หลังจากประสบความสำเร็จอย่างงดงามไปกับซีรีส์ Lego Starwars ที่สร้างสรรค์ตัวละครจากภาพยนตร์ดัง ผสานกับตัวต่อ Lego ที่แสนน่ารักได้อย่างลงตัว ก็ได้เวลาสานต่อไปกับหนังภาคต่อในตำนานที่กลับมาอีกครั้งใน Lego Indiana Jones แต่สำหรับภาค NDS ที่ Lego Starwars ทำชื่อ “เสีย”ไว้จนอาจเรียกได้ว่า ทุกเครื่องที่ Lego Starwars ลงเวอร์ชัน DS จะสนุกน้อยที่สุด แถมบั๊กในเกมเพียบ ทำให้การมาของอินดี้ลงเครื่องสองหน้าจอ ไม่แปลกที่จะถูกเมิน แม้กระทั้งผู้เขียนเองตอนแรกก็ไม่คิดแม้แต่จะลองเล่น
แต่ไหนๆ เพื่อต้อนรับการกลับมาของอินดี้ 4 เลยต้องลองเสียหน่อย สิ่งที่สัมผัสแรกก็คือภาพที่สวยขึ้นกว่า Starwars จนเห็นได้ชัด รอยต่อของโพลิกอน ทำได้ละเอียดและเนียนตาขึ้น ระบบ AI ที่ฉลาดขึ้น แม้จะไม่มากนัก แต่ก็ไม่ทำให้หงุดหงิด เหมือน Starwars แถม Bug ในเกมที่ถูกแก้ไขมาจนเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบมากขึ้น ตัวเกมมีตัวละครผู้ช่วยที่มีความสามารถพิเศษเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน ดังนั้นต้องสลับสับเปลี่ยนตัวละครเพื่อแก้ปริศนาเหมือนภาค Starwars แต่อินดี้ก็ทำได้ดี เกินหน้า Starwars การแก้ปริศนาต่างๆที่ดูตั้งใจทำและซับซ้อนมากขึ้น และที่สำคัญเข้ากับหนังแนวหาสมบัติของอินดี้มากกว่าแนวสงครามอวกาศเสียอีก
ที่น่าชมเชยก็คือการเพิ่มการใช้ลูกเล่นของเครื่อง DS มาใช้ ทั้งจอสัมผัสไว้ดึงหรือหมุนสวิช ,ขุดดิน ,ยกของ และการใช้ไมโครโฟนเพื่อเป่าให้ไฟดับ เป่าลมยาง เป่าพัดลมให้ตัวละครลอยขึ้น ที่แม้อาจจะดูธรรมดา(ถ้าเทียบกับลูกเล่นของเซลด้าDS) แต่ก็ถือว่าเป็นการพัฒนาไปในแนวทางที่ดีขึ้น นอกนั้นก็เป็นการเล่นแนวเกม Lego ที่เล่นไปเรื่อยๆ การเก็บสะสมตัวต่อเพื่อปลดล็อกสิ่งต่างๆภายในเกมเหมือนเดิม แถมด้วยมินิเกมแนว Lego ให้ได้เล่นกันด้วย
ใครที่ติดตามซีรีส์นี้มาคงจะรู้ว่าเกมมีจุดเด่นอยู่ที่การผสานความน่ารักเข้ากับเนื้อเรื่องในภาพยนตร์ได้อย่างดี การผูกเรื่องให้เข้ากับฉากต่างๆในเกม และมีMovieให้ดูเป็นระยะๆ พร้อมทั้งมุขฮาๆที่ดันเข้ากับมุขในหนังอินดี้เสียด้วย ที่สำคัญไม่มีด่านขับยานชู๊ตติ้ง 3 มิติที่ชวนเวียนหัวของ Starwars แล้ว ฉากชู๊ตติ้งในเกมที่ถูกปรับให้เล่นง่ายขึ้น แต่เสียอย่างเดียวได้ที่เล่นได้แค่ 3 ภาคแรก (Raiders of the Lost Ark , Temple of Doom , The Last Crusade) ไม่ได้เล่นภาค 4 และตัวเกมสั้นไปหน่อย แต่สามารถกลับมาเล่นอีกรอบเพื่อเก็บไอเทมต่างๆในเกมได้
ด้านดนตรีและเสียงประกอบภายในเกมที่ดึงเอาธีมหลักที่สุดแสนคลาสสิกของ Indiana Jones ที่ประพันธ์โดย John Williams มาใช้อย่างเต็มที่ และเพลงอื่นๆในอินดี้ที่สร้างบรรยากาศการแก้ปริศนาได้เป็นอย่างดี ที่น่าแปลกก็คือมันเข้ากับเกมได้ดีกว่าสมัย Starwars เสียอีก เสียดายที่เสียงเบาไปนิด ส่วนเสียงประกอบก็เป็นแนว Lego ที่ดูก๊องแก๊ง ต้องเข้าใจก่อนว่าเมื่อสิ่งต่างๆในเกมเป็นพลาสติก เสียงประกอบไม่ว่าจะลงเครื่องไหนก็หนีไม่พ้นแนวนี้แหละ
สรุปแล้วถ้าคุณชอบเกมในซีรีส์ Lego คุณก็จะชอบเกมนี้ โดยเฉพาะยิ่งถ้าเป็นแฟนเก่าของอินดี้ รับรองยิ่งชอบ แต่สำหรับคอเกมระดับฮาร์ดคอร์ แน่นอนที่จะไม่ชอบ เพราะเกมนี้เน้นให้เล่นสบายๆ แก้ปริศนาไปเรื่อยๆ อันเป็นแนวทางของเกมแนว Lego แต่ถ้าคุณทำความเข้าใจในแนวเกมแล้ว เกมนี้ก็สนุกไม่แพ้เกมแนวอื่น เช่นกัน ยิ่งภาคนี้ถูกพัฒนาขึ้นแม้จะไม่ได้มากมายอะไร แต่ก็แสดงให้เห็นว่าจะได้อนาคตอันสดใสในซีรีส์นี้แน่ และจะได้เห็นภาพยนตร์ดังๆกลายเป็นตัวต่อ Lego อีกแน่นอน (พบกับ Lego Batman เร็วๆนี้)
**สำหรับเหตุการณ์ที่ไม่ปกติของบ้านเมืองเรา ที่หลายคนอาจคิดว่าผู้เขียนจะหนีหน้าหายไปไหนหรือเปล่า ขอบอกว่า ตราบใดที่มีเว็บ manager ก็ยังคงมีงานเขียนของ Darth.vader ให้อ่านต่อไปแน่นอน**
เกมการเล่น | 8.5 |
กราฟิก | 8 |
เสียง | 8 |
ความคิดสร้างสรรค์ | 8 |
ความคุ้มค่า | สนุกกว่า Lego Starwars (DS) |
ภาพรวม | 8 |
วงศกร ปฐมชัยวัฒน์ (Darth.vader)