“ตุ๊ก เดือนเต็ม” เผยมิตรภาพดีๆ ไม่ทิ้ง “ลินดา” ดูแลมาตลอดตั้งแต่ล้มป่วย นอนในรพ.กว่า 13 ปี ตอนนี้อาการดีขึ้นมาก กลับมารักษาตัวที่บ้านแล้ว สดใสและเข้มแข็งจะไม่ยอมตาย ขออยู่ถวายพระพรสมเด็จพระพันปีหลวง เพื่อตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณ
มิตรภาพดีๆ ไม่มีที่สิ้นสุด สำหรับนักแสดงอาวุโส “ตุ๊ก เดือนเต็ม สาลิตุล”ที่หมั่นคอยดูแลแวะเวียนไปเยี่ยมให้กำลังใจเพื่อนรัก อย่าง “ลินดา ค้าธัญเจริญ” มาโดยตลอด ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุหกล้มในห้องน้ำ เนื่องจากเส้นเลือดในสมองแตกเมื่อปี 2547 จนทำให้ร่างกายเป็นอัมพฤกษ์ ซ้ำเมื่ออาการเริ่มดีขึ้นก็ยังตรวจพบเป็นโรคมะเร็งที่โคนลิ้นอีก ทำให้ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลมานานกว่า 13 ปี ก่อนจะได้กลับมาอยู่บ้านเมื่อไม่นานมานี้
มีโอกาสได้เจอ ตุ๊ก เดือนเต็ม ในงานบวงสรวงละคร “บังเกิดเกล้า” ณ สถานีโทรทัศน์ อมรินทร์ทีวี เจ้าตัวก็ได้อัปเดตอาการป่วยล่าสุดของลินดา เผยตอนนี้ดีขึ้นกว่าเดิมมาก และกลับมาพักรักษาตัวที่บ้านแล้ว ช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ไม่ได้เข้าไปเยี่ยม เพราะกลัวจะเอาเชื้อไปติด ทำได้เพียงส่งของไป และใช้วิธีวิดีโอคอลเท่านั้น ซึ้งใจเพื่อนได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงรับเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ จนเจ้าตัวมีแรงสู้ อยากมีชีวิตอยู่เพื่อถวายพระพรจนกว่าชีวิตจะหาไม่
“คือเราส่งของ แล้วให้ทางนั้นเขาลงมารับค่ะ เราเข้าไม่ได้ ต้องบอกว่าดาเขามีบุญมาก เขาได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้า ทุกวันนี้ดาเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ซึ่งทางสำนักพระราชวังก็ยังดูแลอย่างดี ตอนนี้ก็มาอยู่บ้านมีความสุข เขาก็นอนหลับอยู่ดีมีสุข
หน้าตาเขาสดใสค่ะ คือไปเยี่ยมทุกครั้ง ดาเขาเป็นคนที่เข้มแข็ง เขาจะยึดถือในพระมหากรุณาธิคุณ เขาบอกว่าดาจะไม่ยอมตายหรอก ดาจะเข้มแข็ง เพราะว่าดาอยากจะอยู่ถวายพระพรพระองค์ท่านตลอดไป อันนี้ที่เราฟังแล้วเราซึ้งใจ เพราะเขาจะเอารูปสมเด็จพระนางเจ้า สมเด็จพระพันปีหลวงวางไว้บนหัวเตียงตลอดเวลา แล้วเขาก็เขียนการ์ด เขียนอะไรต่ออะไรถวายพระพร
เขานอนโรงพยาบาลหน้าเขาตึงกว่าเราอีกนะ เขาไม่มีรอยแม้แต่นิดเดียว เขาสดใส เพราะเขากำลังใจดี เขามีความรู้สึกว่าเขาได้รับพระมหากรุณาธิคุณแล้ว เขาต้องมีชีวิต เพื่อจะตอบแทนพระองค์ ให้พระองค์รู้ว่าเขาเข้มแข็ง เขาต่อสู้ ให้สมกับสิ่งที่เขาได้รับ”
เวลาไปเยี่ยมจะไม่คุยกันเรื่องป่วย
“เวลาไปเยี่ยมเราก็คุยกันสัพเพเหระ เราจะไม่คุยถึงเรื่องป่วย เราจะไม่คิดว่าเขาป่วย บอกไปแต่งตัวเดี๋ยวไปเที่ยวกัน เขาก็จะบอกไป ซื้อตั๋วเครื่องบินให้ดาหรือยัง อยากไปโน้นไปนี่ เราก็จะคุยกันอย่างนี้ ทุกอย่างมันก็เป็นอัตโนมัติ เราไม่ต้องมาถามว่าเป็นไง เจ็บไหม ไม่ต้องอะไรเลย เราอย่าไปคิดว่าเขาป่วย”
อาการดีขึ้นมากมานานแล้ว ทั้งหมอทั้งพยาบาลดูแลดีมาโดยตลอด นับถือน้ำใจเด็กที่ลินดาเคยช่วยเหลือ วันนี้กลับมาตอบแทนลินดา
“อาการตอนนี้ดีกว่าก่อนหน้านี้มากมานานแล้วค่ะ ตอนอยู่โรงพยาบาล หมอพยาบาลก็ดูแลดี แต่ต้องยกย่องคนที่ดูแลจริงๆ คือคุณเล็ก เขาอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวันนี้เขามาอยู่กันสองคน เขาก็ต้องทำทุกอย่างแทน เหมือนเป็นพยาบาลอีกคนเลย ต้องยอมใจเขาจริงๆ นะ อยู่โรงพยาบาล 13 ปี ในโรงพยาบาลจุฬาฯ แล้วมาอยู่อย่างนี้ เรานับถือใจเด็กคนนี้ เขาเป็นคนที่ดาเคยช่วยเหลือเขา พาเขาไปตอนป่วยไข้ แล้วเขากลับมาตอนที่ดาป่วยแล้วเขาก็เหมือนกับว่าตั้งจิตว่าเขาจะดูแลดาจนกว่าจะตาย”
อยู่ในทุกช่วงชีวิตกันมาตั้งแต่ปี 47
“เราอยู่ในช่วงชีวิตดามาตั้งแต่ปี 47 ที่ช่วยเหลือเขา ที่เป็นเจ้าของไข้ตั้งแต่โรงพยาบาลกรุงเทพ”
ให้ฟังธรรมะและสวดมนต์ไหว้พระ เพื่อทำสมาธิ ให้ใจนิ่ง และมีสติ ยอมรับสภาพกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“เขาเข้าใจธรรมะ เราเอาเทปสวดมนต์ไปให้เขา เขาเข้าใจในสัจธรรม แล้วเขาก็ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น เขาสวดมนต์ไหว้พระ เลยทำให้เขาใจเย็น เวลามีอะไรถ้าสวดมนต์ไหว้พระทำสมาธิ ทำให้ใจมันนิ่ง ทุกอย่างมันล้วนเกิดแก่กรรม มันเป็นไป แต่วันหนึ่งมันจะดีขึ้น เพราะเรายอมรับสภาพได้ ทุกอย่างเกิดขึ้นจากใจค่ะ ถึงได้บอกว่าเราต้องมีสติตลอดเวลา”
ฝากเอาไว้เป็นอุทาหรณ์ อย่าประมาท ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ นอนในช่วงที่ร่างกายหลั่งสารซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ การทานอาหารเช้าคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
“อย่าประมาท นอนให้เยอะๆ ในช่วง 4 ทุ่ม ถึง ตี 3 เป็นช่วงที่ร่างกายเราจะหลั่งสารและซ่อมแซม ถ้าเราไปนอนตี 3 ถึง 11 โมง ไม่มีประโยชน์ เราต้องนอนในช่วงที่ร่างกายเราซ่อมแซม แค่ 3 ชั่วโมงเต็มๆ ก็พอแล้วเราถ่ายละครมาจนถึงอายุ 45 ที่ถ่ายถึงตี 1 ตี 2 แต่เราเป็นคนที่ วันที่ไม่ถ่ายเราก็ไม่เที่ยว เราชดเชยไป แต่พอมาถึงตอนนี้ วันที่เราไม่ถ่ายเราก็นอน 4 ทุ่ม จะตื่นตี 3 ตี 4 ก็ไม่เป็นไร แล้วก็ทานอาหารเช้าให้เยอะที่สุด อาหารเช้ามื้อสำคัญเลย จะช่วยทุกสิ่งทุกอย่าง”
กลายเป็นผู้ชมเต็มตัว ไม่คิดถึงการเป็นนักแสดงแล้ว
“เขาไม่คิดถึงใครเลย เขาจะมีแต่ว่าคิดถึงตัวนะ มานะ แค่นี้ แต่เขาก็จะดูละครดูอะไรของเขาไป กลายเป็นผู้ชม แล้วเขาก็ไม่ได้คิดอะไร ณ ตรงนั้นแล้ว เราก็จะวิดีโอคอลกันตลอด ตอนมีโควิด-19 เราก็จะใช้วิดีโอคอลให้เห็นกัน เขาก็จะถามว่าโอเคไหม เขาสมัยใหม่นะ มีมินิฮาร์ท น่ารัก แล้วก็จะบอกให้มาๆ คิดถึง เราก็บอกอย่าเพิ่งช่วงนี้ฝนตก เพราะว่าเดี๋ยวเกิดไม่รู้ว่ามีเชื้ออะไร”
ทุกวันนี้ดูแลกันเหมือนเป็นลูกคนหนึ่ง
“คือเราไม่มีลูกนะ แล้วเราชุบเลี้ยงเขา จากเขาเดินไม่ได้ มันเหมือนกับเขาเป็นลูกเราเลยนะ ความรู้สึกผูกพันเหมือนกับเราดูแลลูก เพราะว่าเขาเหมือนเด็กต้องเปลี่ยนแพมเพิส เราก็เลยมีความรู้สึกว่าเออ มันก็เติมเต็มซึ่งกันและกันนะ”
บอกมารไม่มี บารมีไม่เกิด ไม่เสียใจ บางคนจ้องจับผิดกับความหวังดีที่ทำมาตลอด
“ไม่ มารไม่มีบารมีไม่เกิด เอาจริงๆ นะคะ เรายึดหลักธรรมะ ว่าเวลามันจะพิสูจน์ทุกสิ่งทุกอย่างเลย ไม่ต้องอะไรหรอก มาจนถึงบัดนี้แล้ว จะทำเพื่ออะไรอีก ไม่ต้องทำเพื่ออะไรแล้ว คนมาสัมภาษณ์เรายังไม่ค่อยอยากให้สัมภาษณ์เลย เพราะว่าเดี๋ยวจะโน่นนี่นั่น ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่ใช่ว่าเราเป็นผู้ส่งเสียเลี้ยงดู ก็เป็นพระองค์ท่าน แต่บางทีที่เราอยากพูด เพื่อว่าเราอยากสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน เพราะว่าจริงๆ แล้วราชวงศ์เนี่ยนะ ถ้าจะต้องพูดถึงกันตรงนี้ คือท่านซัปพอร์ตผู้คนมากมาย กี่ปีๆ ก็ยังทรงพระกรุณา”
ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว สำนักพระราชวังส่งมาให้ทุกอย่างที่ขาด มีพร้อมในสิ่งที่ผู้ป่วยติดเตียงพึงมี
“ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว มีพร้อมทุกอย่าง จะต้องการอะไรก็ได้ทุกอย่าง ที่ผู้ป่วยติดเตียงพึงจะมี พออะไรขาด ทางสำนักพระราชวังก็ส่งมาให้ ก็ดูแล สีหน้าดูไม่เหมือนผู้ป่วยติดเตียง ไม่เคยมีบิดเบี้ยว ไม่เคยมีอะไรเลย เต่งตึงสวยงาม”