หน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคเมืองน้ำหอม ฟ้องบริษัทเจ้าของแพลตฟอร์มเกมพีซีชื่อดัง ฐานละเมิดสิทธิของลูกค้าด้วยการบังคับให้เกมดิจิตอลดาวน์โหลดที่ซื้อไปผูกติดกับบัญชีผู้ใช้ตลอดชีพ ไม่สามารถขายต่อได้เหมือนแผ่นมือสอง
นับเป็นข้อเสียเปรียบที่มีมาเนิ่นนานสำหรับเกมพีซี ที่พอเปิดเล่นครั้งหนึ่งแล้วเป็นอันหมดราคาในทันใด แม้ว่าจะเล่นน็อคจนเบื่อแล้ว แต่ก็ยังต้องทนเห็นมันนั่งแช่อยู่ในตู้เก็บของ หรือคลัง Library ของเราไปตลอดชีวิต เนื่องจากไม่สามารถนำมันมาขายต่อได้เหมือนอย่างแผ่นเกมคอนโซล
แต่ในอนาคตทุกสิ่งอาจเปลี่ยนไป เมื่อล่าสุดทางสมาคมคุ้มครองผู้บริโภคเมืองน้ำหอม UFC Que Choisir ได้ยื่นฟ้องต่อบริษัทวาล์ว ผู้เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มเกมพีซีออนไลน์ยักษ์ใหญ่อย่าง Steam ในข้อหาริดรอนสิทธิของผู้บริโภค พร้อมกับเรียกร้องให้ทางบริษัทเปลี่ยนนโยบายใหม่ เพื่อให้ลูกค้าสามารถนำเกมสตีมที่ซื้อไปมาขายต่อได้
โดยตัวแทนจาก UFC ได้อ้างบทข้อบัญญัติทางกฏหมายของสหภาพยุโรป ที่ว่าด้วยเรื่องของการขายต่อซอฟต์แวร์ที่ซื้อมาอย่างถูกต้องตามกฏหมาย พร้อมกับยกกรณีตัวอย่างเมื่อปี 2012 กับคดี Oracle ที่ทางผู้พิพากษาตัดสินให้ไม่มีความแตกต่างกันในการขายต่อซอฟต์แวร์ ไม่ว่ามันจะอยู่ในรูปแบบแผ่นดิสก์ หรือดิจิตอลดาวน์โหลด
นอกเหนือจากเรื่องร้องเรียนให้ลูกค้าสามารถขายต่อเกมบนสตีมได้แล้ว ทาง UFC ยังโจมตีการกระทำอันเห็นแก่ตัวของวาล์ว ที่ใช้ประโยชน์หากินจากเหล่าคอนเทนต์ที่ลูกค้าเป็นคนสร้างขึ้นมา พร้อมกับยังร้องขอให้ทางบริษัท จ่ายเงินคืนแก่ผู้ใช้ที่ทำการปิดบัญชีในจำนวนที่เท่ากับยอดเครดิตที่ยังหลงเหลือตกค้างอยู่ในบัญชี
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่บริษัทวาล์ว ถูกฟ้องร้องในเรื่องสิทธิผู้บริโภค โดยทางเยอรมันก็เคยฟ้องร้องในลักษณะแบบเดียวกันนี้มาก่อน แต่สุดท้ายกลับไม่ประสบความสำเร็จ หรือต่อให้ UFC เกิดชนะคดีขึ้นมาจริงๆจนมีผลบังคับใช้ทั่วยุโรป แต่ใช่ว่ามันจะมีผลกับสตีมทั่วโลก เนื่องด้วยข้อบทกฏหมายที่แตกต่างกันในแต่ละทวีป
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
engadget
arstechnica
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*