xs
xsm
sm
md
lg

สัญญาในมือสั่นไปหมดแล้ว วงในฟาด “ฟ้าใส” นางงามลวงโลก!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วงในฟาด “ฟ้าใส” นางงามลวงโลก โกหก เผยสัญญาในมือสั่นไปหมด อยากก็อปปี้ส่งให้แฟนนางงามและนักข่าว แฉถีบหัวส่ง เผยเหตุจบแค่ TOP5 เพราะประธานองค์กรมิสยูนิเวิร์ส รู้ว่าไม่เซ็นสัญญากับประเทศตัวเอง

กลายเป็นประเด็นดรามาที่ส่อเค้าบานปลายไปแล้ว สำหรับกรณี “ฟ้าใส ปวีณสุดา ดรูอิ้น”มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 ออกมาโพสต์แหกกองประกวด แฉยับถูกเปลี่ยนเนื้อหาในสัญญา หักเปอร์เซ็นต์ให้กองประกวดเพิ่ม มีการเพิ่มจำนวนปีในการผูกมัดในสัญญา จนทำให้ตกลงกันไม่ลงตัว เป็นที่มาของการไม่เซ็นสัญญา
ซึ่งหลังข่าวเผยแพร่ออกไป ก็มีชาวเน็ตรายหนึ่ง ซึ่งเป็นคนวง ได้ออกมาโพสต์ข้อความอัดสาวฟ้าใสยับ ซัดแหลกโกหก เป็นนางงามลวงโลก สัญญาในมือสั่นไปหมดแล้ว ก่อนแหกเจ้าตัวเดือด

“สัญญาแต่ละฉบับในมือสั่นไปหมดเลย จะส่งก็อปปี้สัญญาให้แฟนนางงามและนักข่าวยังไงดีนะถึงจะไม่ผิดกฎหมาย มีฉบับที่เป็นลายมือแม่ของนางขอแก้มาด้วยนะ ถ้ายังไม่เลิกโกหกและเขียนให้คนทั่วไปเข้าใจกองในทางเสียหาย น้องได้ขึ้นศาลสมใจแน่นอน ขอไปศึกษากรณีการปล่อยแชต 79 หน้าของน้องงูเขียวแอนด์เดอะแก๊งสักวันสองวัน

ใครที่ต้องการดูสัญญาอยากให้โพสต์ที่อยู่เอาไว้จะจัดส่งทางไปรษณีย์ เพราะถ้าถ่ายโพสต์คงมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฉันจะปิดจ๊อบนางงามลวงโลกคนนี้เอง รำคาญ!!

แง้มเรื่องนึง สาเหตุที่จบแค่ TOP5 MU นอกจากไม่มีวินัย ชอบตื่นสายแล้ว ก็เพราะป้าพอล (พอลล่า แมรี่ ชูการ์ต) ได้รู้ว่าไม่เซ็นสัญญากับกองประเทศตัวเอง ซึ่งป้าเขามองว่าถ้าทำตัวมีปัญหากับกองบ้านตัวเองก็น่าจะเป็นคนที่ทำงานด้วยยาก MU เขาทวงสัญญาเพื่อเป็นการยืนยันตัวตนว่าเป็นตัวแทนประเทศนั้นๆ อย่างถูกต้องเป็นลายลักษณ์อักษร พอนางไม่เซ็น กองต้องออกเป็นจดหมายให้กรรมการที่ตัดสินรอบไฟนอลเซ็นรับรองทุกคน เดือดร้อนผูใหญ่กันไปหมด แต่ทุกคนก็เต็มใจทำเพราะนางอยู่ตรงนั้นแล้ว เป็นตัวแทนประเทศอยู่ ต้องส่งให้ถึงฝั่ง ทั้งๆ ที่รู้ว่าพอถึงฝั่งนางจะถีบหัวส่งก็ตาม

ดูความเห็นแก่ตัวของคนๆ นึง ซึ่งกะเทยทั่วประเทศฝากความหวังมงฯ ที่สามกับนาง สิ่งที่ทุกคนคิดว่านางทุ่มเท ใช่ ทุ่มเทกินดึกเพื่อน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น 10 กิโล ทุ่มเทดูซีรีส์เพื่อจะได้ไม่มีเวลาไปออกกำลังกาย ทุ่มเทนอนตื่นสายเพื่อจะได้ไปทำงานไม่ทัน ทุ่มเทเลี่ยงเซ็นสัญญาเพื่อจะได้ไม่มีอะไรผูกมัด ทุ่มเทจริงจริ๊ง ขอยืนยันว่าเนื้อหาสำคัญในสัญญาไม่ได้เป็นอย่างที่นางโกหก

ขณะที่ “เมลิสา มหาพล”หรือ “เชอรี่”เจ้าของมงกุฎมิสไทยแลนด์เวิลด์ ปี 2549 ก็ได้ออกมาโพสต์ถึงเรื่องนี้ว่า

“ขอพูดแบบเป็นกลางทั้งๆ ที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ประเด็นที่น้องนางงามที่ไม่ได้มงกุฎกับสายสะพาย ก็รู้สึกแปลกๆ เพราะปกติต้องได้มงฯ ไปเก็บไว้เป็นสมบัติของตัวเอง เหมือนเป็นเครื่องประดับประจำตัว ติดยศไปจนวันตาย เป็นมรดกประจำตระกูลให้ลูกให้หลาน ถ้ามงฯ ไม่ใช่ของน้อง ทั้งที่อยู่ในตำแหน่งครบวาระ มงฯ จะเป็นของใคร

ส่วนตัวมองว่าการดำรงตำแหน่งจนครบวาระถือว่าปฏิบัติหน้าที่สมบูรณ์ ส่วนเรื่องสัญญาการทำงานเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เราไม่รู้เบื้องลึกที่แท้จริงระหว่างน้องกับกองว่าเกิดอะไร สักพักทางผู้ใหญ่กับน้องนางงาม คงออกมาพูดเรื่องข้อเท็จจริง

แต่สิ่งหนึ่งที่อยากจะเตือนคือ ประโยคที่ ผจก.บอกว่า ไปงานแถลงข่าวการประกวด “ไปถ่ายโปรโมตการประกวด ไปถ่ายสูจิบัตร ไม่เคยคิดเงินกอง ไปช่วยฟรีตลอด” ประโยคนี้ในฐานะนางงามรุ่นพี่ มองดูว่าไม่เหมาะสมนัก เข้าใจทางพี่ ผจก. เพราะพี่เป็น ผจก. ดารา ไปทำงานคือต้องได้ค่าตัว อันนี้คือหลักปฏิบัติสากลเลย แต่ในกิจกรรมที่อ้างถึง มันเป็น Mission ของคนที่ได้มงฯ ที่จะต้องปฏิบัติกันแบบนี้ทุกปี มันเป็นหน้าที่ที่ต้องกระทำ ไม่ใช่การไปช่วยฟรี จึงควรที่จะเลียงประเด็นนี้ไป

ยังไงก็หวังว่าเรื่องนี้จะจบลงด้วยดี อยากให้น้องได้มีมงฯ ไปเก็บเป็นของตัวเอง เหมือนทุกๆ คนในทุกๆ ปี อยากให้กองกับน้องตกลงกันได้อย่างลงตัว และอยากให้น้องกับ ผจก. ข้ามผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ และได้ทำงานในสิ่งที่รักที่ชอบ ปล. ความคิดเห็นส่วนบุคคล ใครคิดต่างไม่ว่ากันนะคะ”








กำลังโหลดความคิดเห็น