“นิต้า” รับตกใจ แม่ถูกผู้เสียหายทวงหนี้ รับตอนนี้เริ่มทยอยไกล่เกลี่ยเจ้าหนี้ มั่นใจไม่หนี แต่ขอเวลา บอกเป็นคนกลางเชื่อม “แนท” เคลียร์ใจกับแม่ หันกลับมาคุยกันแล้ว ลั่นเก่งและแกร่งขึ้น เป็นครอบครัวนักสู้
กรณี “น.ส.ภิญญลักษณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์” คุณแม่ของนางเอกสาว “แนท อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2015 และนักแสดงสาว “นิต้า อนิพรรณ เฉลิมบูรณะวงศ์” ถูกกลุ่มผู้เสียหายรวมตัวแฉและแจ้งความดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกง จนออกมาร่ำไห้ผ่านรายการดัง ขอเจ้าหนี้อย่าระรานลูก จะทยอยจ่ายหนี้คืนทุกคน ล่าสุดได้เจอสาวนิต้า เจ้าตัวก็เผยว่าตอนนี้แมเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยแล้ว ยันถึงครอบครัวไม่ได้มีฐานะร่ำรวย แต่แม่ยืนยันจะไม่หนี แต่ขอเวลาเจ้าหนี้
“ตอนนี้คุณแม่ก็คุยกับเจ้าหนี้และเริ่มไกล่เกลี่ยกันแล้วเรียบร้อย เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยแล้วค่ะ ก่อนหน้านี้ลูกหนี้ติดต่อผ่านเราค่ะ หนูเป็นคนที่เขารู้สึกว่าหนูน่าจะเป็นคนที่ใจดีที่สุด ผ่านได้ง่ายที่สุดเลยติดต่อผ่านหนู ถามว่าเครียดหรือกังวลอะไรไหม ไม่อยู่แล้วค่ะ เพราะว่าด้วยความที่ทางบ้านเราเองก็ไม่ได้มีฐานะร่ำรวย การที่เคยเป็นหนี้เราเคยเป็นอยู่แล้ว เลยไม่ได้รู้สึกเครียด ตอนแรกก็ตกใจค่ะ แต่หลังๆ เริ่มรู้ว่ามีปัญหาตรงนี้ ตรงนั้นอีก
ก็ได้คุยกับคุณแม่เรียบร้อยแล้วค่ะ แต่ก่อนเป็นข่าวไม่ได้คุยค่ะ เลยไม่ได้รู้เรื่อง มารู้เรื่องพร้อมพวกพี่ๆ ตอนที่เป็นข่าว หนูก็เลยตกใจ ถามว่ารู้มาก่อนไหมว่าแม่ทำธุรกิจแบบนี้ หนูไม่รู้ค่ะ ปกติเวลาถามแม่ เราจะคุยกันเรื่องสบายดีไหม กินข้าวหรือยัง เราไม่ได้ก้าวก่ายในเรื่องของงานค่ะ แต่ตอนนี้ก็คุยกับคุณแม่และให้กำลังใจ เพราะด้วยปัญหาที่มันมีหลายๆ เรื่อง ก็ให้กำลังใจและคอยหาทางออกให้ท่านเท่าที่ช่วยได้ คุณแม่ก็จะใช้หนี้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นค่ะ แม่บอกว่าเขาไม่ได้หนีอยู่แล้ว ขอเวลากับเจ้าหนี้นิดหนึ่งเพราะเราต้องหาเงินมาใช้ค่ะ”
รับเป็นตัวกลางประสานให้แนทคุยกับแม่ ส่วนเรื่องหนี้ยืมมาก็ต้องใช้ จะหาทางออกให้ดีที่สุด
“กับแนทก็คุย เพราะเราจะเป็นตัวกลางผ่านไปบอกแม่ เพราะตอนแรกๆ แม่กับน้องเขาไม่ได้คุยกัน น้องจะค่อนข้างเครียดกว่า แต่จริงๆ เขาเป็นคนชิลๆ นะคะ ตอนนี้แนทก็คุยกับคุณแม่แล้วค่ะ ในส่วนของชั้นศาลมีส่วนเข้าไปช่วยไกล่เกลี่ยไหมเหรอ ไม่เกี่ยวกับชั้นศาลเลยค่ะ มีแค่แม่คุยกับเจ้าหนี้เท่านั้นค่ะ ไม่ได้เอาตัวน้องเข้าไปเกี่ยวข้องค่ะ ส่วนตัวนิต้าเองเจ้าหนี้เขาเคยโทร.มาหาหนูค่ะ ก็ด้วยความที่เราไม่ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมด เราก็สามารถตอบได้เท่าที่เรารู้ค่ะ
ตอนแรกก็ตกใจที่อยู่ดีๆ คนโทร.มาทวงหนี้จากเรา ตอนแรกคิดว่าเขาจะติดต่องาน (หัวเราะ) เพราะหนูขึ้นหัวไอจีเป็นเบอร์โทรตัวเองค่ะ แต่ไม่เป็นไรค่ะ คือหนูมั่นใจว่าทุกบ้านต้องมีปัญหาค่ะ แค่หาทางออกแค่นั้นเองค่ะ เรื่องการเป็นหนี้เป็นสินเป็นเรื่องปกติค่ะ เรายืมเขามาเราก็ต้องใช้ค่ะ ตอนนี้ก็กำลังหาทางออกที่ดีที่สุด แต่ต้องขอเวลานิดนึงนะคะ ผลกระทบมาถึงตัวหนูกับแนทไม่มีเลยค่ะ ด้วยความที่ปัญหาที่เกิดขึ้นคุณแม่เขาไม่ได้บอกให้เรารู้ก่อน เลยรู้สึกว่าเราแค่ตกใจ ณ จุดนั้น แล้วก็หาทางแก้ ไม่ได้เครียดอะไรมาก ไม่ได้ถึงขั้นยกเลิกงาน
ตอนนี้หนูก็เป็นตัวกลางประสานทุกอย่างค่ะ ถ้าแม่บอกมา หนูก็บอกน้อง แต่หลังๆ เขาเริ่มคุยกันเองแล้ว คุณแม่ขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้นค่ะ คุณแม่บอกว่าจริงๆ ไม่อยากให้หนูกับน้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ พอเห็นมีข่าว แม่ไปออกรายการกับพี่หนุ่ม (กรรชัย กำเนิดพลอย) แม่ก็พูดชัดเจนเลยค่ะว่าเราสองคนไม่ได้รู้เรื่องด้วย แต่เราสองคนเป็นลูกค่ะ เราก็ต้องรับรู้ และช่วยแก้ปัญหา คือเขารู้สึกผิดมาก เพราะว่าตอนแรกธุรกิจมันไปได้ดี ไม่ได้คิดว่ามันจะต้องเจอโควิด
แต่เราจะโทษโควิดไม่ได้ เรททำอะไรเราก็ต้องวางแผน มันเป็นเหตุสุดวิสัย ทำธุรกิจเกิดเรื่องขึ้นมาก็ไม่เป็นไร เราก็หาเงินใช้หนี้ กับเรื่องธุรกิจของคุณแม่ หนูคุยกับแม่แล้วค่ะ ด้วยตอนนี้คุณแม่มีการไกล่เกลี่ยกับทางชั้นศาล และหนูถามว่าจะเอายังไงต่อ คุณแม่ก็บอกว่าเขาจะสู้ค่ะ เพราะว่าเงินหาได้ ยังไงเขาก็หาได้”
บอกที่ “แนท” กับแม่ไม่คุยกัน เพราะใจร้อนทั้งคู่
“ตอนนี้เขาคุยกันแล้วค่ะ ไม่มีปัญหา ชิลๆ แต่ก่อนหน้านี้มีปัญหากันจริง น้องไม่รับรู้ คือด้วยความที่เราไม่รับรู้อะไรเลย และน้องเขาก็มีปัญหาก่อนหน้านั้นแล้วค่ะ เขางอนกัน ด้วยความที่แม่กับน้องเขานิสัยคล้ายกัน ใจร้อนทั้งคู่ น้องเป็นคนพูดเร็ว แม่ก็พูดเร็วค่ะ แล้วเขาคุยกันฟังกันไม่รู้เรื่อง อารมณ์ร้อนทั้งคู่ ที่บ้านมีหนูคนเดียวค่ะที่ฟังทั้งสองฝ่าย
หนูรู้สึกว่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตทำให้หนูเก่งขึ้น แกร่งขึ้น เพราะว่าหนูด้วยความเป็นเด็กที่อยู่ในโลกของดิสนีย์ ก็ชิลๆ พอเริ่มประกวดนางงาม รับรู้ปัญหา ก็รู้สึกว่าหนูเก่งขึ้น ถามว่าเราเป็นคนกลางรู้สึกลำบากใจบ้างไหม ไม่เลยค่ะ ด้วยความที่หนูเป็นผู้ชอบฟัง เวลาใครเล่าอะไรมาเราก็ฟังและสรุปใจความสำคัญให้เขา แล้วมาบอกอีกมีหนึ่งว่าแบบนี้ เรามีการเชื่อมโยงที่เก่งค่ะ เลยชิลๆ”
เผยไม่รู้จะเคลียร์หนี้หมดเมื่อไหร่ แต่พร้อมลุยธุรกิจต่อแน่
“หนี้จะเคลียร์หมดภายในกี่ปี หนูไม่แน่ใจว่าจะสามารถหมดในกี่ปีนะคะ แต่ตอนนี้เขาก็เริ่มใช้บางส่วนแล้วนะคะเท่าที่เขาหาได้ จาก 100% ตอนนี้เหลืออีก 90 แหละค่ะหนูว่า น่าจะยังเยอะอยู่ เพราะเราไม่กล้าตอบว่าตอนนี้ไปกี่เปอร์เซ็นต์ เพราะถ้าสมมติว่าถ้าเจ้าหนี้เขามาได้ยินแล้วบอกว่ายังไม่ได้ใช้ฉันเลย แต่ถ้าเคลียร์หนี้หมดแม่ก็เดินหน้าธุรกิจต่อค่ะ คุณแม่หนูเป็นนักสู้อยู่แล้วค่ะ ครอบครัวหนูถูกเลี้ยงมาเป็นนักสู้ มีปัญหาก็แก้ เดินหน้าต่อไปค่ะ ไม่เครียด
ความเชื่อมั่นที่จะเข้ามาทำงาน เรื่องนี้หนูว่ามันเป็นความสัมพันธ์ของผู้ใหญ่ เวลาเราทำธุรกิจถ้าเราคุยกันดี เวลามันล้ม เราก็สามารถปรับความเข้าใจได้ แต่ธุรกิจที่แม่ทำ ตอนที่เขาพูด เขาไม่คิดว่ามันจะพับลงมาแบบนี้ค่ะ แต่มีทิศทางดีขึ้นค่ะ แต่จ้างงานหนูกับน้องได้นะคะ ตอนนี้ที่บ้านก็เหมือนเดิมค่ะ ด้วยความที่มีคุณตา คุณยาย มีน้าที่คอยคุยกันตลอดเวลา ทำให้บ้านเราสนิทกันมากขึ้น จากที่สนิทกันอยู่แล้วก็สนิทกันมากขึ้นค่ะ”