เรื่องโดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
_______________________________________________________________________________
งานวิจัยที่ชื่อ Power posing: brief nonverbal displays affect neuroendocrine levels and risk tolerance. โดย Dana Carney และ Amy Cuddy ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Journal of the Association for Psychological Science ฉบับเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2553
คณะวิจัยชุดนี้ได้ศึกษาเรื่องเกี่ยวกับภาษากายที่เราแสดงออกนั้นจะสามารถเปลี่ยนแนวความคิดได้หรือไม่ และแม้กระทั่งเปลี่ยนเคมีในร่างกายได้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงท่าทางต่างที่เกิดขึ้น
หลักคิดของงานวิจัยชุดนี้ได้เริ่มต้นสังเกตจากที่ว่าไม่ว่าสัตว์หรือคนที่มีความเชื่อมั่นสูง มีภาวะความเป็นผู้นำสูง หรือได้รับชัยชนะ สิ่งที่จะทำคือการเปิดกว้างของพื้นที่ซึ่งแผ่ออกไปรอบตัว เช่น กางแขน กางปีก แผ่แม่เบี้ย แม้กระทั่งในมนุษย์ที่เป็นนักกีฬาที่ได้รับชัยชนะ หรือนักร้องอยู่บนเวทีก็จะแสดงออกถึงการมีพลังอำนาจสูงด้วยการทำให้มีพื้นที่ขยายมากขึ้น เช่น ชูแขนขึ้นเป็นรูปตัว V หรือการเอนหลังด้วยการใช้มือฝ่ามือ 2 ข้างรองศีรษะด้านหลังแล้วกางศอกออก การเท้าสะเอว ฯลฯ
แต่ในทางตรงกันข้ามสัตว์หรือคนที่อยู่ในภาวะที่เครียด อยู่ในฐานะที่ขาดความเชื่อมั่น จะทำตรงกันข้ามคือ แสดงออกด้วยท่าทางที่มีพลังอำนาจต่ำ ทำตัวให้เล็กลง เช่น เอาแขนวางอยู่ในลำตัว กอดอก ก้มตัวลง ใช้มือกุมเป้า ฯลฯ
ด้วยเกิดคำถามนี้จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่า จากภายใต้ความเชื่อเดิมที่ว่าเมื่อคนเราเครียด หรือสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวเองแล้ว อารมณ์ที่เกิดขึ้นจะกำหนดฮอร์โมน จึงส่งผลทำให้แสดงออกมาทางร่างกาย แต่ถ้าเราทำตรงกันข้ามกันคือทำ
ท่าทางค้างเอาไว้ในรูปแบบที่มีพลังอำนาจสูง หรือ ทำท่าทางค้างเอาไว้ในรูปแบบที่มีพลังอำนาจต่ำ ผลจะเป็นอย่างไร
วิธีการของกลุ่มตัวอย่างไปวัดระดับฮอร์โมน 2 ตัว คือ ฮอร์โมนเพศชายที่ชื่อ เทสโทสเตอโรน ที่จะวัดระดับความเชื่อมั่นและภาวะความเป็นผู้นำ (มีมากจะวัดระดับความเป็นผู้นำได้มาก) และฮอร์โมนคอร์ติโซลซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ต้านความเครียด (มีมากแสดงว่าเครียดมาก) แล้วจากนั้นแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม โดยให้ไปวางท่าทางที่มีพลังอำนาจสูง 2 นาที ในขณะที่อีกกลุ่มให้วางท่าทางที่มีพลังอำนาจต่ำ 2 นาที
หลังจากวางท่าทางตามที่กำหนดแล้ว จึงให้ไปเล่นพนันดูความกล้าเสี่ยงในการเล่นพนัน เมื่อเสร็จแล้วจึงวัดน้ำลายเพื่อวัดระดับฮอร์โมนอีกรอบหนึ่ง
ผลปรากฏว่าความสามารถในความกล้าเสี่ยงของกลุ่มผู้ที่วางท่าทางที่มีพลังอำนาจสูง 2 นาที มีความกล้าเสี่ยงในการเล่นพนันสูงดึง 85% ในขณะที่กลุ่มผู้ที่วางท่าทางที่มีพลังอำนาจต่ำ มีความกล้าเสี่ยงในการเล่นพนันต่ำกว่าคือ 60%
ผลการวัดระดับฮอร์โมนเพศชาย เทสโทสเตอรโรน ที่สะท้อนถึงภาวะความเป็นผู้นำและความเชื่อมั่น พบว่าผู้ที่วางท่าทางที่มีพลังอำนาจสูง 2 นาที มีระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอร์โรนเพิ่มสูงขึ้น 20% ในขณะที่กลุ่มผู้ที่วางท่าทางที่มีพลังอำนาจต่ำ มีระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอร์โรนลดต่ำลงไป 10%
ผลการวัดระดับฮอร์โมนต้านความเครียดที่เรียกว่า คอร์ติโซล (ผลิตมากแสดงว่าเครียดมาก) ที่สะท้อนถึงภาวะความเครียรด พบว่าผู้ที่วางท่าทางที่มีพลังอำนาจสูง 2 นาที มีระดับฮอร์โมนคอร์ติโซลลดลงไป 25% ในขณะที่กลุ่มผู้ที่วางท่าทางที่มีพลังอำนาจต่ำ มีระดับฮอร์โมนคอร์ติโซลเพิ่มสูงขึ้น 15%
จากข้อมูลนี้แสดงให้เห็นว่าอารมณ์ และฮอร์โมนไม่ได้กำหนดท่าทางเราอย่างเดียว แต่เราสามารถปรับระดับฮอร์โมนโดยการวางท่าทางได้ด้วย เพียงแค่ทดลอง 2 นาที ก็รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงอารมณ์และเคมีในร่างกายเราได้ และสามารถทำได้วันละหลายๆครั้งอย่างง่ายๆ