xs
xsm
sm
md
lg

ความรู้เรื่องพุง และวิธีสลายพุง อย่างไรให้ได้ผล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

หน้าท้องส่วนเกินหรือพุงเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ไม่ต้องการ ยิ่งหากมีเยอะนอกจากจะดูไม่น่ามองแล้วยังเป็นต้นเหตุปัญหาโรคภัยต่างๆ ที่จะตามมา อาทิ โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือด ฯลฯ 
มารู้จักพุง 3 ชั้น และวิธีลดแต่ละชั้นกัน

จริงๆ คำว่าพุง 3 ชั้น คงเป็นลักษณะอาการของคนมีพุงแล้วเวลานั่งพุงลงมากองเป็นชั้นๆ แต่ใครจะรู้เล่าว่าจริงๆแล้วพุงคนเราก็มี 3 ชั้นจริงๆ

1. ชั้นที่ 1 เป็นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous fat) เป็นชั้นที่เราสามารถจับหรือบีบติดมือเราขึ้นมาได้ ชั้นนี้จะเป็นพลังงานสำรองให้กับร่างกายยามขาดแคลนอาหาร เป็นไขมันที่ “อยู่สุข” คือ ไม่ปล่อยสารก่อการอักเสบเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งสามารถลดได้จากการควบคุมอาหารให้เหมาะสม เพราะหน้าที่มันก็คือแหล่งพลังงานสำรองของร่างกายเรา เมื่อเราควบคุมอาหารร่างกายก็ต้องนำไขมันส่วนนี้มาใช้ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่กินให้น้อยกว่าที่ใช้พลังงานน้ำหนักของเราก็ย่อมจะลดลง ฉะนั้นการเพิ่มการออกกำลังกายจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ควรทำ

2. ชั้นที่ 2 กล้ามเนื้อหน้าท้อง (Abdominal muscles) ชั้นนี้สำหรับผู้ที่น้ำหนักไม่เกิน ผอม หรือ ผู้ที่เช้ามาหน้าท้องก็ปกติดี แต่พอได้กินเท่านั้นแหละ ท้องป่องออกมายังกะคนใกล้คลอด สาเหตุนี้เกิดจากความไม่แข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าท้องที่ต้องพยุงอวัยวะภายใน กล้ามเนื้อหน้าท้องก็เหมือนสเตย์ที่ใช้รัดหน้าท้องตามธรรมชาติของเรา ถ้ามันไม่แข็งแรงก็เหมือนเราใส่สเตย์ย้วยๆ พอมีของกินเข้าไปมันก็ไม่มีแรงจะพยุงให้อยู่ทรงก็ต้องปล่อยให้พุงห้อยออกมาเป็นธรรมดา วิธีแก้ไขให้สเตย์เรากลับมาแน่นแข็งแรงดังเดิม ก็จำเป็นต้องออกกำลังกาย(ไม่ใช่การซิตอัพ) โดยจะมีบางท่าที่จะช่วยเน้นได้โดยเฉพาะ เช่น plank วิดพื้น หรืออาจ ลองทดสอบได้โดย

3. ชั้นที่ 3 เป็นไขมันในช่องท้อง( Visceral fat) เป็นไขมันอันตรายที่สะสมอยู่ในช่องท้อง เป็นไขมันที่เกิดจากการที่มีการเคลื่อนไหวร่างกายน้อย ถ้าเป็นนักกีฬาหรือผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำแม้จะมีน้ำหนักเกินจะมีไขมันในส่วนนี้สะสมอยู่น้อย เป็นไขมันที่”อยู่ไม่สุข” โดยจะปล่อยสารก่อการอักเสบเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เกิดการอักเสบที่ผนังหลอดเลือดทั่วร่างกาย และเนื่องจากมันอยู่ติดอวัยวะภายในจึงเหมือนกับอวัยวะภายในเราถูกแช่อิ่มด้วยไขมัน

เราจะรู้ได้ว่าเรามีไขมันอันตรายส่วนนี้มากโดย ลองวัดรอบพุง(ผ่านสะดือ)ดูรอบพุงไม่ควรเกินส่วนสูงหารสอง

วิธีการลดไขมันส่วนนี้อย่างที่บอกว่าเนื่องจากวิถีชีวิตที่สุขสบาย ทำให้คนเราไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหว แม้หลายคนจะคุมอาหารอย่างไรไขมันส่วนนี้กลับดื้อด้านลดยากจริงๆ จำเป็นต้องมีการออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย หรือก็คือจะลดไขมันส่วนนี้การออกกำลังกายเป็นสิ่งจำเป็น โดยการออกกำลังกายที่จะลดไขมันได้ดีและเร็วก็คือการออกกำลังกายประเภทแอโรบิค เช่น วิ่ง ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ เป็นต้น
ภาพจาก https://www.facebook.com/eztofit
รู้แล้วก็รีบลดพุง ลดโรคกันดีกว่า

การจะมีหน้าท้องแบนราบ ได้นั้นต้องมีกล้ามเนื้อช่วงลำตัวของเรานั้นเรียกรวมๆว่า Core muscle ที่แข็งแรง ซึ่งกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวเรานี้มีหน้าที่หลักก็คือการพยุงให้ร่างกายตั้งตรงได้ ไม่ค่อมไม่โค้งไม่เอียง ซึ่งส่วนมากจะทำงานร่วมกันหลายๆมัด เปรียบได้เหมือนกับเป็นเสตย์ธรรมชาติของเรานั่นเอง

ฉะนั้นใครที่มีกล้ามเนื้อกลุ่มนี้ไม่แข็งแรงก็จึงเหมือนใส่เสตย์ย้วยๆ ไม่สามารถพยุงอะไรได้ พอมีอะไรตกถึงท้องหน่อยก็ต้องปล่อยให้ป่องออกมา ฉะนั้นถ้าเราฝึกให้กล้ามเนื้อกลุ่มนี้แข็งแรงขึ้น เสตย์เราก็จะสามารถรักษาทรงให้หน้าท้องเราแบนราบได้อยู่เสมอ

การทดสอบและวิธีฝึกความแข็งแรงของสเตย์ธรรมชาติของเรา กล้ามเนื้อช่วงลำตัว ด้วยท่าไม้กระดาน (Plank)

- เริ่มจากการนอนคว่ำ ใช้ท่อนแขนดันตัวขึ้นดังรูป พยายามกระจายน้ำหนักไปทั้งแขน เพื่อไม่ให้เกิดแรงกดที่ข้อศอกหรือข้อมือเพียงที่เดียว
- ข้อศอกควรอยู่ระดับเดียวกับหัวไหล่
- ทั้งตัวควรตรงเป็นไม้กระดาน ก้นไม่โด่ง หลังไม่แอ่น ยกสะโพกและเข่าขึ้นพ้นพื้น
- ใช้ปลายเท้ารับน้ำหนัก ไม่ใช่นิ้วเท้า
- พยายามทำให้ได้นานที่สุด
- ระหว่างไม่ควรกลั้นหายใจ ควรหายใจเข้าออกลึกๆ

หมายเหตุ

-ถ้าทำได้ไม่ถึง 15 วินาทีแสดงว่าโคม่า
-ถ้าไม่ถึง 30 วินาทีแสดงว่าต่ำกว่าเกณฑ์ กล้ามเนื้อลำตัวไม่แข็งแรง
-เกณฑ์สำหรับคนทั่วไปคือ 30-60 วินาที
-ถ้าเกิน 1 นาทีนี่แสดงว่าดีมาก
-ยิ่งถ้าเกิน นาทีครึ่ง ก็จะยิ่งแข็งแรง
ภาพจาก http://lovemyyoga.com
คลิปลดพุง

ข้อมูลจาก facebook : Ez2fit

กำลังโหลดความคิดเห็น