ฉะเชิงเทรา - บมจ.ปตท. จำกัด (มหาชน) เร่งส่งผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบท่อส่งก๊าซซ้ำในทุกเส้นทาง หลังเกิดเหตุระเบิดใน จ.สมุทรปราการ ด้าน ผจก.ฝ่ายระบบท่อส่งก๊าซ เชื่อเป็นเรื่องสุดวิสัย ยันระบบขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อปลอดภัยสูงสุด ซ้ำส่งกระสวยตรวจสอบทุกปี
จากเหตุการณ์ท่อส่งก๊าซธรรมชาติของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ที่เดินท่อไปยังนิคมอุตสาหกรรมเอเซีย (สุวรรณภูมิ) อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เกิดการระเบิดเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา จนส่งผลให้เกิดก๊าซฟุ้งกระจายสู่บรรยากาศและเกิดการติดไฟ ซ้ำยังทำให้มีเปลวเพลิงพุ่งขึ้นสูงจากพื้นดินมองเห็นได้ในระยะไกล ขณะที่จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณตรงข้ามวัดเปร็งราษฎร์บำรุง ถนนเทพราช-ลาดกระบัง ต.คลองสวน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ
และเหตุการณ์ดังกล่าวยังทำให้อาคารสถานีตำรวจภูธรเปร็ง ได้รับความเสียหายอย่างหนัก นอกจากนั้น ยังมีรายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย และมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว จำนวน 3 รายนั้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายวิชัย ศิริรัตนชัยกูล ผู้จัดการฝ่ายระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติในทะเล บมจ.ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งเดินทางลงพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมด้วย นางอรวรรณ ศิริรัตนชัยกูล ผู้จัดการส่วนบริหารกลาง บมจ.ปตท. เพื่อเข้าเยี่ยมอาการผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุท่อก๊าซระเบิดและนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพุทธโสธร ก่อนที่ญาติจะทำเรื่องขอย้ายเข้ารักษาตัวในกรุงเทพฯ ว่า หลังจากเกิดเหตุ ผู้บริหารได้สั่งการให้ผู้เชี่ยวชาญเร่งทำการตรวจสอบท่อส่งก๊าซใหม่ทั้งหมด พร้อมเร่งหาสาเหตุที่เกิดขึ้นว่ามาจากสิ่งใด
เนื่องจากท่อก๊าซที่เกิดการระเบิดพบว่าเพิ่งจะดำเนินการส่งกระสวยเข้าไปตรวจสอบภายในท่อเมื่อปี พ.ศ.2562 และผลการตรวจสอบไม่พบข้อพกพร่องใดๆ
ทั้งนี้ ท่อก๊าซดังกล่าวมีขนาด 36 นิ้ว หรือประมาณ 90 เซนติเมตร และถูกใช้งานมานาน 24 ปี จากที่มีการออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้ถึง 40 ปี และ ปตท.ยังมีมาตรการตรวจสอบเส้นท่อส่งก๊าซในทุกๆ ปี อีกทั้งยังมีโปรแกรมตรวจสอบในทุกๆ สัปดาห์ ทุกเดือน และทุกปี
“ในการตรวจสอบครั้งล่าสุดไม่พบว่ามีสนิมและไม่พบว่ามีร่องรอยของความเสียหายใดๆ และหลังเกิดเหตุคณะผู้บริหารก็ได้แจ้งให้ทำการตรวจสอบในทุกเส้นท่อทันที และให้ทำรายงานตลอดจนเพิ่มมาตรการในการดูแลรักษา หรือเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบให้มากขึ้นระหว่างที่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าการระเบิดเกิดจากสาเหตุใด”
ผู้จัดการฝ่ายระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติในทะเล บมจ.ปตท. จำกัด (มหาชน) ยังบอกอีกว่าเส้นท่อส่งก๊าซที่มีอายุการใช้งานมากที่สุดคือ ท่อเส้นแรกที่วางเมื่อปี พ.ศ.2524 เพื่อใช้ในการส่งก๊าซธรรมชาติจาก จ.ระยอง มายังโรงไฟฟ้าบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงวิกฤตพลังงาน และเป็นครั้งแรกที่มีการนำก๊าซในอ่าวไทยขึ้นมาใช้ในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการตรวจสอบสภาพการใช้งานตลอดในทุกๆ ปี
ยันดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิต-ผู้ได้รับบาดเจ็บเต็มที่
อย่างไรก็ดี บมจ.ปตท. จำกัด (มหาชน) ยินดีที่จะดูแลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตอย่างเต็มที่ และพร้อมที่จะทำตามความประสงค์ของญาติผู้ป่วยในการหาโรงพยาบาลที่ดีที่สุดสำหรับการรักษาอีกด้วย
นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังจะมอบผังท่อส่งก๊าซที่วางผ่านมาทาง จ.ฉะเชิงเทรา ทั้งหมดให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตรวจสอบ และขอยืนยันว่าระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ เป็นระบบการขนส่งที่ปลอดภัยที่สุดเมื่อเทียบกับการขนส่งด้านอื่นๆ และเป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อว่าเป็นเหตุสุดวิสัย
ส่วนการเยียวยาญาติของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น บริษัทฯ ได้มอบเงินจำนวน 5 ล้านบาท ให้แก่ครอบครัวผู้สูญเสีย ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจะช่วยเยียวยา จำนวน 5 แสนบาทต่อราย และจะดูแลค่ารักษาพยาบาลจนกว่าจะหายเป็นปกติ
