xs
xsm
sm
md
lg

"Dragon Quest 5 DS" เจ้าสาวแห่งสวรรค์ฉบับพกพา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ถ้าพูดถึงเกมภาษาระดับตำนานที่ข้ามกาลเวลา โดยยังคงความคลาสสิกของตัวเกมไม่เปลี่ยนแปลง คำตอบที่ได้คงหนีไม่พ้น Dragon Quest แน่นอน และอีกครั้งกับการรีเมคบนเครื่องมือถือสองจอ DS หลังจากเพิ่งรีเมค ภาค 4 ไปเมื่อปลายปีที่แล้ว แต่การมาครั้งนี้ อาจจะดูมีข้อเปรียบเทียบมากกว่าครั้งก่อน เพราะ ภาค 5 เคยรีเมคแล้วบนเครื่อง PS2 ซึ่งเมื่อมาลง DS ทำให้ภาพย่อมด้อยกว่าแน่นอน ทำให้มีข้อสงสัยว่า คุ้มหรือไม่ที่จะเล่นอีกครั้ง?

Dragon Quest 5 นับเป็นอีกภาคหนึ่งที่มีความโดดเด่นมากในซีรีส์ที่นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะเป็นครั้งแรกที่ตัวเอกไม่ใช่ผู้กล้า(แต่มีลูกเป็นผู้กล้า) และด้วยเนื้อเรื่องที่เข้มข้นและแสนจะรันทด จึงมีความเป็นดราม่าสูง แถมด้วยระบบจับมอนสเตอร์มาเป็นพวก ทำให้เกมนี้โดดเด่นหลากหลายในการจัดรูปแบบการเล่นเองได้สนุกอย่างเหลือเชื่อ เหนือเกมอื่นในยุคนั้น (ตอนนั้นยังไม่มี “โปเกม่อน”) ส่งผลให้ตัวเกมมีความหลายหลายกว่าเกมอื่น และสมัยที่เกมรีเมคลง PS2 ก็สานต่อความยอดเยี่ยมมาด้วยภาพแบบโพลิกอน 3D ที่เข้ากับเกมได้อย่างลงตัว

สำหรับภาค DS ละในเมื่อภาพและเสียงที่ต้องด้อยลง โดยอยู่ในระดับเดียวกับภาค 4 ของ DS โดยภาพตัวละครในแบบดอทพิกเซลนั้นเข้ากับเครื่องมือถือ อย่าง DS และรับกระแสเกมย้อนยุคในตอนนี้เป็นอย่างดี มีการสร้างการเลื่อนไหวใหม่ที่นุ่มนวลและตั้งใจทำมากขึ้นโดยเฉพาะในฉากต่อสู้ที่ศัตรูเคลื่อนไหวได้นุ่มนวลมากขึ้น ส่วนฉากดันเจี้ยน,หมู่บ้าน และปราสาทเป็นโพลิกอน 3D ที่เด่นๆเพิ่มมาในภาคนี้ก็คือ เจ้าสาวคนที่ 3 ซึ่งตามปกติจะมีเจ้าสาวให้เราเลือก 2 คน ก็คือ เบียงก้า และ ฟลอร่า ภาคนี้ได้เพิ่มสาวไฮโซ “เดโบร่า” มาด้วย นอกจากนี้ ดันเจี้ยนลับหรือเกมทอยลูกเต๋าก็กลับมาให้เล่น และยังมีมอนสเตอร์ใหม่ๆให้ได้จับกัน แถมด้วยมินิเกมที่ใช้ทัชสกรีนให้ได้เล่นกันอีก ถือว่ามีการลงทุนกว่าการรีเมคครั้งก่อนเล็กน้อย

ส่วนที่ไม่ได้เกี่ยวกับระบบการเล่นหรือเนื้อเรื่อง แต่เป็นส่วนที่ทำให้ภาค DS น่าเล่นก็คือ ความลื่นไหลรวดเร็วในการเล่น ถูกปรับให้เร็วขึ้นมากไม่มีอาการสะดุดให้เสียอารมณ์ นอกจากนี้ เมนู และอินเตอร์เฟสที่ยกมาจากภาค 4 DS เหมือนทำให้แฟนๆใหม่ใช้งานง่าย และมีรูปให้ดูว่าอะไรเป็นอะไร ส่วนการใช้ 2 หน้าจอของ DS ช่วยทำให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่า โดยในส่วนของดันเจี้ยนที่ดูแผนที่ได้ในมุมกว้างขึ้น ทำให้เราไม่ค่อยหลงทาง ส่วนในฉากต่อสู้ แบ่งเป็นจอล่างเป็นศัตรู จอบนเป็นค่าพลังของฝ่ายเรา ทำให้ดูง่าย และเด็กรุ่นใหม่ๆที่เคยมองข้ามเพราะเมนูที่โบราณน่าจะหันมามองเกมนี้มากขึ้น แถมด้วยคัทซีนในแบบ Dragon Quest ที่อาจไม่อลังการ แต่ก็สวยในแบบเรียบง่าย

แม้จะมาลงเครื่องมือถือ เกมก็ยังคงไว้ซึ่งเสน่ห์ของ Dragon Quest ในด้านเกมเพลย์ที่ยากและท้าทายไว้ เพราะไม่ใช่แค่ปั๊มเลเวลแล้วนั่งฟันๆก็ผ่านเหมือนเกมอื่นๆ ต้องมีการวางแผนการรบและใช้คาถาต่างๆทั้งเพิ่มค่าโจมตี และป้องกันกันสุดตัว ถึงจะชนะในศึกครั้งใหญ่ๆได้ ด้านข้าวของต่างๆภายในเกม ยังคงราคามหาโหดเหมือนเดิม ส่วนกาสิโน ,การประลองมอนสเตอร์หรือการแลกเหรียญเล็กก็ยังคงมี ตัวเกมถูกปรับให้สมดุลขึ้นเล็กน้อย โดยรวมแล้วไม่ได้ทำให้ตัวเกมเสียความคลาสสิกไปเลยแม้แต่น้อย ส่วนดนตรีประกอบที่ประพันธ์โดย “โคอิจิ ซุงิยามา” ยังคงความไพเราะติดหู ด้วยดนตรีคลาสสิกในแบบ Dragon Quest ไว้เช่นเดิม แม้จะถูกย่อมาลงเครื่องมือถือก็ตามที แต่ควรใส่หูฟังถ้าเล่นภายนอกอาคาร

เสียดายเล็กน้อยที่ ไหนๆลงเครื่อง DS ที่เป็นเครื่องมือถือที่สามารถเล่นได้ทุกที่ทุกเวลาและมีระบบออนไลน์ บวกกับภาคนี้มีการจับมอนสเตอร์ ซึ่งเกมในยุคนี้กลายเป็นแนวที่ได้รับความนิยมเล่นมาก น่าจะให้มีการให้ต่อสู้กัน หรือแลกเปลี่ยนมอนสเตอร์ ผ่านระบบ wireless หรือ ออนไลน์ ของ DS ด้วยน่าจะดีเยี่ยมกว่านี้ แต่ถึงจะไม่มี การที่ได้นั่งกลับมาเล่น ภาค 5 อีกครั้งในรูปแบบที่ถูกปรับให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น แม้ภาพจะไม่สวยสด แต่เกมก็ทำให้เรารู้สึกอิ่มเอิบกับเกมได้เช่นเดียวกับภาค PS2 เพราะแกนหลักของ Dragon Quest ไม่ได้อยู่ที่ภาพเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่รูปแบบการเล่นที่ท้าทาย ซึ่ง DS ก็สามารถถ่ายทอดออกมาได้ดีเช่นกัน ดังนั้นแฟนเก่าๆจึงคุ้มค่าที่จะได้ลิ้มลอง ความประทับใจนี้อีกครั้ง ส่วนแฟนใหม่ๆ ก็สามารถลองได้ เพราะเกมถูกปรับให้เข้าใจง่ายขึ้นเช่นกัน ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง

เกมการเล่น9
กราฟิก8
เสียง8.5
ความคิดสร้างสรรค์8
ความคุ้มค่าคุ้มค่าที่จะเล่นอีกครั้ง
ภาพรวม8.5


วงศกร ปฐมชัยวัฒน์ (Darth.vader)





กำลังโหลดความคิดเห็น