คนจริง 2020! “นก จริยา” เผยมุมชีวิตคู่ รำคาญคนช่างแซะ ประกาศกลางงานแต่ง “ฉันท้อง” โว “จอนนี่” ยิ่งแก่ยิ่งหล่อ แต่ไม่เคยบอกว่าเป็นผัวที่ดีที่สุด นอกใจจริงจะฟ้องให้หมดตัว พร้อมสอนบรรดาเมียๆ ต้องมีสติ ยอมรับความเป็นจริง ฝากถึง “เมียน้อย” ควรอยู่ให้เป็น ฟันเปรี้ยงไม่หนุนพระนางผิดศีลให้เล่นละครตัวเอง
เชื่อว่าใครที่ได้ติดตามละครเรื่อง “ร้อยเล่ห์มารยา” ทางช่อง 3 ก็ต้องคิดไปในทางเดียวกันว่าผู้จัดอย่าง “นก จริยา แอนโฟเน” นั้นเอาชีวิตตัวเองมาใส่ในละครด้วยหรือเปล่า ซึ่งพอผู้สื่อข่าว MGR Online ได้ถามไถ่ ผู้จัดคนเก่งถึงกับขำใส่พร้อมบอกว่า “เรื่องของตนเองยังไม่เยอะพอที่จะมาทำเป็นละคร แต่ถ้าอยากดูเดี๋ยวทำให้เห็น” และหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “จอนนี่ แอนโฟเน” สามีของเธอนั้น กาลเวลาทำอะไรไม่ได้ ยิ่งแก่ยิ่งหล่อ สมาร์ทไม่แพ้พระเอกรุ่นใหม่ จึงไม่แปลกใจที่สามีของเธอเป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉพาะสาวเล็ก สาวน้อยที่อยากจะลิ้มลอง แต่ลืมไปไหมว่าหลังบ้านนั้นใครคุ้ม ผู้จัดคนเก่งยังเล่าให้ฟังอีกแง่มุมนึงของชีวิตคู่ว่าผ่านร้อน ผ่านหนาวมาทุกสิ่งอย่าง ไม่เคยบอกใครว่าสามีเป็นคนดี แถมบางทีถ้าออกนอกลู่นอกทาง ยังตามไปสมน้ำหน้าอีกด้วย
“ยังไม่เคยเอาชีวิตตัวเองมาใส่ในละครเลย เพราะเรื่องของเรายังมีไม่เยอะที่จะเอามาใส่ในละคร อย่างตอนที่สามีดูละครที่เราทำ เขาก็หันมาแซวว่าอินจังเนอะ เพราะเขาก็รู้ว่าเราอินอะไรแบบนี้
ซึ่งพอเราทำละครผัวๆ เมียๆ ก็มักจะมีคนมาถามว่าเราเอาชีวิตจริงของเราเองมาทำหรือเปล่า เราก็ตอบไปเลยว่าไม่ค่ะ เพราะชีวิตจริงมันเป็นอีกเรื่องนึง เดี๋ยวทำให้ดู แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร อีกอย่างถ้าเขาถามคำถามนี้ได้ เราจะรู้สึกดีเพราะว่าเราผ่านประสบการณ์ร้อนหนาวมาทุกอย่าง เรารู้วิธีคิดแบบนั้น เรารู้ว่าเย็นลงแล้วได้อะไร ร้อนไปแล้วเสียอะไร
เรารู้ว่าอภัยมันควรจะมี เพราะถ้าเราพูดเรื่องจริง เราพูดสิบครั้งมันก็คือเรื่องจริง มันไม่ใช่เรื่องแกล้งพูด มันเป็นเรื่องธรรมดา เราไม่เคยโกหกใครว่าผัวฉันดีมาก ขนาดเคยออกนอกลู่นอกทาง โดนรถชนมาแล้ว เรายังไปสมน้ำหน้าเลย (หัวเราะ) แม้เราจะเป็นดาราก็ตาม
อย่างตอนแต่งงาน เราท้อง ก็บอกกับแขกทั้งงานเลยว่าท้องอยู่นะ จะได้ไม่ต้องมาแซะฉัน ชอบการที่พูดอะไรที่เป็นเรื่องจริง มันจะได้จบๆ ไป สมมติถ้าในชีวิตจริงสามีเรามีเมียน้อย เราก็จะพูด เพราะเราไม่ผิด อีคนนั้นควรจะอายไหมที่มาเป็นเมียน้อย เพราะคนทั้งประเทศก็รู้ว่านี่ผัวฉัน
ถามว่าทำไมเราถึงกล้าพูดความจริง เพราะว่าในอีกแง่ก่อนที่เราจะพูดความจริง เราจะพิจารณาตัวเองก่อนว่าเราไม่ดีตรงไหน แต่เราก็เป็นคนที่ให้โอกาสนะ เรายังสะกิดกันได้ พูดคุยกันได้ ซึ่งพอดีคู่ของเรามันแก้ปัญหากันได้ คุยกันได้ สะกิดกันได้ เราก็ช่วยกันแก้ปัญหา เอาความดีกับความไม่ดีมาชั่งน้ำหนัก และมาแชร์กันว่ามุมดีๆ เขามีเยอะนะ แต่ถ้ามองตาแล้วเขาไม่ได้รักฉัน ฉันจะทนอยู่ไปเพื่ออะไร เราก็จะไม่อยู่ ถ้าอยู่ด้วยกันต้องรักกัน
(ด้วยสามีเราก็หน้าตาดี เป็นที่ต้องการของสาวๆ เรามีวิธีกำจัดปัญหาเหล่านั้นยังไง?) ก็บอกแล้วไง ว่าผ่านร้อน ผ่านหนาวมาเยอะ เราเป็นผู้หญิงที่คิดแปลกว่าถ้าฉันเป็นเขา ฉันเอาไหมวะ หล่อขนาดนี้ มาถวายให้ขนาดนี้ จะเอาไหมวะ และเรามีความรู้สึกว่าคนเรามันพลาดกันได้ อาจจะนอกลู่นอกทางไปบ้าง
ถ้าเรารู้ คุณจะเกรงใจเราบ้างไหม คุณทำแบบนี้เพราะอะไร ถ้าคุณขอโทษและไม่ได้ไปต่อ และเรื่องมันจบ และให้เกียตริเราก็ให้อภัยกันได้ เพราะมันไม่มีใครถูกที่สุด บางทีผู้ชายก็คิดในมุมของผู้ชาย แต่ถ้ามีแบบนี้อยู่เรื่อยๆ ถ้าเราไม่ไหวก็คือจบ
ซึ่งทุกวันเราปรับเปลี่ยนด้วยกันทั้งคู่ อีกอย่างการที่เขาออกนอกบ้านไป เราไม่รู้ไงว่าเขาจะไปทำอะไร ถ้าเราไปวิ่งตาม เหนื่อยไหม ฉันก็ไม่เอานะ ก็เลยต้องมีวิธีคิดว่าสมมติถ้ามีนะ อย่าให้รู้นะ แต่ไม่ได้ยุยงให้มี และไม่มีดีแล้ว เพราะคนอย่างเราก็ไม่ใช่คนที่จะยอมไง และถ้าคุณมี แล้วคุณพลาด ถ้ารู้แล้วเป็นเรื่องแน่นอน ไม่ได้ยอม เป็นคนที่แคร์เรื่องสิทธิสตรี และแคร์เรื่องครอบครัว”
ยันไม่ได้โลกสวย แค่ยอมรับ และมองโลกแห่งความเป็นจริง ฝากถึงเหล่า “เมียน้อย” หยุดแสดงตัวตน ควรอยู่ให้เป็น
“อีกอย่างเราไม่ได้ปิดหูปิดตา แต่เราไม่สามารถตามเขาไปได้ทุกที เราไม่ได้เฝ้าเขา 24 ชม. เราเลือกที่จะไม่รับรู้ ซึ่งบางทีเราว่ามันก็โอเค แต่สุดท้ายแล้วเราต้องหนักแน่น เชื่อในคนของเรา
แต่บางครั้งการมีสายเยอะๆ ก็ดีเหมือนกัน (หัวเราะ) มีหูมีตาทุกที่ เราไม่ต้องมองอะไรให้มันโลกสวยแค่เราต้องมองโลกแห่งความเป็นจริง แก้ปัญหาได้ไหม ถ้าแก้ได้ก็อยู่กันไป แต่ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงเลย มีแต่เรื่องมาตลอดเวลา ฉันก็ไม่เอา แต่พี่จอนนี่เขาไม่ใช่คนแบบนั้นไง เขาก็เปลี่ยนแปลงตัวเอง ทำงานเต็มที่ เขาก็รักลูก ให้เกียตริเราดี ในชีวิตคู่เขาโอเค
ในวันนี้ปัญหาเมียน้อยที่ชอบแสดงตัว มันก็มีคำตอบเดียวคืออยู่ไม่เป็น ไม่อยากจะใช้คำนี้ บางทีการที่คุณอยู่เงียบๆ คุณก็ไม่เดือดร้อนไหม มีเงินมีใช้ไป แต่ก็ไม่ได้ส่งเสริมให้ทุกคนเป็นแบบนั้น แต่ว่าปัญหาของครอบครัวมันคนละรูปแบบ ซึ่งความฉลาด ความโง่ ความอยากมีตัวตน อยากไปเย้ยเขา และคนแบบนี้ไม่วูบหรอก ตั้งใจชัดๆ (หัวเราะ) สุดท้ายก็เลยทำร้ายตัวเอง”
ห้าม “จอนนี่” มี “เมียน้อย” ถ้ารู้จะฟ้องให้หมดตัว เผยเคล็ดลับชีวิตคู่ต้องมีสติ
“และที่การเราบอกว่าต้องเอาความดีมาชั่งว่าควรจะเลือกอะไร อย่างความซื่อสัตย์เราก็ต้องแยกเรื่อง ถ้าไม่ซื่อสัตย์เราก็ต้องจัดการคุยกัน และเขาเคลียร์ไหม เขาหยุดไหม แต่ว่าในขณะเดียวกัน ถ้าเขาเป็นสามีที่ดีมากๆ และเป็นพ่อที่ดีมากๆ มันตอบออกมาเป็นสูตรไม่ได้ มันมีศิลปะในการใช้ชีวิต
อย่างถ้าสามีจะขอมีเมียน้อย ตอบได้เลยว่าไม่ค่ะ ไม่อนุญาตค่ะ เราดูแลเองได้ตลอดเวลา มีแรงดูแลตลอด แม้ที่ผ่านมา 2-3 ปี สามีเราจะหล่อมากขึ้น แต่เราก็จะสวยเพื่อตัวเราเอง ไม่ใช่สวยเพื่อใคร ฉันจะสวยถ้าฉันมีความสุขที่จะสวย เราต้องรักตัวเอง เราต้องรู้ว่าเรามีดีอะไร และฉันดีขนาดนี้แล้ว ยังไปอยากได้อีคนนั้น อีคนนี้ ไปเลย เก็บกระเป๋าไปเลย แล้วเอาเงินมา คอยดูนะถ้ามีเมียน้อย กูจะฟ้องให้หมดตัวเลย (หัวเราะ)
ทุกวันนี้เคล็ดลับการครองคู่ไม่มีอะไรง่าย ตอนเด็กเราคิดอีกแบบ พอเราโตมาคิดอีกแบบ ชีวิตที่ผ่านมาของคนเรามันมีหลายโจทย์ และชีวิตคู่คือคนสองคน มันไม่จริงสำหรับเราเลย ชีวิตคู่โอเคคือคู่กัน แต่มันมีหลายๆ ส่วนเข้ามาระหว่างมาเสมอ เพราะฉะนั้นเราแข็งแรงแค่ไหนในวิธีคิด เรามีสติแค่ไหน คุณต้องรักตัวเอง คุณมีคุณค่ามากแค่ไหน ไม่ใช่ว่าให้ค่าตัวเอง มันมีหลายๆ อย่างประกอบการคิด เราไม่ได้สอนให้ทุกคนมองโลกสวย แต่รู้จักตัวเองไว้เยอะๆ มั่นใจในตัวเอง แต่ไม่ใช่มั่นใจแบบผิดๆ หรือถ้าชีวิตคู่อยู่ด้วยกันไม่ได้ เราก็ต้องอยู่คนเดียวให้ได้ ทุกอย่างให้มองโลกแบบความเป็นจริง”
ส่วนละครเรื่อง “ร้อยเล่ห์มารยา” ที่ได้ “โป๊ป ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ” และ “เบลล่า ราณี แคมเปน” พระนางคู่ขวัญแห่งยุคมาเจอกันอีกครั้ง พร้อมพล็อตเรื่องใหม่ที่ไม่ได้เอามาจากนิยาย แต่เป็นเรื่องจริงของเพื่อนสาวที่มาปรับทุกข์ เจ้าตัวบอกว่าเรื่องจริงยิ่งกว่าในละครซะอีก พร้อมสอดแทรกข้อคิดในทุกตอน ยืนยันว่าละครไม่หนุนพระนางผิดศีลธรรม น้อมรับคำชมกระแสดีทุกครั้งเมื่อทำละครผัวๆ เมียๆ
“ยืนยันว่าเรื่องนี้มาจากคนใกล้ตัว เป็นการปรับทุกข์กันมา ฟังกันมาหลายปี สุดท้ายเขาทั้งคู่ก็แยกกันไป พอเราฟังเรื่องเขา ก็บอกว่าเรื่องของเขาแรงกว่าละครซะอีก เลยถามว่าเอามาทำละครได้ไหม เขาก็บอกก็เอาไปสิ เพราะตอนนี้เขาไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว แต่เราก็ปรับบ้างให้เป็นละครมากยิ่งขึ้น ซึ่งเจ้าของเรื่องเขาก็อนุญาตให้เราเรียบร้อยแล้ว ซึ่งพล็อตเรื่องที่มาจากเรื่องจริงคือเขาเป็นพี่น้องกันจริงๆ และน้องเขาก็จะป่วยหน่อยๆ อยากมีทุกอย่างเหมือนพี่ จนน้องไปแย่งสามีพี่ และพี่ก็เลิกไปแต่งงานใหม่ น้องก็ยังตามราวีไปอีก
อีกอย่างคนจะติดภาพว่าเราทำแต่ละครผัวๆ เมียๆ เราไม่เถียงนะว่าละครค่ายของเราทำแต่ละครผัวเมีย เพราะว่าทำแล้วมันอินและประสบความสำเร็จ และที่บอกว่าอินมันเป็นเรื่องที่เพื่อนๆ ของเรามักจะเอามาเล่ากันเวลานัดกินข้าวกัน เราก็เลยอยากจะบอกว่าชีวิตจริงมันยิ่งกว่าละครซะอีก ความรัก โลภ โกรธ หลง มันมีอยู่ในมนุษย์ทุกคน
เราทำละครแบบนี้ เราใส่แนวความคิดที่ดี เราไม่ได้ทำเพื่อจะทำลายสถาบันครอบครัว เราทำเพื่อสะท้อนสังคม และถ้าเราทำดีๆ มันก็จะเป็นเกราะที่ดีให้กับเมล็ดพันธุ์ และเราก็ยังมีแนวคิดว่าพระนางในละครของเราทุกเรื่องต้องไม่ผิดศีลธรรม มันมาจากลูกของเราเคยสะท้อนให้ฟังว่าเด็กรุ่นใหม่เขาดูละคร และรับไม่ได้กับการที่ผู้ชายกระทำผู้หญิง แล้วผู้หญิงก็ยังรักผู้ชายคนนั้น และเราก็ยังไปเชิดชูผู้ชายคนนั้นให้เป็นพระเอก ซึ่งพอพูดมาเราก็อึ้งเลย ละครเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรส่งเสริมให้เกิดมุมแบบนี้ให้เกิดขึ้นในสังคม ความรักของทุกคนไม่ได้สวยงาม แต่ก็จะมีวิธีทำให้มันออกมาได้สวยงามได้
และการที่เราเลือกตัวละคร เราเลือกเอาโป๊ปเป็นที่ตั้งก่อน เพราะดูจากคาแร็กเตอร์แล้วเขาน่าจะเอาอยู่ เพราะเป็นผู้ชายอบอุ่น ส่วนเบลล่าคือเราไม่ได้ตั้งใจว่าจะต้องเอามาคู่กัน แต่พอแมตช์พระเอกนางเอกแล้ว มันได้ ถามว่ากดดันไหม มันก็กดดันแต่เราต้องมาทำเนื้อเรื่องให้ดีที่สุด และท่ามกลางความกดดันเราต้องทำละครยังไงก็ได้ไม่ให้พระนางข้ามเส้นศีลธรรม ไม่ได้เสิร์ฟจิ้นเสิร์ฟฟินจนเกินไป ซึ่งเราก็คงไม่ไปปะทะกับแรงคาดหวัง แต่อยากให้ดูบทบาทของตัวละครแต่ละตัวที่เราเล่าดีกว่า”