รีบออกมาเปิดใจ เคลียร์ทุกประเด็นแบบชัดเจนว่าไม่ใช่เรื่องที่ผิด ภายหลังมีประเด็นดราม่า จากการแข่งขันชกมวยในรายการ 10 Fight 10 ซีซั่น 2 สำหรับ “หมอเจี๊ยบ ลลนา ก้องธรนินทร์” นางสาวไทยปี พ.ศ. 2549 ซึ่งได้ขึ้นสังเวียนกับดาราสาว “เชียร์ ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์” อย่างดุเดือดแบบมวยผู้ชายยังต้องสยบ และผลออกมาคือเสมอกันไปแล้ว
หลังจากนั้น “นุ้ย สุจิรา อรุณพิพัฒน์” ในฐานะนางสาวไทยรุ่นพี่ได้ออกมาเผยว่า หมอเจี๊ยบมีอาการกระดูกซี่โครงหัก ตั้งแต่ซ้อมจึงฉีดยาชาก่อนขึ้นชก ทำให้เกิดกระแสสงสัยว่า หากบาดเจ็บเหตุใดหมอเจี๊ยบไม่ขอเลื่อนชก ส่วนการฉีดยาชานั้นอันตรายหรือไม่? รวมถึงจะเป็นการไม่ยุติธรรมกับอีกฝ่ายหรือเปล่า?
โดยงานนี้ “หมอเจี๊ยบ” ได้ออกมาโพสต์เคลียร์ทุกประเด็นละเอียดยิบ ผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัวว่า
ก่อนอื่นเลยต้องขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องเป็นห่วงนะคะ ว่าจะอยู่เงียบๆ แต่ดราม่ามาแรงเลยขอใช้พื้นที่นี้ในการอธิบายสิ่งที่คนสงสัยประเด็นการใช้ยาชาก่อนขึ้นชกมวยตามนี้นะคะ
ช่วงดึกๆ คืนวันก่อนแข่ง เจี๊ยบซ้อมชกท่าต่างๆ ที่จะใช้ในการแข่งขัน ปรากฏว่าเกิดอุบัติเหตุ ผิดท่าไป ทำให้เจี๊ยบร่วงลงไปกับพื้น หลังจากนั้นก็คือเจ็บมาก หายใจก็เจ็บ ขยับตัวทำอะไรก็เจ็บไปหมด ตามรูปที่น้ำตาไหลไปกินข้าวไป คิดว่าแย่แล้ว พรุ่งนี้เราคงขึ้นชกไม่ได้แน่ๆ ในหัวคิดแต่อะไรจะเกิดขึ้นบ้างถ้าเราชกไม่ได้กะทันหันแบบนี้ และได้แต่โกรธตัวเองว่ามาเจ็บอะไรตอนนี้ รายการจะทำยังไง คนที่รอดูคู่เราไม่ว่าจะทีมขาวหรือทีมดำต่างต้องผิดหวัง ตัวเจี๊ยบเองซ้อมมานานทั้งหมดเพื่อการแข่งขันวันพรุ่งนี้ คู่ชกเจี๊ยบก็ซ้อมมานานเค้าซ้อมมาเพื่อวันพรุ่งนี้แล้วเค้าจะชกกับใคร หรือถ้าให้รายการหาคนอื่นมาชกแทน ให้คู่อื่นเลื่อนขึ้นมาชกก่อนแทนคู่เจี๊ยบ เค้าก็อาจไม่ได้พร้อม ยังไม่ถึงวันของเค้า ในหัวเจี๊ยบคิดแต่ว่าจะทำยังไงได้บ้างให้สามารถขึ้นชกให้ได้ในวันพรุ่งนี้
เจี๊ยบจึงปรึกษาอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมกระดูก และเฉพาะทางด้านกายภาพ (อาจารย์เป็นคนที่รักษาอาการบาดเจ็บต่างๆ ระหว่างการฝึกซ้อม ของทั้งทีมขาวและทีมดำ) ผลอัลตราซาวนด์พบว่าอาการบาดเจ็บมาจากรอยร้าวที่กระดูกซี่โครง ทางเดียวที่จะพอทำให้สามารถขึ้นชกได้คือฉีดยาชาที่บริเวณซี่โครงที่ร้าว เพื่อให้สามารถหายใจในสภาวะใกล้เคียงคนปกติ หายใจแล้วไม่เจ็บจนเกินไป ให้สามารถขึ้นไปชกได้ ให้สามารถถ่ายรายการลุล่วงไปได้
ด้วยความที่ตัวเจี๊ยบเองเป็นหมอ เจี๊ยบประเมินตัวเจี๊ยบเองและรับได้กับความเสี่ยงต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นกับร่างกายตัวเอง เจี๊ยบตัดสินใจขึ้นชกในสภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ หากเป็นคนทั่วไป หรือ นักชกคนอื่นๆ อาจต้องเลื่อนชกไปอีกเป็นเดือนๆจนกว่าซี่โครงที่ร้าวอยู่จะหายดีก่อน หรือ ถอนตัวไปเลย เพราะทุกคนย่อมอยากไปแข่งในแบบที่สภาพร่างกายที่ตัวเองสมบูรณ์ที่สุด ไม่มีใครอยากลงแข่งทั้งๆที่กระดูกซี่โครงตัวเองยังร้าวอยู่
โดยเจี๊ยบเองเป็นคนบอกกับพี่นุ้ย บอกกับเชียร์ และคนอื่นๆเรื่องกระดูกร้าวและการใช้ยาชาเอง ส่วนตัวเจี๊ยบทราบว่าการกระทำดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่ผิด ไม่ใช่มีเจตนาโกง หรือถือเป็นการเอาเปรียบคู่ต่อสู้ หมอผู้รักษาอาการบาดเจ็บของนักกีฬามีจรรยาบรรณและศักศรีในการรักษาคนไข้ทุกคนอย่างเท่าเทียม และตัวเจี๊ยบเองไม่เคยอยากได้ชัยชนะถ้าต้องแลกมาด้วยการทำสิ่งที่ผิด หากเป็นสิ่งที่ผิดจริงเจี๊ยบคงเลือกที่จะไม่ทำ หรือหากทำคงเลือกที่จะไม่บอกใคร เพราะหากเจี๊ยบไม่บอกใครก็คงไม่มีใครรู้ด้วย
ข้อเท็จจริงทางการแพทย์เกี่ยวกับยาชาคือ ยาชาสามารถช่วยออกฤทธิ์ลดทอนความเจ็บปวดได้ในบริเวณเฉพาะจุด เฉพาะที่ฉีดตรงซี่โครงซี่ที่ร้าวเท่านั้น เหมือนเวลาเราไปถอนฟันแล้วหมอฉีดยาชาตรงฟันที่จะถอน เราโดนหยิกขา ขาเราก็ยังเจ็บอยู่ดี ยาชาไม่สามารถออกฤทธิ์ไปทั่วร่างกาย ยาชาเพียงช่วยให้เจี๊ยบหายใจแล้วไม่เจ็บจี้ดๆ หายใจในสภาวะที่ใกล้เคียงกับคนปกติ หากระหว่างการแข่งเจี๊ยบโดนต่อยหน้า โดนต่อยท้อง หรือโดนต่อยตรงอื่นๆ ก็มีบาดแผล มีรอยช้ำ ยาชาไม่สามารถช่วยให้เจี๊ยบต่อยได้ดีขึ้น หลบหมัดได้ดีขึ้น หรือมีพละกำลังใดๆมากขึ้น และเจี๊ยบไม่สามารถฉีดยาชาทั่วร่างกายได้ เพราะไม่ใช่ใครที่ปวดแขน ก็สามารถมาฉีดยาชาที่แขน ในทางตรงกันข้าม หากฉีดยาชาที่แขนจะทำให้กล้ามเนื้อสูญเสียการควบคุมการทำงานให้ดีตามปติ ทำให้คำนวณแรงในการชกยากขึ้น ลำบากขึ้นกว่าเดิมอีก จึงไม่มีใครเค้าทำกัน
ยาชา(Lidocaine)จึงไม่ใช่สารต้องห้าม และไม่ผิดกฎกติกาสากล (ทั้งนี้เจี๊ยบได้แนบเอกสารอ้างอิงจากองค์กรสากล รายการยาต่างๆที่ใช้แล้วถือว่าผิดกฎ ซึ่งยาชาไม่มีอยู่ในลิสดังกล่าว) เพราะในความเป็นจริงแล้วตัวคนถูกฉีดยาชาเองเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบในการแข่งขัน
หลังการแข่งมวยเจี๊ยบดูยังแรงดีอยู่เพราะตอนที่ซ้อม เจี๊ยบฝึกซ้อมมาหนักกว่าบนเวทีจริงเยอะ บนเวทีชกแค่ 3 ยก เจี๊ยบซ้อมมา 6-8 ยก หน้าเจี๊ยบไม่มีรอยแผลจากการโดนชก เพราะหมัดส่วนใหญ่โดน Head guard ไม่ได้ปะทะจังๆเข้าที่หน้าเจี๊ยบ และหากหน้าเจี๊ยบถูกปะทะจากการโดนต่อย ยาชาที่กระดูกซี่โครงก็ไม่สามารถมีผลช่วย save เจี๊ยบจากรอยช้ำต่างๆ หรือ save เจี๊ยบจากการหน้าแหก ดั้งหัก หรือเลือดกำเดาไหลได้เลย
เจี๊ยบรับงานนี้มาและอยากรับผิดชอบงานตรงหน้านี้ให้จบ ให้สำเร็จ ลุล่วงไป ทีมงานทุกคนเหนื่อยกับการแข่งครั้งนี้มามาก ถามว่าคุ้มไหม ที่ซี่โครงร้าวอยู่ก่อนขึ้นชกแล้วผลสุดท้ายหลังชกเสร็จซี่โครงที่ร้าวอยู่หัก คือสำหรับเจี๊ยบชัยชนะหรือแพ้มันแค่คำตัดสินตามเกมกีฬา ผลจะออกมาเป็นยังไงเจี๊ยบรับได้หมด แต่ที่คุ้มค่าสำหรับเจี๊ยบ คือ เจี๊ยบได้พิสูจน์ตัวเจี๊ยบเอง พิสูจน์ใจเจี๊ยบเอง และเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนที่คิดว่าเราน่าจะทำสิ่งนั้น สิ่งนี้ไม่ได้ หรือคนที่มองและตัดสินไปแล้วว่าเราไม่เก่งพอหรืออ่อนแอ คงสู้เค้าไม่ได้หรอก อยากทำให้เค้าประหลาดใจและรู้ว่าเราทำได้นะ เจี๊ยบทำได้นะ คุณเองก็ทำได้เหมือนกัน เจี๊ยบอยากเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนดูว่า 'อย่าดูถูกตัวเอง' และ 'อย่าเชื่อเวลาใครมาดูถูกความสามารถของเรา' ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ไม่ว่าจะเพศไหนขอแค่มีใจที่มุ่งมั่น และอดทนมากพอ คุณสามารถพิชิตสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้เสมอ