ผ่านพ้นจากการที่ ”อแมนด้า ชาลิสา ออบดัม” สาวงามหมายเลข 97 เป็นผู้ครองมงกุฎ Miss Universe Thailand 2020 ไปครองตามความคาดหมาย และเตรียมไปปฏิบัติภารกิจ “เดินหน้าคว้ามงที่สาม” จากเวทีจักรวาลกลับมาฝากพี่น้องคนไทย ตามเจตจำนงที่ทาง บริษัท TPN 2018 จำกัด ในฐานะลิขสิทธิ์ได้ประกาศอย่างชัดเจน
ก็นึกว่าเรื่องราวดรามาหลังม่านขาอ่อน จะจบลง แล้วเอาเวลาไปมุ่งมั่นทุ่มเทกับการเตรียมความพร้อมในการส่งตัวแทนสาวไทยเพื่อไปชิงมงกุฎ Miss Universe ในลำดับต่อไปอย่างเต็มที่
แต่เรื่องราวไม่ได้เอวังอย่างที่คิด !!!
พลันที่มีการจับประเด็นความบาดหมางร้าวลึกของผู้จัด กับเจ้าของมงกฏ Miss Universe Thailand ปีที่แล้ว
“ฟ้าใส ปวีณสุดา ดรูอิ้น”
เมื่อมีการตั้งคำถามถึงการออกงานของเธอโดยไร้มงกุฎและสายสะพายประจำตำแหน่ง ทั้งที่เพื่อนนางงามจากเวทีอื่นใส่กันครบ
โดยมีการชี้แจงจากผู้จัดการส่วนตัวว่า มงกุฎดังกล่าวถูก “ยึดคืน” หลังจากที่ฟ้าใสขึ้นอำลาตำแหน่ง เพื่อส่งมอบต่อให้กับอแมนด้า
จากนั้น 2 ผู้บริหาร ของ TPN จึงออกมาให้ข้อมูลสวนกลับว่าไมได้เป็นการยึดคืน เพราะไม่ได้ให้ตั้งแต่แรก เนื่องจากฟ้าใสไม่ยอมเซ็นสัญญา จึงจำเป็นต้องทวงคืนมงกุฎและเงินรางวัลทั้งหมด ซึ่งเป็นไปตามกฎระเบียบของกองประกวด
พร้อมทั้งย้ำว่า .... ไม่ใช่การปลดออกจากตำแหน่ง และยังอนุญาตให้ทำมงกุฎสำรองไว้ใส่ออกงานได้
“สัญญานางงาม 1 ปี สัญญาศิลปิน 3 ปีชัดเจนนะคะ แล้วสัญญาของเราถ้าไปไล่ถามนางงามทุกคนไม่ว่าซีซั่นไหนกองไม่เคยไปวุ่นวายเรื่องของการห้ามรับงานต่างๆ ถามได้เลย เพียงแต่ว่าขอเราดูแลในด้านภาพลักษณ์นิดนึงว่าคุณจะทำอะไร เพราะนี่เป็นภาพลักษณ์ของสายสะพายของผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ แล้วอันนี้เป็นเกียรติที่ทุกคนต้องรักษาร่วมกัน เรื่องมีอยู่แค่นี้เอง”
อนึ่งกรณีเรื่องการเซ็นสัญญานางงาม 1 ปี และสัญญาศิลปิน 3 ปีนั้น เป็นเงื่อนไขในสัญญาตั้งแต่ในยุคที่ “คุณแดง-สุรางค์ เปรมปรีดิ์” เป็นเจ้าของสิทธิ์การจัดประกวด โดยระบุไว้ข้อ 14.3 ต่อเนื่องถึง 14.4 ความว่า
14.3. ผู้เข้าประกวดที่ได้รับตำแหน่ง มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ รองมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ และตำแหน่งพิเศษต่างๆ รวมทั้งผู้เข้ารอบ 10 คนจะต้องลงนามในสัญญากับ บริษัท จันทร์ 25 จำกัด ดังต่อไปนี้
- สัญญาการดำรงตำแหน่งตามที่ได้รับเป็นระยะเวลา 1 ปีนับแต่วันที่ได้รับตำแหน่ง และ
- สัญญาการเป็นนักแสดงในสังกัด บริษัท จันทร์ 25 จำกัด เป็นระยะเวลา 3 ปีนับแต่วันที่ได้รับตำแหน่ง
14.4. หากผู้เข้าประกวดที่ได้รับตำแหน่ง มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ รองมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ และตำแหน่งพิเศษต่างๆและผู้เข้ารอบ 10 คน ปฏิเสธการลงนามในสัญญาตามข้อ 14.3 ของระเบียบการนี้ให้ถือว่าเป็นการสละตำแหน่งที่ได้รับและจะต้องคืนเงินรางวัลและของรางวัลทั้งหมดที่ได้รับจากการประกวดฯ ภายใน 7 วันนับแต่ที่ปฏิเสธการลงนามในสัญญา และผู้เข้าประกวดตกลงจะไม่เรียกร้องหรือ ฟ้องร้องหรือดำเนินการใดๆ ต่อกองประกวดฯ อันเนื่องมาจากการปฏิเสธการเข้าทำสัญญาดังกล่าว
นั่นหมายถึงถ้าพิจารณาจากข้อตกลงในสัญญาที่น่าจะยึดตามหลักเกณฑ์เดียวกันนี้ กรณีที่ฟ้าใส “ไม่เซ็นสัญญา” ก็คือว่าทั้งตำแหน่ง , มงกุฎ และสายสะพาย ก็จะต้องถูกส่งคืนไปยังกองประกวดตามที่ทาง TPN ให้ข้อมูล
แต่ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่เหตุและผลที่ฟ้าใสไม่เซ็นสัญญากับกองประกวด ซึ่งเธอชี้แจงว่ามีการเปลี่ยนเนื้อหาในสัญญา ทั้งการหักเปอร์เซ็นต์ให้กองประกวดเพิ่ม ทั้งการเพิ่มจำนวนปีในการผูกมัดในสัญญา จนทำให้ตกลงกันไม่ลงตัว
เมื่อลำดับใจความตามคำชี้แจงของฟ้าใส ก็พบความพึกลึกพิลั่นของการเซ็นสัญญาไม่น้อย เพราะมีการเซ็นสัญญาถึง 3 ครั้ง
โดยคราวแรก ตั้งแต่ในรอบ 60 คน ซึ่งมีการระบุเงื่อนไขสัญญาในเรื่องของเงินรางวัล และระยะเวลาผูกพันในสัญญา รวมถึงการแบ่งเปอร์เซ็นต์ และบทบาทหน้าที่ของ Miss Universe Thailand ไว้อย่างชัดเจน ซึ่งผู้เข้ารอบทั้ง 60 คน รับรู้ตรงกัน
แต่กรณีของฟ้าใส พอไปถึงหน้างานของการประกวด Miss Universe ที่แอตแลนต้า กลับมีการเสนอสัญญาฉบับใหม่ โดยใจความของเนื้อหาสัญญาไม่ตรงกับฉบับแรก และหลังจากจบจากการประกวดในครั้งนั้น ก็มีการพูดคุยถึงสัญญาอีกครั้ง ซึ่งฉบับนี้เงื่อนไขไม่เหมือนทั้งกับฉบับแรก และไม่เหมือนกับฉบับที่แอตแลนต้า เมื่อมีการทักท้วงในเงื่อนไขบางข้อ ทางกองประกวดจึงขอจบสัญญากับฟ้าใส ซึ่งข้อตกลงมิได้เป็นที่เปิดเผย
ทั้งที่ในความเป็นจริง เงื่อนไขต่างๆ ควรจะยึดตามสัญญาที่เซ็นไว้ตั้งแต่คราแรกในรอบ 60 คนสุดท้าย
คำถาม คือ....ทำไม ? ถึงมีการเสนอสัญญาฉบับต่อมาให้เซ็นอีก
คำถาม คือ..... เมื่อไม่มีการเซ็นสัญญา ก็จำเป็นต้องยึดมงกุฎ และสายสะพายคืนตามกฎ แต่ทำไม ? ตำแหน่ง Miss Universe Thailand ของฟ้าใส จึงยังคงอยู่
คำถาม คือ....ถ้าจำเป็นจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงสัญญาจริงๆ จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ทำไม ? จึงไม่ทำให้เสร็จสิ้นตั้งแต่ก่อนที่จะเดินทางไปประกวด ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น หากมีการปฏิเสธการเซ็นสัญญา จะได้ตัดสิทธิ์การไปประกวดที่เวทีจักรวาล และส่งรองอันดับ 1 ไปปฏิบัติหน้าที่แทนตั้งแต่แรก
ถูกหรือไม่ !!!????
ถ้าทุกอย่างถูกทำตามขั้นตอนที่ถูกที่ควร ชัดเจน โปร่งใส โดยไม่มีปัจจัยใดๆ แอบแฝง เคลือบแคลง เรื่องราวดรามาต่างๆ นานา ก็คงไม่เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหมือนดูหนังซ้ำอย่างแน่นอน !!
ผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 31 ตุลาคม – 6 พฤศจิกายน 2563