ช่วงนี้วงการเกมค่อนข้างคึกคักเพราะเกมดังๆเริ่มทยอยออกมาให้เล่นกัน เหล่าบรรดาเกมเมอร์ คงจะมีความสุขปนความทุกข์ ความสุขที่ว่าคือเกมออกเยอะมาก ส่วนความทุกข์ก็ไม่รู้ว่าจะหาเวลาที่ไหนไปเล่นเกม และท่ามกลางเกมมากมายหลายแนว หนึ่งในนั้นที่ไม่อยากให้มองข้ามไปก็คือเกม “Rhythm Tengoku Gold” ที่นับเป็นภาคที่ 2 เป็นเกมแนว กดตามจังหวะที่เป็นที่ฮือฮาเป็นอย่างมากเมื่อ 2 ปีก่อนด้วยจินตนาการบวกกับ ความคิดสร้างสรรค์ ทำให้เกิดเกมที่เน้นไอเดียการกดปุ่มเข้าจังหวะที่แปลกใหม่ ส่งผลให้ทำให้เกมเล็กๆที่ดูเหมือนไม่มีอะไร ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจนต้องมีภาคต่อตามออกมา
"Rhythm Tengoku" ภาคแรกออกบนเครื่องเกมบอยแอดวานซ์ สร้างโดยทีมงาน "Wario Ware" เป็นเกมแนวกดปุ่มเข้าจังหวะ ที่สนุกและท้าทาย โดยใช้การกดปุ่มเป็นหลัก แต่ก่อนอื่นใครคิดว่าเกมนี้เป็นเกมแนวแคชวล ที่เล่นง่ายๆ คุณต้องคิดผิดเพราะเกมมีความยากที่สูงมาก และต้องใช้กะจังหวะที่แม่นยำมากๆ เรียกว่าถ้าไม่รู้จังหวะ ยังไงก็เล่นไม่ผ่านจนพาลจะเครียดมากกว่าสนุก แน่นอน เมื่อออกภาคต่อบน เครื่อง 2 หน้าจออย่าง DS แน่นอนว่าต้องใช้หน้าจอสัมผัส เล่นแน่ ตัวเกมใช้ 2 หน้าจอได้คุ้มสุดๆโดยคุณต้องจับเครื่องเล่นในแนวตั้งเหมือน ลักษณะเหมือนอ่านสมุดพกเล่มเล็กๆ แล้วใช้จอล่างเพื่อควบคุมการเคลื่อนไหวของจอบน ด้วยระบบสัมผัส
และคราวนี้ จอสัมผัส มาทำงานแทนปุ่มได้ดีเยี่ยม เพราะมันสามารถสร้างสรรค์ รูปแบบการเล่นใหม่ๆได้มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการจิ้มแบบธรรมดา , จิ้มค้างแล้วปล่อย หรือ จิ้มแล้วตวัด , ถูหน้าจอ , จับแล้วเขย่า หรือจะ สแคลชแผ่นเสียงแบบดีเจก็ทำได้ จนไม่น่าเชื่อว่าจะทำได้แม่นยำและหลากหลายกว่ากดปุ่ม โดยการกะจังหวะให้ตรงยังคงยากมากเหมือนเดิม เพราะไม่มีการแสดงแถบหรือค่าพลังให้รู้ว่าเราจะกดเมื่อไร เรียกว่าต้องใช้การจับจังหวะด้วยการฟังเสียง หรือดูภาพในเกม โดยบางด่านมีความเร็วในการเล่นที่สูงมากๆ แต่ถ้าหากคุณจับจังหวะจากดนตรีหรือเสียงประกอบได้แล้ว บางด่านคุณหลับตาเล่นก็ยังได้
ระบบเสียงที่เป็นสิ่งสำคัญของเกมนี้ถูกพัฒนาขึ้นจากภาคก่อนที่ลงเครื่อง GBA ไปมากพอสมควร เพราะมีเสียงมิติ ดัง ชัดใส และมีรายละเอียดที่ซับซ้อนมากกว่าเดิม แต่อย่างไรก็ตามควรใช้หูฟังคุณภาพดีๆ มาใช้ประกอบการเล่นเมื่ออยู่ภายนอกอาคาร เพราะเกมนี้ “เสียง” เป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากในการเล่น อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าในบางด่านหากหลับตาเล่นยังพอจะเล่นผ่านได้ แต่ถ้าปิดเสียงเล่นรับประกันว่าคุณเล่นไม่ผ่านแน่นอน
รูปแบบหลักของเกมยังคงเป็น มินิเกมที่แบ่งออกเป็นด่านๆ ที่แม้จะไม่มีการผูกเรื่องแบบ Wario แต่เรื่องราวเล็กๆที่อยู่ในแต่ละด่าน ก็สร้างความสนุก และเรียกเสียงฮาได้ไม่แพ้กัน เช่น ร้องเสียงประสาน , ยิงน็อตใส่รู , ตีกลองแข่งกัน หรือ กังฟูกินขนม ,ยานอวกาศยิงศัตรู , ชาวสวนเก็บหัวมัน ,ถ่ายรูปรถแข่ง ,ด่านจีบกันในห้องทดลอง , ด่านบอส ที่เป็นการ Remix รูปแบบการเล่นมารวมกัน และอีกมากมายหลายด่าน ซึ่งมีทั้งแบบความเร็วสูงและจับจังหวะตามท่าทางที่กำหนด โดยในแต่ละด่านมีความยากมากกว่าภาคที่แล้ว อาจเป็นเพราะระหว่างการเล่นจะไม่มีค่าพลัง หรือคะแนนอธิบายว่าเราได้หรือเสียไปแค่ไหนอันเป็น จุดเด่นอย่างหนึ่งของเกมนี้มาตั้งแต่ภาคแรก เพราะมาลุ้นว่าจะผ่านไม่ผ่านกันทีเดียวตอนจบเลย
ในเมื่อเกมเน้นที่ลูกเล่น ไม่ได้เน้นที่ภาพกราฟิก พร้อมด้วยเมนูอินเตอร์เฟสสุดเชยอาจจะทำให้ดูธรรมดาไปหน่อย แต่อย่างไรก็ตามแอนิเมชั่นการเคลื่อนไหวในเกม ที่ทำออกมาได้นุ่มนวล และ ในบางด่าน มีการแสดงผลด้วยโพลิกอน อีกด้วย ภาพรวมมีการลงทุนและดูดีกว่าภาคแรก โดยกราฟิกอยู่ในระดับเดียวกับ Wario Ware Touched ของเครื่อง DS ที่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของเกมอยู่ ส่วนโหมดที่เพิ่มความท้าทางอย่างเช่นโหมด Perfect ก็ยังมีครบ และสิ่งที่สามารถปลดล็อกก็มีมากมายเช่น เพลงประกอบ และ มินิเกมที่เอาไว้เล่นเพลินๆ โดยใช้การจับจังหวะในการเล่นเหมือนกัน
สรุปแล้ว Rhythm Tengoku Gold ถือว่าทำได้ดีกว่าภาคแรกในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการเล่น ที่จอสัมผัสสร้างอารมณ์ร่วมได้มากกว่า มีรูปแบบการเล่นที่หลากหลายกว่า อีกทั้ง ภาพ และ เสียงที่ถูกพัฒนาให้ดีขึ้น ที่แม้การออกแบบตัวละคร ที่ยังทำสู้ Wario Wareไม่ได้ และ ยังคงไม่มีตัวละครดำเนินไปตามเรื่องเหมือนภาคแรก ที่ออกจะดูเชยไปหน่อยสำหรับเกมในยุคนี้ แต่อย่างไรก็ตาม เกมเพลย์ที่สนุกท้าทาย ก็คุ้มค่าที่จะหามาเล่น แถมได้ฝึกสมาธิในการจับจังหวะ และที่สำคัญ ถ้าเกมนี้จะมีภาคต่ออยากเห็นภาคต่อไปของ Rhythm Tengoku บนเครื่อง Wii คงนะมันส์ฮามากว่านี้แน่นอน
คะแนนการเล่น | 9 |
กราฟิก | 8 |
เสียง | 8.5 |
ความคิดสร้างสรรค์ | 9 |
ความคุ้มค่า | คุ้มค่ากว่าภาคแรก |
ภาพรวม | 9 |
Darth.Vader (วงศกร ปฐมชัยวัฒน์)