในร่างกาย และมีการบวมของรูขุมขน ในบางรายนอกจากจะมีสิวอุดตันแล้ว ยังมีการอักเสบจนกลายเป็นสิวอักเสบเป็นตุ่มแดงหรือตุ่มหนองได้
ส่วนในวัยทำงาน สิวที่เกิดขึ้นมักจะมีสาเหตุจากการแต่งหน้า การใช้เครื่องสำอางหรือครีมบำรุงผิวต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิวอุดตันและสิวอักเสบตามมา ดังนั้นควรจะทำความสะอาดใบหน้าอย่างถูกต้องทุกวัน นอกจากนี้ คนที่มีแนวโน้มที่จะเป็นสิวง่าย การเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ ปราศจากน้ำมัน (water-based, oil-free) หรือผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดสิวอุดตัน (noncomedogenic) ก็จะช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนได้ (ข้อมูลจาก ผศ.พญ. ปภาพิต ตู้จินดา ภาควิชาตจวิทยา http://manager.co.th)
นอกจากการรักษาสิวด้วยป้จจ้ยภายนอกอย่าง ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ต่างๆ แล้ว การดูแลรักษาสิวภายในก็ย่อมมีความสำคัญเช่นเดียวกัน มาดูเคล็บลับเหล่านั้นกันดีกว่า
เคล็ดลับการดูแลรักษาสิวจากภายในด้วยวิธีทางธรรมชาติ
1.พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ควรนอนดึกเกิน 4ทุ่ม นอนพักผ่อนให้ได้วันละ 6-8 ชั่วโมง
2.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สัปดาห์ละ 3-5 วัน
3.ระหว่างวันให้จิบน้ำบ่อยๆ ให้ได้วันละ 2-3 ลิตร
4.ฝึกการขับถ่าย ซึ่งการขับถ่ายที่ดีควรอยู่ในช่วงเวลา 05.00 - 07.00 น.
5.การรับประทานอาหารก็สำคัญ เพราะ อาหารที่รสจัด (หวานจัด เค็มจัด เผ็ดจัด) อาจเสี่ยงทำให้ไปกระตุ้นการเกิดสิวได้
6 วิธีเปลี่ยนการกินเพื่อผิวสวย
1.เปลี่ยนจากการรับประทานแป้งขัดขาว เช่น ข้าวขาว ขนมปังขาว มาเป็นแป้งที่ไม่ผ่านการขัดสีอย่าง ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีตแทน
2.เปลี่ยนจากเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลเยอะ อย่าง น้ำหวาน น้ำอัดลม ฯลฯ มาเป็นการดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำผักผลไม้คั้นสดแทนจะดีกว่า
3.เปลี่ยนจากการรับประทานโปรตีนไม่ดีอย่างเนื้อสัตว์แปรรูป เช่น ไส้กรอก เบคอน หมูยอ ฯลฯ ที่มีไขมันเยอะมาเป็นโปรตีนที่ดีอย่างเช่น เนื้ออกไก่ ไข่ขาว โปรตีนจากพืช อย่างถั่วต่างๆ แทน
4.เปลี่ยนการรับประทานอาหารมื้อว่างอย่างขนมกรุบกรอบ ขนมหวาน เบเกอรี่ต่างๆ มาเป็นผลไม้สดไม่หวานจัดอย่าง ฝรั่ง แอปเปิ้ล ชมพู มะละกอ ฯลฯ
5.เปลี่ยนมารับประทานอาหารที่ไม่มีไขมันหรือไขมันต่ำแทน
6.เปลี่ยนจากอาหารมื้อใหญ่มาเป็นการแบ่งย่อยมื้ออาหารให้เป็นมื้อเล็กลง เช่น วันหนึ่งรับประทานอาหาร 2-3 มื้อใหญ่ให้เปลี่ยนเป็น 5-6 มื้อเล็กแทน
5 ผักผลไม้ช่วยรักษาสิว
1. มังคุด
มังคุดถือได้ว่าเป็นราชิแห่งผลไม้ซึ่งมังคุดมีส่วนช่วยในการดูแลผิวพรรณให้เปล่งปลั่งและมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยต้านริ้วรอย อีกทั้งมังคุดยังสามารถช่วยรักษาสิวได้อีกด้วย เพราะเนื่องจาก เปลือกมังคุดมีคุณสมบัติในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว และยังออกฤทธิ์ต้านสิวอักเสบได้ดีนั่นเอง
2. มะนาว
มะนาวเต็มไปด้วยสรรพคุณและประโยชน์มากมาย ในเรื่องผิวพรรณก็เช่นกันเพราะมะนาวสามารถนำมารักษาโรคผิวหนังต่างๆ ได้ อาทิ อาการคันตามผิวหนังหรือแม้แต่ช่วยลดเลือนรอยแผลเป็นต่างๆ หรือแผลเป็นจากสิวได้
3. หอมแดง
หอมแดงมีสารเคมีและสารอาหารมากมาย เช่น ไดอัลลิน ไตรซัลไฟต์ กลูโคคินิน ฯลฯ ซึ่งในหอมแดงมีมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย อีกทั้งยังมีสรรพคุณช่วยบำรุงผิวหน้า เช่น รักษาสิวฝ้า รอยดำ จุดด่างดำจากสิวได้อีกด้วย ซึ่งวิธีง่ายๆ เลยเพียงฝานหอมแดงแล้วนำมาวางไว้บริเวณผิวที่มีปัญหาดังกล่าว ทั้งนี้ควรทำต่อเนื่องเป็นประจำเพื่อผลลัพธ์ที่ดี
4. มะเขือเทศ
ขึ้นชื่อในเรื่องการดูแลผิวพรรณ เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระสามารถลดการเกิดริ้วรอยแห่งวัยได้ อีกทั้งมะเขือเทศยังมีส่วนช่วยในการรักษาสิว เพียงแค่นำมะเขือเทศฝานบางๆ มาวางไว้บนใบหน้าหรือจะนำน้ำมะเขือเทศมาพอกหน้าก็ได้เช่นเดียวกัน
5. มะละกอ
มีประโยชน์ต่อผิวพรรณมากมายเพราะอุดมไปดวยสารอาหารและแร่ธาตุหลากลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น แคลเซียม โซเดียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก วิตามินซี วิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 ฯลฯ ซึ่งมะละกอมีส่วนในการช่วยรักษาสิวเพียงนำมาบดให้ละเอียด พอกให้ทั่วใบหน้าทิ้งไว้ 15-20 นาทีแล้วล้างออกให้สะอาด
ภาพจาก http://pixabay.com