“เฮียหมู บางรักซอย 9” เผยช่วงชีวิตย่ำแย่ ป่วยลิ้นหัวใจรั่ว หมอบอกให้ทำใจอยู่ได้แค่ 4 เดือน ลั่นยอมตายเพราะไม่มีเงินรักษา เจ้าตัวขนลุกยกมือท่วมหัว โครงการของ ในหลวง ร.๙ ช่วยให้รอดตาย เหมือนได้เกิดใหม่
โด่งดังจากซิตคอมชื่อดังเรื่อง “บางรักซอย 9” เมื่อสิบกว่าปีก่อน สำหรับ “สมเจต พยัฆโส” หรือที่แฟนๆ จดจำได้ในบท “เฮียหมู” จนกลายมาเป็นชื่อที่ใครๆ เรียกติดปาก จนปัจจุบันกลายเป็นชื่อจริงไปแล้ว ซึ่งในความรุ่งเรืองที่คนภายนอกมองแต่กลับมีเรื่องที่หลายคนอาจจะคิดไม่ถึงว่า เฮียหมู นั้นไม่มีเงินเก็บเลย จนถึงวันที่ตรวจพบว่าตนเองลิ้นหัวใจรั่ว จะมีชีวิตอยู่ได้อีก 4 เดือน เจ้าตัวถึงกับบอกภรรยาว่า ขอยอมตายเพราะอยากเก็บเงินไว้ให้ลูกเรียนหนังสือ
ล่าสุดเจ้าตัวได้มาเปิดใจในรายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 พร้อมเผยถึงปาฏิหาริย์ที่ทำให้เหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง
ทุกคนเรียกเฮียหมู แต่จริงๆ ชื่ออะไร?
“ชื่อสมเจต เขาจะเรียกกันเวลาจะจ่ายเงินภาษีเขาก็จะเรียก นายสมเจต พยัฆโส (จริงๆ ไม่มีชื่อเล่น แต่ชื่อเฮียหมูมาจากซิตคอม ทำไมไม่มีชื่อเล่นล่ะ?) เกิดมาเป็นลูกคนสุดท้อง เป็นลูกคนที่ 9 บ้านนอกก็เรียกไอ้เจต ๆ เรียกกันอย่างนี้”
“ครอบครัวก็ไปกันหลายคนแล้ว ตอนนี้เหลืออยู่ 4 ไปซะ 5 แล้ว คิดดูสิอายุจะ 60 ปีอยู่ไม่กี่วันเนี่ย ในบรรดาพี่น้องมีผู้ชาย 2 คน พี่ชายคนโต แล้วก็ผม ที่เหลือเป็นผู้หญิงหมดเลย ผู้หญิงตกน้ำตายไป 5 คน แม่เล่าให้ฟังตกน้ำตายหมดเลย 5 คน สมัยก่อนพ่อแม่เล่นลิเก แม่เป็นหลานของหอมหวล นาคศิริ”
เป็นหลานลิเก อยู่กับลิเกแล้วอยู่ๆ เข้าสู่วงการตลกได้อย่างไร?
“ไปเล่นลิเกก่อนจะเข้าวงการตลก ก็เล่นลิเกอยู่ พอดีเข้ามาในกรุงเทพฯ มาเล่นลิเก เล่นวิกเขาเรียกลิเกปิดวิกแถวถนนตก ไปเล่นอยู่กับ คมขำ ลูกพ่อขุน ซึ่งเขาเป็นน้องชายของ น้ากล้วย เชิญยิ้ม ตอนนั้นน้ากล้วยก็เล่นตลกอยู่ในคมขำลูกพ่อขุน แล้วตอนหลังเขาก็มาเล่นตลก มาตั้งทีมเอง เราก็ไปเล่นตลกอยู่กับน้ากล้วยก่อน น้ากล้วยก็เห็นแวว เขาเป็นคนแนะนำ ก็เลยได้ไปเล่นประจำซิตคอม”
พอมาเล่นซิตคอมชื่อเฮียหมู ก็เลยกลายเป็นชื่อเล่นมาถึงปัจจุบันนี้ ตอนนั้นเรื่องนี้มันดังมาก ชีวิตเราเปลี่ยนไหม?
“เปลี่ยน ดัง มีงานไปรับเชิญไปอะไรไปเรื่อยไป สมัยก่อน เล่นตลกด้วย (ตอนนั้นเราได้เก็บเงินเก็บทองไว้ไหม?) ตอนนั้นยังไม่ได้คิดอะไรหรอกเพราะว่าเราเล่นตลกไปแล้วก็ถ่ายละคร ก็อย่างว่านะ เราคนบ้านนอกเพิ่งเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ บ้านเช่า ข้าวซื้อ รถก็ต้องเช่า ไหนรายจ่ายลูกเต้าอีก ก็เลยไม่ได้เก็บเงิน ได้มาก็ใช้วนไป ลูกก็เยอะ วุ่นวายไปหมด”
มีอยู่ช่วงนึงเฮียหมูป่วยหนัก ต้องเข้าไปผ่าตัดลิ้นหัวใจ ตอนนั้นเกิดวิกฤติในชีวิตขนาดไหน?
“โอ้โห คิดดูถ้าเป็นดาราคนอื่นเขามีเงินเก็บกันเยอะแยะใช่ไหม เราก็ได้มาใช้ไป ส่งลูกเรียนบ้างอะไรบ้าง (ตอนนั้นที่ไม่มีเงินเก็บเพราะเราใช้ในสิ่งจำเป็นหรือใช้ฟุ่มเฟือย?) ก็ใช้อย่างซื้ออย่าง อยากได้ตู้เย็นก็ซื้อตู้เย็น ซื้อทีวีอะไร ก็ใช้ๆ ไปวันๆ ผ่อนรถผ่อนอะไรไป”
“แล้วได้มาเล่นละครเวที ละครเวทีมันเหนื่อย มันต้องวอร์มใช่ไหม ถ้าช่วงวันศุกร์-เสาร์เนี่ยเล่น 2 รอบ พอเล่นไปปุ๊บ พอหมดฉาก ต้องมีเด็กวิ่งถือถังออกซิเจนมาเลย มารอข้างหลังเลย ไปนั่งแอบหายใจ เดี๋ยวฉากต่อไปจะถึงอีกแล้วหายใจๆๆ ฉากต่อไปมาอีกแล้วโดดเข้าไปอีก เลิกแล้วคนอื่นเขาขึ้นห้องนอนนะ นี่นอนตรงบันไดข้างเวทีเลย”
เราป่วยมาก่อนหน้านั้นแล้วเปล่า?
“เราไม่รู้ ไม่เคยตรวจไม่เคยอะไร เป็นคนที่ไม่ชอบเข้าไปเช็กไปอะไร พอเล่นละครเวทีเสร็จ มันเหนื่อยมากเลย บอกแฟนว่าเหนื่อยจังเลย ก็เลยไปตรวจ หมอบอกว่าคุณลิ้นหัวใจรั่วรูใหญ่แล้วนะ ถ้ารั่วรูเล็กๆ ไม่เป็นอะไร เพราะว่านิ้วเราสีออกเขียวๆ แล้วนะ เพราะว่ามันรั่วไง ออกซิเจนมันรั่ว หมอเขาก็บอกว่า คุณจะอยู่ก็ได้นะ แต่ผมไม่รับประกันว่าคุณจะอยู่ได้กี่เดือน เต็มที่เลยคงไม่เกิน 4 เดือน”
แปลว่าตายเหรอ?
“ใช่ คุณต้องไปแน่ แรงมาก แล้วก็นิ้วเริ่มดำหมดแล้ว ก็ปรึกษาแฟน เอาไงดี แฟนบอกแล้วลูกเต้าก็หลายคนที่เราต้องส่งเสีย ไหนจะรถราอีก ถ้าเราไปผ่าจะเอาเงินที่ไหน ไม่ใช่น้อยๆ นะ เงินผ่าหัวใจเห็นเขาบอกกันไม่รู้กี่แสน ทำไงดี ก็เลยบอกเมียว่าเก็บเงินไว้ให้ลูกเรียนเถอะ เดี๋ยวพ่อตายดีกว่าง่ายดี พูดจริงเลย พูดกับเมียเลย ตายดีกว่า เพราะว่าเราไม่มีปัญญาหรอก ด้วยเดชะบุญ หมอมาบอกว่า ไม่ต้องตกใจไปเฮียหมู มีโครงการจากในหลวง รัชกาลที่ ๙ ท่านจะผ่าหัวใจให้คนทั้งหมด 80 ดวง เราได้ดวงที่ 70 กว่าๆ เฮียยังอยู่ในโควต้านั้นอยู่ ขนลุกยกมือไหว้ท่วมหัวเลย”
ตอนนี้ก็สุขภาพกลับมาเหมือนเดิมแล้ว?
“ใช่ ตอนผ่าเขาเล่าให้ฟัง นอนแบะอย่างนี้นะ 7 ชั่วโมง หัวใจทุกวันนี้ขึ้นเครื่องเช็กมันจะดัง ตี๊ดๆๆ เขาบอกพกอะไรมารึเปล่า ลวดที่เขาพันไว้ไง(ลวดที่เย็บไว้ที่อก)”
กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมแล้ว แต่ว่าในชีวิตช่วงซิตคอมซบเซา ก็ทำให้เรากลายเป็นคนตกงาน ว่างงาน?
“คือเดี๋ยวนี้รุ่นใหม่ก็มีเยอะไง แล้วอีกอย่างนึงเดี๋ยวนี้ทางด้านทีวีมันแข่งขันกันสูงนะ ถ้าไม่แน่จริงอะไรจริงอยู่กันยาก ไอ้เราก็กินแบบวันไปวัน ไปแล้วมาเจอประสบการณ์ เจอเศษฐกิจเข้าไปด้วย งานน้อยลงไปเรื่อยๆ ก็มีละครบ้าง มีแต่ก็ยังไม่ได้ถ่าย แล้วแต่ผู้หลักผู้ใหญ่เขาเมตตา เพราะว่าตอนนี้ทุกอย่างเขาก็ต้องเซฟเขาเหมือนกัน ช่องเขาก็ต้องเซฟ ทุกอย่างต้องประหยัดหมด”
ในช่วงที่งานเยอะ มีเงินผ่านมือเยอะ คิดว่าเพราะเราไม่ได้วางแผนครอบครัว หรือว่าเราไม่ได้วางแผนการใช้ชีวิตไหม พอมองย้อนกลับไปเรารู้สึกผิดพลาดไหม?
“ใช่ คือเราไม่ได้เก็บเงินใช่ไหม ได้มาใช้ไป แล้วลูกคนนั้นเรียน แฟนท้องออกคนนี้มา ก็มาอยู่กรุงเทพฯ บ้านเช่า ข้าวซื้อใช่ไหม เราไม่เคยมาอยู่กรุงเทพฯ แล้วก็มีเงินมีทอง วันไหนไม่ได้ถ่ายละคร ก็อยากจะพาลูกไปกินโน่นนี่ เขาอยากจะไปเที่ยวภูทับเบิก ก็จะพาไป อยากไปเที่ยวไหนก็ไป ไหนๆ เราก็มีรถเป็นของตัวเองแล้ว”
“ถ้าคนใช้เป็นเขามีแน่ อันนี้เก็บไว้ก่อน ก้อนนี้เก็บไว้เลย ใส่ธนาคารไว้ อันนี้เราไม่ได้เก็บ พอได้มาก็เฮ้ย...เดี๋ยววันนั้นก็อัดรายการแล้ว ก็คงได้มาแล้ว จริงๆ ต้องแบ่งไว้เลยนะเพื่อครอบครัวในยามที่เราไม่มีงานจะทำอย่างไรต่อไป อันนี้เขาเคยพูดกันเยอะ แต่เราก็ทำไงได้ มาคิดได้ก็ปลายฤดูกาลแล้ว”