“ทนายเจมส์” ไม่สนคำเตือน “ทนายเดชา” ให้ “เก้า เกริกพล” ถอนฟ้อง “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” บอกไม่รู้ข้อเท็จจริงอยู่นิ่งๆ ดีกว่า อย่าละเมิดศาล เผย “ธัญญ่า” เอาแน่ ฟ้องพวกโซเชี่ยลคุกคามลูกสาว
หลังจากที่โดน “ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์” ออกมาเตือน “เก้า เกริกพล เพชรรัตน์” ให้ถอนฟ้อง “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” รัชนก สุวรรณเกตุ ไม่งั้นอาจโดนฟ้องกลับและเสี่ยงติดคุก งานนี้ “ทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต” ทนายความของเก้าก็สวนกลับทันทีว่า ตนมีหลักฐานอยู่ในมือ ใครไม่เกี่ยวอย่าละเมิดศาล ถ้าไม่รู้ข้อเท็จจริงก็ควรอยู่นิ่งๆ ส่วนคดีที่ “น้องลียา” ลูกสาว “ธัญญ่า ธัญญาเรศ เองตระกูล” โดนคุกคามทางโซเชี่ยล ธัญญ่าจะดำเนินคดีแน่
“ผมต้องเรียนก่อนนะครับ เคสแบบนี้มันเป็นการใช้สิทธิทางศาล ในกรณีของทนายคนอื่นจะมีความเห็นเป็นอย่างอื่นมากกว่า นั่นก็เป็นสิทธิ์ของเขา ความคิดของเขา ส่วนความคิดของผม ไม่มีใครรู้ดีกว่าผม เพราะผมดูหลักฐานอยู่ในมือ ผมสอบข้อเท็จจริงจากปากของตัวความ เพราะฉะนั้นเนี่ย ใครก็แล้วแต่ที่มาเกี่ยวข้อง ณ วันนี้ ผมยื่นคำร้องขอให้ศาลออกข้อกำหนดแล้วนะครับ ใครวิพากษ์วิจารณ์ ละเมิดอำนาจศาล เพราะฉะนั้นคนที่ไม่เกี่ยวข้อง ไม่ควรเข้ามายุ่ง โดยเฉพาะข้อเท็จจริงตัวเองไม่รู้ ควรอยู่นิ่งๆ โดยเฉพาะคนที่อาวุโสแล้วเนี่ย ไม่ควรที่จะมียุ่งเรื่องพวกนี้นะครับ ที่สำคัญก็คือ ผมงงว่าตอนแรกพูดอย่างหนึ่ง พอเห็นผมเป็นทนาย ไปพูดอีกอย่างหนึ่ง อันนี้คือสังคมเขาสงสัยอยู่นะครับ”
“การใช้สิทธิ์ทางศาลกฎหมายเขาให้เราใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริต ไม่ใช่ว่าไม่มีเรื่องอะไรอยู่เลย แล้วผมไปแจ้งความเขาไปฟ้องเขา อันนั้นเขาเรียกว่าเป็นการฟ้องเท็จ หรือเบิกความเท็จอะไรแบบนี้ แต่อันนี้มันมีเรื่องจริงอยู่ เพียงแต่การเข้าใจข้อกฎหมายกันผิด ตีความข้อกฎหมายผิด อันนี้กฎหมายบอกว่าทำได้ ผมบอกมาโดยตลอด ผมไม่รู้ใครผิดใครถูก ให้ศาลท่านวินิจฉัยไป เพราะผมมีหลักฐาน ที่ผมเชื่อว่ามันมีข้อตกลงแบบนี้กันอยู่ ที่ผมถามคือ ณ วันนี้ไม่ได้เถียงกันนะครับ ว่ามี 70 / 30 อยู่จริง ณ วันนี้ก็ไม่ได้เถียงกันนะ ข้อเท็จจริงเป็นที่ยอมรับกันทั้งสองฝ่าย เพียงแต่เงื่อนไขในการที่จะอ้างว่าไม่จ่ายเงิน เพราะไม่เข้าค่ายเนี่ย ข้อเท็จจริงตรงนี้มันได้พูดกันตอนไหน อันนี้แหละที่ต้องไปพิสูจน์กันในศาลครับ”
เดินหน้าคดี “เจนนี่” ต่อ
“ผมเดินหน้าต่อครับ อย่าลืมว่าสิ่งที่ผมทำไม่ได้ไม่เสีย ผมไม่ได้มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้นะครับ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมทำผมทำเพื่อความถูกต้อง ให้ศาลชี้ขาดเป็นบรรทัดฐานว่า การลงทุนในลักษณะมันมีอยู่จริง ถ้าถามคนที่ทำเพลงเขาจะรู้ บางคนมีอุปกรณ์มีเพลงมีเนื้อร้องอยู่ในมือแต่ไม่มีนักร้อง เขาก็เอานักร้องมาร้องโดยที่ไม่จ่ายค่าตัว แล้วก็ทำเป็นหุ้นกัน แล้วก็แบ่งผลประโยชน์กัน ถ้าถามคนทำเพลงเขาจะรู้ แต่ถามคนที่ไม่เคยทำเพลง ทำคดีเกี่ยวกับลิขสิทธิ์เนี่ย เขาไม่รู้เรื่องหรอกครับ”
ไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์ “ทนายเดชา” ที่ออกมาเตือน “เก้า” อยู่ที่วิจารณญาณ
“ผมคงไปชี้แนะอะไรเขาไม่ได้หรอกครับ ผมตัวเล็กกว่า ผมไม่มีเสียงที่เยอะกว่า ผมอายุอ่อนกว่าด้วย ผมไม่สามารถที่จะไปชี้นำใครได้นะครับ อันนี้อยู่ที่วิจารณญาณ อยู่ที่จิตสำนึกของคนครับ ผมฝากไว้แค่นี้ครับ”
ส่วนที่ “ธัญญ่า” ถ่ายรูปคู่ด้วยแล้วบอกว่า มาปรึกษาเรื่องลูกสาวโดนคุกคามทางโซเชียลนั้น “ทนายเจมส์” บอกว่า ธัญญ่าจะดำเนินคดีต่อไป
“รายละเอียดก็มีแค่พี่ธัญญ่าเขาเจอผมในรายการ แล้วเขาก็ปรึกษาเกี่ยวกับว่า มีคนส่งข้อความมาให้ลูกเขา ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใคร แล้วผมก็เลยบอกว่า พี่แบบนี้มันค่อนข้างอันตรายนะ เพราะว่าการส่งข้อความมาโดยคนแปลกหน้า ไม่ว่าจะเป็นข้อความดีหรือข้อความไม่ดีก็ตาม มันอาจจะทำให้เด็กของเราอาจจะไปสนิทกับคนแปลกหน้าโดยที่ไม่ระมัดระวังตัว อันนี้เป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่เฉพาะลูกพี่ธัญญ่านะลูกคนอื่นด้วย เจอคนแปลกหน้าเข้ามาตีสนิท หรือว่าใช้ข้อความที่ไม่ดีมาด่ามาอะไร กลุ่มคนพวกนี้เราต้องคอยระแวดระวังก็บอกพี่เขาไป เขาก็เห็นด้วยเพราะเขาก็มีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ที่เห็นตามข่าว เขาก็เลยปรึกษาว่า จะทำยังไงได้บ้าง ก็คงจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายไป”
เผยข้อความที่ส่งมาหาลูกสาวของ “ธัญญ่า” นั้น มีทั้งดีและไม่ดี
“มันมีอยู่หลายรูปแบบครับที่เข้ามา ผมก็ไม่เข้าใจว่าคนที่พยายามจะเข้ามาถามลูกสาวพี่ธัญญ่า ไม่เข้าใจเจตนาเขาเหมือนกัน ที่สำคัญมันเป็นเฟซบุ๊กของจริงก็มี เฟซบุ๊กลวงก็มี มีหลายข้อความครับ ผมดูมันจะมีบางกลุ่มก็เป็นข้อความเหมือนกับหวังดีก็มี ข้อความที่ไม่ระบุตัวตน เป็นข้อความที่ไม่ดีก็มีครับ ไม่เยอะครับ แค่มันเป็นสัญญาณอย่างหนึ่ง เด็กเป็นผ้าขาวบริสุทธิ์ ใครก็แล้วแต่ที่เข้ามาโดยที่เราไม่รู้จัก ไม่รู้วัตถุประสงค์ของเขา ให้ระวังไว้ก่อนครับ”
“พี่ธัญญ่าเองเขาก็ไม่ค่อยได้กังวลอะไร เพราะเขาเองก็ระวังลูกเขาอยู่แล้ว เพียงแต่เขาถามว่า อย่างนี้เราจะเตือนคนอื่นได้ไหมคุณเจมส์ มันจะเป็นการหมิ่นประมาทหรือเปล่า ผมก็บอกว่ามันเตือนได้เพราะเราไม่รู้จักเขา แล้วเขาเข้ามาเราไม่รู้เจตนาดีหรือร้าย เพราะฉะนั้นเราก็แค่สงสัย แล้วระวังไว้ก่อนครับ”
“ซึ่งก็มีทั้งเฟซบุ๊กทั้งไอจี แต่อันนี้ต้องเป็นหน้าที่ของตำรวจเขาแล้ว เพราะผมไม่มีอำนาจในการไปสืบหา ก็คือทางพี่ธัญญ่าจะดำเนินคดีเลยครับ”