อดีตโฆษกพันธมิตรฯ พร้อมเครือข่ายเพื่อผู้บริโภค ยื่นหนังสือถึง “ประยุทธ์” ขอระงับสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 พร้อมทวงถามวาจาจะรับมติ สปช. จ่อแฉรายงาน ก.พลังงานเมินเสนอข้อมูลภาคประชาชนศุกร์นี้ เตือนถ้าเดินหน้าเท่ากับตระบัดสัตย์ ไม่ฟังเสียงชาวบ้าน ขู่อย่าให้ซ้ำรอยกับคนอื่น ถ้าตัดสินฝืนกระแสเจอแน่
วันนี้ (20 ม.ค.) ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เมื่อเวลา 10.20 น. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ อดีตโฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค น.ส.บุญยืน ศิริธรรม ประธานสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค และ ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี ผอ.ศูนย์วิจัยนโยบายพลังงานและทรัพยากร นำประชาชนประมาณ 20 คน ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอาชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขอให้ชะลอการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 เปลี่ยนระบบสัมปทานเป็นระบบแบ่งปันผลผลิต ให้ข้อมูลในปริมาณปิโตรเลียมเบื้องต้นก่อนการให้สิทธิผลิตแก่เอกชน ศึกษาการปฏิรูปที่เป็นอิสระ ปราศจากผลประโยชน์ทับซ้อน เพื่อออกกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียมฉบับใหม่ที่กำหนด เพื่อรักษาผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน โดยมีนายสุขสวัสดิ์ สุขวรรณวงศ์ หัวหน้าฝ่ายประสานมวลชน รับหนังสือ
นายปานเทพกล่าวว่า นายกฯ เคยลั่นวาจาไว้เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 57 ว่าจะรับฟังความคิดเห็นและมติสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และมติ สปช.ชัดเจนไม่เห็นด้วยกับสัมปทานรอบที่ 21 จึงมาทวงถามที่นายกฯ ลั่นวาจาไว้ ขณะที่รายงานที่นำเสนอนายกฯในการตัดสินใจ มีการตัดทอนเนื้อหาสำคัญในส่วนที่ภาคประชาชนนำเสนอ จึงถือว่ารัฐบาลขาดความจริงใจ และอาจถูกตีความว่า จงใจบิดเบือนข้อมูลทำให้เกิดความสับสนในการตัดสินใจ และวันที่ 23 ม.ค.จะมีการเปิดเอกสารหลักฐาน ขั้นตอน กระบวนการทำสัมปทานที่ สปช.ทักท้วง เพื่อให้ประชาชนรับทราบ ที่มหาวิทยาลัยรังสิต เวลา 10.00 น.เชื่อว่าจะมีผลต่อการตัดสินใจของนายกฯ ว่าควรเดินหน้าหรือปฏิรูปพลังงานให้โปร่งใสก่อน
นายปานเทพกล่าวว่า ถ้านายกฯตัดสินใจเดินหน้าเปิดสัมปทาน เท่ากับนายกฯตระบัดสัตย์ต่อคำพูดตัวเอง ไม่ฟังเสียงประชาชนถือเป็นเรื่องใหญ่เพราะเป็นผู้นำประเทศ และในอดีตเองเคยมีการขับไล่นายกฯ ที่ตระบัดสัตย์มาแล้ว เราไม่อยากให้เหตุการณ์เหล่านั้นซ้ำรอยกับเหตุการณ์ครั้งนั้นอีก ทั้งนี้จะคำนวณสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไป และเชื่อว่าประชาชนไม่อยากเห็นนายกฯที่ตระบัดสัตย์ และหากยังดันทุรังต่อไป จะเป็นอันตรายต่อประเทศ
ด้านนายบุญยืนกล่าวว่า เรื่องนี้ใหญ่เพราะ พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาในสถานการณ์ที่เกิดการชุมนุม และสิ่งที่นายกฯ ต้องการคือให้บ้านเมืองสงบ เกิดการปรองดอง และจะไม่ให้การชุมนุมอีก แต่ถ้านายกฯ ตัดสินใจฝืนกระแสสังคม ก็จะไม่สามารถหยุดการชุมนุมได้ ต่อให้นายกฯ ออกกฎหมาย ควบคุมการชุมนุมอีก 100 ฉบับ ก็ไม่สามารถหยุดความต้องการประชาชนที่เรียกร้องความเป็นธรรมได้