“จอนนี่ แอนโฟเน” ดารานักแสดงชื่อดัง ขึ้นศาลแพ่งฟ้องอดีตหุ้นส่วน “เจแฮร์” เซรัมแก้ผมร่วง ใช้ภาพโฆษณาโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งที่แยกทางกันแล้ว เรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท หวั่นผู้ใช้สินค้าเข้าใจผิด
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (15 ต.ค.) ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก นายจอนนี่ แอนโฟเน ดารานักแสดงและพิธีกรชื่อดัง พร้อมนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความ เดินทางมาศาลเพื่อยื่นฟ้องอดีตหุ้นส่วนธุรกิจผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม “เจแฮร์” ประกอบด้วย บริษัท นัมเบอร์วัน 888 จำกัด และนางกันต์กนิษฐ์ สระทองอ้อย เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานละเมิดต่อโจทก์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 420, 423 ขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นายจอนนี่เป็นเงิน 50 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จ
โดยโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสอง กรณีที่นำรูปภาพ สัญลักษณ์ ภาพถ่ายใบหน้า โลโก้ หน้าตาเครื่องหมายการค้าจากใบหน้าของนายจอนนี่ แอนโฟเน ไปลงโฆษณาในระบบคอมพิวเตอร์ สื่อสังคมออนไลน์ อินสตาแกรม เฟซบุ๊ก ตลอดจนตามป้ายบิลบอร์ดต่างๆ ใกล้ทางด่วน โดยไม่ได้รับอนุญาต นับตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2563 เป็นต้นมาจนถึงวันฟ้อง อันเป็นเหตุทำให้นายจอนนี่ได้รับความเสียหาย
นายจอนนี่เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาตนเป็นทั้งผู้ก่อตั้งแบรนด์และพรีเซ็นเตอร์ของเจแฮร์มาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2562 ภายหลังเมื่อแนวคิดการทำธุรกิจไม่ตรงกันจึงได้ตัดสินใจแยกตัวออกจากการเป็นหุ้นส่วน แจ้งให้บริษัท นัมเบอร์วัน 888 จำกัด และนางกันต์กนิษฐ์ ระงับการใช้รูปของตนในการโฆษณาทุกช่องทางภายใน 15 ก.ย. 2563 แต่ปรากฏหลักฐานว่าทั้งสองก็ยังคงเจตนากระทำการละเมิดด้วยการเผยแพร่โฆษณาประชาสัมพันธ์รูปภาพ โลโก้ เครื่องหมายการค้า ซึ่งเป็นรูปของตนผ่านสื่อช่องทางต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าผลิตภัณฑ์สินค้าเจแฮร์ยังคงเป็นผลิตภัณฑ์ของตน ความจริงแล้วมิได้เป็นเช่นนั้น ทำให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก จึงต้องเดินทางมาฟ้องร้องต่อศาลเพื่อปกป้องสิทธิและยุติการกระทำดังกล่าว
ภายหลังยื่นฟ้องต่อศาลแล้ว นายจอนนี่ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ตนไม่ได้ร่วมสังฆกรรมกับเจแฮร์มาตั้งแต่เดือน ก.ค.แล้ว เนื่องจากมีปัญหาแล้วแยกย้าย โดยแต่งตั้งตัวแทนมอบฉันทะให้ดำเนินการถอนตนออกจากการเป็นหุ้นส่วนบริษัทนี้ แต่ในการปฏิบัติงานต้องมีระยะเวลา ของที่สต๊อกไว้ต้องขาย เราได้บันทึกข้อตกลงวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา ให้เวลาใช้รูปของตนถึงวันที่ 15 ก.ย.นี้ แต่วันนี้บนเฟซบุ๊กก็ยังเจอรูปของตนอยู่ ยังไม่หยุดการใช้ ยังโฆษณาว่าตนเป็นเจ้าของแนะนำอยู่ จึงมาพึ่งอำนาจศาลว่าเขาละเมิด ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ทำให้เกิดความเสียหาย เสียโอกาสในการทำธุรกิจต่อไปด้วย เพราะโฆษณาเก่ายังอยู่ ผู้บริโภคอาจเกิดความสับสน
“อย่าว่าแต่ผู้บริโภคสับสนเลยครับ หุ้นส่วนคนใหม่ของผมยังเขม่นผมเลยว่าไหนว่าเลิกกับทางนู้นแล้ว ทำไมมาทำใหม่ ทำไมยังมีภาพโปรโมตภาพโฆษณาอยู่ ก็เกิดความสับสนเกิดขึ้นทั้งหมดเลย เพราะว่าเขาไม่หยุดใช้” นายจอนนี่กล่าว
เมื่อถามว่าอยากให้เรื่องนี้จบอย่างไร นายจอนนี่ระบุว่า ต้องเลิกใช้รูปตนก่อน แล้วแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่าไม่เกี่ยวข้องกับตนแล้ว รวมทั้งขอโทษในสิ่งที่ละเมิดมา ส่วนการไกล่เกลี่ยต้องดูเขาก่อนว่าอะไรยังไง คงเป็นหน้าที่ของกฎหมาย ของศาล ตนส่งตัวแทนไปคุยก่อนทำบันทึกข้อตกลงหลายรอบมาก หลังทำบันทึกข้อตกลงเรียบร้อยแล้ว ตนอนุญาตให้ใช้รูปถึงวันที่ 15 ก.ย. 2563 ก็ได้มีหนังสือเตือนไปอีกฉบับ เนื่องจากเริ่มมีรูปหน้าแปลกๆ ทำเอฟเฟกต์รีทัช ทั้งที่รูปที่จะใช้ต้องให้ตนอนุญาต แต่ไม่ทำ บอกวุ่นวายอะไรนักหนาเดี๋ยวก็แยกย้ายเลิกใช้ ตนว่าไม่เข้าท่า ถ้าเขายังมีวิธีคิดอย่างนี้อยู่ก็หาคนกลางตัดสิน ตนไม่เกี่ยวอะไรกับเจแฮร์อีกแล้ว จะมีผลิตภัณฑ์ของตนออกมาแต่ติดเรื่องนี้ก็เสียหายมาก อยากให้ทุกคนทราบว่าตนไม่เกี่ยวข้องแล้ว แต่ไม่ใช่ทุกคนที่รู้ จึงอยากให้ผู้บริโภคทุกคนรับทราบ
ด้านนายสงกานต์ ทนายความโจทก์ กล่าวว่า ศาลแพ่งนัดไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่าย วันที่ 19 พ.ย. 2563 เวลา 09.00 น. และจากนั้นนัดพิจารณาคดีครั้งแรก วันที่ 17 ธ.ค. 2563 ก็ต้องดูว่าทางฝ่ายคู่ธุรกิจการค้า หรือจำเลยจะมาดำเนินการเจรจาไกล่เกลี่ยหรือไม่ ซึ่งยังเห็นการโฆษณาสินค้าตามป้ายโฆษณาอยู่ จุดพีกที่สุดคือนายจอนนี่ได้รับโทรศัพท์จากหมอที่รู้จักกัน ติดต่อมาว่ามีผู้บริโภคไปหาหมอซึ่งได้รับผลกระทบ อาจจะเดือดร้อนถึงนายจอนนี่ และการปฏิเสธการรับผิดค่อนข้างยาก เราจึงต้องมาปกป้องสิทธิของตนเอง ถึงแม้ว่าทางบริษัทจะมีประกันให้ผู้บริโภคก็ตาม
นายสงกานต์กล่าวต่อไปว่า วันนี้เราฟ้องเรื่องละเมิดเรียกค่าเสียหาย หลังจากที่มีการตกลงกันแล้วว่าจะต้องระงับการโฆษณา ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่ว่ายังมีการโฆษณาต่อเนื่อง ที่สำคัญที่สุดคือข้อตกลงที่มีการบอกว่าให้ทำลายตัวสินค้าเจแฮร์ และภาพโลโก้ทั้งหมด ทราบมาว่ายังไม่มีการดำเนินการ และยังปรากฏภาพตามป้ายโฆษณาอยู่ ซึ่งเราเห็นว่าทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดและหลงเชื่อว่าทางนายจอนนี่ยังต้องรับผิดต่อผู้บริโภคอยู่ จึงมาฟ้องศาลแพ่ง เพื่อให้ทุกคนว่านายจอนนี่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสินค้าดังกล่าวแล้ว
เมื่อถามว่าจะมีการฟ้องคดีอาญาหรือไม่ นายสงกานต์กล่าวว่า กำลังดูในรายละเอียดว่ารูปภาพใดที่มีการตัดต่อให้มีความผิดแผกแตกต่างไปจากเดิม ก็จะเข้าองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 16 แห่ง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ