“แนท อนิพรณ์” ไม่ได้หาย รับงานเดินแฟชั่นโชว์ออนไลน์ ได้ค่าตัวน้อยกว่าเดิม รับสภาพงานน้อยลง ยินดี “อแมนด้า” คว้ามงฯ แนะฝึกในทุกๆ เรื่องให้เชี่ยวชาญอย่างถ่องแท้ก่อนขึ้นประกวดเวทีโลก สวดมนต์สู้คำบูลลี่
ได้รับผลกระทบกันทุกคน ทุกวงการ สำหรับโควิด-19 ที่ระบาดไปทั้งโลก โดยนางเอกพ่วงนางงาม “แนท อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์” ได้เผยกลางงานแถลงข่าวการจัดการโครงการส่วนจัดแสดงพิเศษสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับรูปแบบออนไลน์ (BGJF Special Edition-On Ground to Online Exhibition) ณ เบเนดิกต์ สตูดิโอ เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ ยันไม่ได้หายไป แต่รูปแบบงานแฟชั่นเปลี่ยนเป็นถ่ายทอดทางออนไลน์ แต่ก็ยอมรับว่ารายได้น้อยลง
“ส่วนมากหลายๆ อย่างก็จะจัดแบบออนไลน์ทั้งหมดค่ะ อย่าง ELLE FASHION WEEK ที่ผ่านมานะคะ หลายคนถามว่าปีนี้ไม่มีแล้วเหรอ แต่จริงๆ มีจัดแบบออนไลน์ค่ะ มีการถ่ายทำ มีการควบคุม มีมาตรการหลายอย่างมาก ก็จะเป็นการเปิดโลกตลาดใหม่เหมือนกันก็คือตลาดออนไลน์เช่นกันค่ะ ส่วนละครเพิ่งถ่ายจบไปค่ะ แล้วก็จะมีละครกับทางช่อง ONE31 ค่ะ
แฟชั่นโชว์ก็ยังเดินอยู่ แต่เปลี่ยนรูปแบบเป็นถ่ายทอดออนไลน์ ตอนนี้คนก็หันมาทำออนไลน์เพิ่มมากขึ้น เพราะตลาดออนไลน์จะทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงของได้ด้วย ในบางสถานการณ์นี้หลายๆ คนอาจจะไม่สะดวกในการที่จะมาห้างสรรพสินค้า มีภาระหน้าที่อะไรหลายๆ อย่าง ตลาดออนไลน์ก็เป็นอีกตลาดนึงที่น่าสนใจที่สามารถให้ทุกคนไปกดไลค์ กดซื้อได้ค่ะ”
รับความรู้สึกต่างกัน ต้องให้เห็นชัดๆ ในเรื่องรายละเอียดสินค้า ต้องตรงปก
“แนทว่าแตกต่างนะ และไม่ใช่แค่แนท แต่ทีมงานทุกคนก็รู้สึกว่ามันแตกต่างจากเดิมค่ะ เพราะปกติเวลาเราเดินแต่ละรอบก็จะใส่อินเนอร์ด้วย แต่พอมาเป็นตลาดออนไลน์มันจะต้องเห็นสินค้าให้ชัดในเรื่องของรายละเอียด เพื่อที่จะให้คนที่ดูได้เห็นถึงรายละเอียดของสินค้านั้นจริงๆ เพื่อที่จะได้รับของที่มีคุณภาพและเป็นของที่ตรงตามปกจริงๆ
เพราะส่วนมากประเด็นฮาๆ ก็คือซื้อของแล้วได้ไม่ตรงปกใช่ไหมคะ เขาก็จะมีดูแลในเรื่องตรงนี้ด้วยว่าจะไม่มีการซื้อของที่ไม่ตรงปก ก็คือเป็นของที่สวย รายละเอียดครบ มีขนาดให้เรียบร้อย ตรงนี้คนทำงานเบื้องหลังก็จะเหนื่อยมากขึ้นนิดนึง ในเรื่องของการพรีเซ้นต์ก็ต้องคิดว่าจะพรีเซ้นต์ยังไงที่จะให้ผู้ชมทางบ้านหรือผู้ซื้อสินค้า ผู้บริโภคเห็นมากขึ้น”
ได้ค่าตัวน้อยกว่าเดิม งานในช่วงที่ผ่านมาแทบจะฟรี บางงานได้แค่ค่าน้ำมัน
“จริงๆ ค่าตัวได้น้อยกว่าเดิมค่ะ (หัวเราะ) พูดเลยว่าการทำงานในช่วงหลายๆ เดือนที่ผ่านมาบางงานนี่แทบจะฟรี หรือเป็นงานที่ได้แค่ค่าน้ำมันค่ะ แต่เรารู้สึกว่าเราก็อยากจะช่วยให้ธุรกิจอยู่ได้ อย่างวงการแฟชั่นในเรื่องของเสื้อผ้าแบรนด์ไทยหรืออะไรต่างๆ ก็ยังมีหลายๆ คนที่เขาเป็นแม่บ้านที่เขาเย็บผ้า คนที่เขาทำงานโรงงานที่เป็นหน่วยการผลิตน่ะค่ะ ถ้าสมมติว่าดีไซเนอร์ไม่ดีไซน์ชุด แล้วยอดซื้อ ยอดผลิตมันลดลง นั่นก็หมายความว่าคนที่ทำงานตรงนี้ก็อาจจะถูกเลิกจ้างก็ได้ ก็เลยคิดว่าไม่เป็นไร ถ้าตรงนี้เราช่วยได้ก็ช่วยค่ะ ไม่ใช่แค่เรา เพราะทั้งออแกไนซ์ก็ช่วยด้วย ทุกคนก็ลดค่าตัวของตัวเอง และลงแรงกันค่ะ
ก็เรียกว่ายอมลดบางส่วน เพื่อให้อีกหลายๆ อย่างยังอยู่ได้ จริงๆ ตอนนี้มันไม่ได้มีแค่ตัวเราแล้วค่ะ อย่างเสื้อผ้าหรือของหนึ่งอย่างในตอนนี้เราเป็นตัวแทนในฐานะคนที่พรีเซ้นต์ออกมา แต่เบื้องหลัง คนที่ขายผ้า คนที่ตัดผ้า คนที่เย็บผ้า ช่างฝีมือต่างๆ เขาก็ต้องอยู่ได้ด้วยในสถานการณ์แบบนี้เหมือนกัน”
รับรายได้หายไปเยอะ
“ก็หายไปเยอะค่ะ แต่แนทอาจจะไม่ได้มีรายได้เยอะถ้าเทียบกับศิลปินดาราท่านอื่นนะคะ แต่ก็อาจจะหายไปครึ่งๆ เลยค่ะ แต่ของแนทเป็นนางแบบด้วย เป็นนักแสดงด้วย งานเดินแบบก็หายแล้วก็ลดลงเยอะค่ะ”
แฮปปี้วงการนางงามคึกคัก ยินดีกับ “อแมนด้า ออบดัม” อยากให้แกร่งและสู้ต่อไป
“หนูว่าดีนะคะ เป็นการอัปให้ตัวนางงามเองมีการพัฒนามากขึ้น หนูว่าสถานการณ์โลกตอนนี้จะมีการประกวดหรือไม่มีก็ไม่เป็นไร เพราะอย่างน้อยเรามีการเตรียมความพร้อมแล้ว นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดค่ะ
จริงๆ ตอนที่แนทลงแสดงความยินดีกับอแมนด้า แนทก็เขียนว่าก้าวนี้เป็นก้าวที่สำคัญมากๆ ซึ่งน้องเก่งมากที่ผ่านมาได้ แต่ก้าวต่อไปน้องต้องยืนให้แข็งแรง ต้องทำรากฐานให้มั่นคง เพราะเราไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับสถานการณ์อะไร เราต้องเจอกับใครบ้าง ต้องเจอกับสิ่งต่างๆ ในสังคมเยอะแยะมากมายที่มันมีทั้งบวกและลบ ก็อยากให้น้องเข้มแข็งและสู้แบบนี้ต่อไปค่ะ หนูเชื่อว่านางงามทุกคนไม่เฉพาะคนที่ได้ที่หนึ่ง แต่ทุกๆ คนที่มาประกวดเต็มที่กับการมาทำงานตรงนี้มากๆ ค่ะ”
แนะฝึกในทุกๆ เรื่องให้เชี่ยวชาญอย่างถ่องแท้ก่อนขึ้นประกวดเวทีโลก
“จริงๆ บนเวทีเท่าที่ติดตามก็คิดว่าเขาสมบูรณ์แบบแล้วจริงๆ ในวันนั้นค่ะ แต่ถ้าเรื่องเตรียมพร้อมก็น่าจะฝึกในทุกๆ เรื่องให้เชี่ยวชาญอย่างถ่องแท้ก็ได้ค่ะ เก่งแล้วก็ให้เก่งขึ้นไปอีก ดีแล้วก็ดีมากขึ้นอีก พัฒนาไปเรื่อยๆ เพราะเราจะได้ไม่ต้องถึงเพดานที่มันตัน แต่เราสามารถพุ่งทะลุเพดานไปได้เรื่อยๆ ค่ะ นั่นคือสิ่งที่หนูเชื่อว่าน้องทำอยู่แล้วค่ะ”
บูลลี่มีทั้งสังคม ไม่ใช่เรื่องดี
“จริงๆ มันก็ไม่ใช่แค่วงการนางงามค่ะ มันเป็นทั้งสังคมเลยค่ะ แล้วแต่คนจะมองว่าการบูลลี่นั้นเป็นยังไง บางคนก็จะมองว่าเวลาเราโดนบูลลี่ก็จะเป็นอีกแรงนึงที่เราจะได้ฮึดขึ้นมาพัฒนาตัวเอง แต่บางคนก็อาจจะคิดว่าการโดนบูลลี่อาจจะทำให้เกิดคดีฆาตกรรมได้ คืออาจจะมีการเสียชีวิต เพราะถ้อยคำนินทา อันนี้ก็แล้วแต่ต่างมุม แต่สำหรับแนทมองว่าการบูลลี่มันก็ไม่ดีอยู่แล้วค่ะ ดังนั้นตัวเราเองจะต้องมีสติ หรือคนรอบๆ ข้างจะต้องมีสติในการที่บอกกล่าวตักเตือนเวลาจะพูดหรือทำอะไร และอยู่เป็นกำลังใจให้กันและกันค่ะ”
นั่งสมาธิรับมือคำบูลลี่ สวดชินบัญชรก่อนนอนทุกคืน
“ถ้านับจากตอนประกวดจนมาถึงตอนนี้มันไม่ใช่แค่หนูที่โดนหนักค่ะ แต่ทุกปีก็โดนหนักเหมือนกัน ถามว่าหนูรับมือยังไง ก็อาจจะเป็นคำพูดที่เช๊ย เชย (เสียงสูง) แต่แนทนั่งสมาธิ มีสติ หายใจเข้าลึกๆ หนูเป็นคนที่สวดคาถาชินบัญชรก่อนนอนทุกคืน หรือไม่ก็บทอิติปิโส แล้วก็นั่งสมาธิ พยายามล้างข้อมูลเป็นวันๆ ไป แล้วก็จะต้องมีสติตลอดเวลา คนเราไม่ได้มีใครดีที่สุด และไม่ได้มีใครแย่ที่สุด ทุกคนมีสีขาว สีดำปะปนกันไปอยู่แล้ว เราก็ต้องยอมรับความจริงในทุกๆ เรื่อง เชื่อว่ามันจะผ่านพ้นไปได้ หายใจเข้าลึกๆ ถึงปลายเท้า แล้วค่อยหายใจออกมาใหม่”
ไม่มีใครไม่โดนด่า
“ใช่ค่ะ ทุกคนมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอยู่แล้ว”
ลุยงานเพื่อสังคม หาเงินสร้างบ้านให้ผู้ยากไร้
“ยังทำอยู่ค่ะ เป็นงานที่เรารักอยู่แล้ว ทั้งงานอาสาในการที่จะหาเงินที่จะสร้างบ้านให้ผู้ยากไร้ และโครงการเล็กๆ น้อยๆ ที่เราทำเกี่ยวกับเด็กในตอนนี้ค่ะ อะไรที่เราช่วยได้ก็อยากจะช่วย อะไรที่ทำได้แล้วมันเกิดผล และมันเป็นประโยชน์กับเด็ก กับสังคมเราอยากทำในส่วนนั้นค่ะ
จริงๆ ช่วงเดือนมี.ค. - เม.ย.ที่ผ่านมาเราจะมีไปสร้างบ้าง เพราะเราได้รับเงินบริจาคจากต่างประเทศด้วย ของในประเทศก็จะมีส่วนนึงค่ะ แต่ทีนี้พอมีโควิดก็ไม่สามารถทำได้ แต่ถ้ามีช่วงจังหวะเราก็ต้องไปทำตามสัญญาให้เสร็จเรียบร้อยค่ะ ที่สร้างบ้านนี่ไม่ใช่ให้เงินเขาไปสร้างนะคะ แต่เราลงแรงด้วย คือแบกปูน แบกอิฐไปสร้างกันเลย แต่ช่วงที่ผ่านมาก็พลาดไป แต่จะมีแน่ๆ ถ้าสถานการณ์ทุกอย่างดีขึ้นค่ะ”