“โป๊ป-เบลล่า” เผยสุดกดดัน หลังคืนจอคู่กันใน “ร้อยเล่ห์มารยา” ทุกอย่างที่ออกมาดี เพราะบทส่งให้นักแสดง ด้านนางเอกยิ้มรับฉายา “มือตบแห่งชาติ” ออกปากยิ่งสนิทยิ่งใกล้ชิดยิ่งเขิน
ร้อนแรงกันขึ้นเรื่อยๆ ทุกอีพี สำหรับ “ร้อยเล่ห์มารยา” ละครเมียน้อยเมียหลวงที่ได้ “คู่จิ้นแห่งชาติ” อย่าง “โป๊ป ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ” และ “เบลล่า ราณี แคมเปน” มาคืนจอแสดงคู่กันอีกครั้ง ซึ่งเรียกได้ว่ามาถูกจังหวะในช่วงที่เรตติ้งละครหลังข่าวของช่อง 3 น้อยกว่าละครที่เอามารีรันซะอีก สามารถกู้หน้าช่อง เรตติ้งทะยานขึ้นในทุกๆ อีพี บอกเลยว่าอภินิหารของสองคนนี้ยังมีมนต์ขลัง และหลังจากประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามใน “บุพเพสันนิวาส” เลยทำให้การกลับมาเจอกันในครั้งอยู่ท่ามกลางความกดดันและคาดหวังว่าจะปังอีกหรือใหม่
โป๊ป : อีพีแรกลุ้นครับ ก็ยอมรับว่าลุ้นว่าเรตติ้งจะดีไหม กระแสตอบรับจะดีไหม เพราะเราก็โปรโมตไปเยอะ
เบลล่า : ยังคุยกันเลยว่า อุ้ย เราโปรโมตเยอะเกินไปหรือเปล่า รู้สึกเขิน เดี๋ยวคนจะคาดหวังมากหรือเปล่า ก็ไม่อยากให้คนคาดหวังเยอะ แต่ก็ด้วยเรื่อง ด้วยการตัดต่อทุกอย่างก็ส่ง อย่างความดรามา มันก็ไม่ได้ดรามาอย่างเดียว จะว่าตลกก็ไม่ได้ตลกอย่างเดียง มันสลับไปสลับมาไม่ให้คนดูเครียดและสนุก
อภินิหารคู่จิ้นยังขลังอยู่
เบลล่า : ก็ยังมีคนติดตามอยู่ค่ะ เราทำงานเป็นทีมมากกว่าจะมาทำงานกันอยู่สองคนค่ะ อย่างของเบล บทที่ได้มาบางทีเราเล่นเราว่าสุดแล้วนะ แต่จริงๆ ยังมีสุดกว่านั้นอีก มันเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ อย่างตอนเล่นเพลิงบุญว่าเครียดแล้ว แต่นี้ก็เครียดกว่า แต่ยังได้ปลดปล่อย ได้ขำ ได้ลงไม้ลงมือ มันหลากหลายมากกว่าค่ะ
โป๊ป : ผมว่าจริงๆ แล้วมันอยู่ที่องค์ประกอบโดยรวม ถ้าบทมันดี นักแสดงทำการบ้านดี มันก็จะส่งผลให้เห็น ผมว่าบทเป็นสิ่งสำคัญ ทำให้ทุกอย่างดีไปด้วย บางทีเอาจริงๆ ไม่เกี่ยวกับเราหรอก ตั้งแต่เรื่องบุพเพฯ แล้ว บทมันเจ๋ง แล้วนักแสดงคุณภาพหมด มันก็เลยส่งหมด อย่างเรื่องนี้ผมมองว่าบทมันลงตัว เหมือนกับว่าเราดูไปแล้วเราไม่มีคำถาม ทุกอย่างมันเนียน มีเหตุผล ไม่มีติดขัด จริงๆ บทส่งนักแสดงนะครับ ไม่ใช่นักแสดงส่งบท
กดดันตอนละครออนแอร์
โป๊ป : ตอนทำงานไม่กดดัน มากดดันตอนออนแอร์นี่แหละครับ ด้วยสถานการณ์โควิดด้วย มันก็เงียบๆ เราก็ค่อนข้างกังวลครับว่ามันจะออกมาดีไหม คนจะอยากดูละครแนวนี้ไหม แล้วบุพสันนิวาสมันก็ทำไว้ดีมาก เราก็กดดันตรงนี้ด้วยเหมือนกัน แต่ตอนทำงานไม่กดดันครับ เราสนุก ไปกองเราก็เจอเบล เจอเพื่อนๆ นักแสดงคนอื่นๆ เหมือนไปทำงานกับครอบครัว
มิติใหม่เป็นนางเอกมือตบ ทุกคนเรียกว่าแม่
เบลล่า: ทุกคนตอนนี้เรียกแม่แล้ว ก็นับว่าเป็นมิติใหม่เหมือนกัน จริงๆ เบลก็ถาม พี่นก จริยาว่าเปิดมาต้องเบอร์นี้เลยใช่ไหม เพราะเรื่องราวชีวิตของพิชชามันมีมาก่อนหน้านั้นแล้ว แต่อันนี้มันถึงขีดที่ทนไม่ไหวจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ แต่ก็สนุกดีนะคะ ตบเมียน้อยเสร็จหันมาตบผัวต่อ แล้วก็กลับไปตบเมียน้อยอีกแล้ว(หัวเราะ)
โป๊ป : เรื่องจริงคงไม่ได้ทำแบบนั้น
เบลล่า : เรื่องจริงเป็นเราก็คงไปตั้งนานแล้ว ก็คงตัดขาดกันไปเลยแล้วค่ะ เพราะมันเหมือนกับอกหักซ้ำสอง โดนแย่งก็ว่าแย่แล้ว ยังจะโดนหักหลังจากคนที่รักอีก
เผยรู้ใจกันหมดแล้วในการแสดง
โป๊ป : ไม่มีหรอก เห็นเบลหมดแล้วทุกอย่าง (หัวเราะ) เขาก็เป็นนักแสดงที่เล่นแล้วปล่อยหมด เราก็ไม่ต้องนึกภาพเยอะ ก็ชื่นชมเขามาตั้งแต่เรื่องแรกแล้ว
เบลล่า : รู้สึกต่างนิดนึง ด้วยความที่ตอนเรื่องบุพเพฯ มันเป็นพีเรียด แต่พอเป็นละครปัจจุบัน มันจะสามารถอิมโพรไวส์ได้ แล้วเขาเก่งมากในเรื่องการเติม มีเมจิกโมเมนต์ที่เรารู้สึกว่า เอ้ย มันมาได้ยังไง แต่มันดี ทำให้กลมกล่อมขึ้น
โป๊ป : ถามว่าเขาหลงในการแสดงเราไหม เรื่องนี้เขาไม่พูดกัน เขาเก็บไว้คนเดียว (ยิ้ม) เนี่ย...เดี๋ยวจะบอกให้นะ ว่าตอนกลางเรื่องจะฟินยิ่งกว่านี้อีก คาแร็กเตอร์ รามิล เนี่ย
เบลล่า : เบลรู้สึกเล่นง่าย เวลาเล่นกับพี่โป๊ป ตาเขาจะเล่าเรื่องด้วย
รับยิ่งสนิทยิ่งเขินกัน โดนตัวกันไม่ได้
เบลล่า-โป๊ป : เขินมาก
โป๊ป : แค่ซีนนอนกอดกันยังเขินเลย ซึ่งจริงๆ ปกติผมเล่นกับใครไม่ค่อยเขินหรอก ตอนแรกๆ ก็ไม่ได้เขินเขา แต่พอเล่นบุพเพสันนิวาสด้วยกันไปนานๆ ช่วงท้ายๆ เราสนิทกันมาก แซวเล่นอะไรกันมากไปหน่อย ก็ขำอีกแล้ว
เบลล่า : โดนตัวกันไม่ได้เลย ขำอีกแล้ว
ปีหน้าต้องเจอกันอีกทั้งปี แซวขำๆ ใครจะเป็นฝ่ายถอนตัวดี
โป๊ป : อันนี้เป็นเรื่องที่ผมคิดหนักเหมือนกัน ว่าจะทำยังไงให้เคมีเราต่างกันบ้าง เพราะยังไงเราก็ต้องต่างกันอยู่แล้ว แต่คาแร็กเตอร์ทั้งหนัง ทั้งละคร จะต้องมีความแตกต่างยังไง ตรงนี้ก็ค่อนข้างทำการบ้านหนักเหมือนกัน ก็ต้องคุยกับพี่หน่อง (อรุโณชา ภาณุพันธุ์) และกับทางจีดีเอชมากหน่อย ยังคุยกับเบลเลยว่าพี่จะถอนตัวหรือเบลจะถอนตัว (หัวเราะ) แซวเล่นกันตลอด
เบลล่า : "มีช้อยส์นี้ด้วยหรอ (หัวเราะ) คือเราก็คุยกันว่าต้องเปิดกล้องได้แล้วแหละ เดี๋ยวอายุเราจะเยอะไปกว่านี้ แล้วจะเล่นไม่ได้ อีกอย่างก็ต้องมีเวิร์กช็อปด้วยว่าจะไปทางไหน เหมือนยิ่งมีอะไรที่เราทำและประสบความสำเร็จไปแล้ว ยิ่งต้องตั้งใจกว่าเดิม แต่ไม่ได้กดดันนะคะ เราก็ทำเต็มที่ เรื่องที่แล้วเต็มที่ เรื่องนี้ก็ต้องยิ่งทำงานให้ละเอียดกว่าเดิม"