"ธัญญ่า ธัญญาเรศ" เผยกักตัวเองครบ 14 วันหลังกลับจากญี่ปุ่น ไม่ได้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 เพราะไม่มีอาการป่วย นอกจากพี่เลี้ยง "น้องลียา" กังวลค่าตรวจแพงหูฉี่ หากคนไม่มีเงินไปตรวจจะแพร่โรคไปอีกเท่าไหร่ เผย "เป็ก สัณณ์ชัย" กักตัวต่อ หลังกลับจากอเมริกา ประเทศกลุ่มเสี่ยง แยกบ้านกันอยู่
กักตัวเองรับผิดชอบต่อสังคมครบ 14 วัน สำหรับ "ธัญญ่า ธัญญาเรศ เองตระกูล" ซึ่งเจ้าตัวเผยระหว่างกักตัวไม่ได้กังวลอะไร แต่กลัวว่าคนอื่นจะรังเกียจที่กลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ก่อนเผยตอนนี้ "เป็ก สัณณ์ชัย เองตระกูล" กักตัวต่อ เพราะเพิ่งกลับจากอเมริกา
"ครบแล้วค่ะ ช่วงที่กักตัวก็ไม่รู้สึกลุ้นอะไรนะ เพราะเราก็ไม่รู้สึกว่าเราไปในที่สุ่มเสี่ยง คือมันอาจจะไปในประเทศที่สุ่มเสี่ยง ขึ้นเครื่องบินมา แต่ว่าเราก็ไม่ได้ไปในที่ที่คนแอร์อัดเยอะ ไปก็ไปเล่นสกีสโนว์บอร์ดแค่นั้น เราไปฮอกไกโดค่ะ คือตอนแรกที่ไปมันมีข่าวว่ามีคนเป็นแค่คนเดียว แต่พอเรากลับมันก็มีข่าวว่ามีคุณปู่คุณย่าที่เป็นใช่ไหมคะ เราก็เลยคิดว่าแล้วมันต้องยังไง ซึ่งตอนที่เรากลับก็เป็นช่วงที่พูดถึงการกักตัว 14 วัน เราก็เลยเคลียร์งาน เคลียร์ทุกอย่าง"
"เราก็ไม่ได้ใจเสียอะไรขนาดนั้น เพราะรู้ว่าเขาก็กลับก่อนเราไม่กี่วัน แต่เราก็คิดว่าต้องเคลียร์งานแหละ ก็ต้องไปถามทุกๆ คนว่าเราเพิ่งกลับจากญี่ปุ่น ต้องกักตัว 14 วัน ทุกคนก็โอเค (เป็นเคสแรกๆ ที่กักตัว?) ก็เห็นว่าเขาขอความร่วมมือของทุกคนที่กลับจากประเทศสุ่มเสี่ยง และเมืองที่เราไปมันก็เป็นเมืองที่มีพาหะพอดี เราก็กลัวว่าคนจะรังเกียจเราด้วย"
"ถามว่าได้ไปตรวจมาแล้วใช่ไหม ไม่ได้ไปตรวจค่ะ เพราะไม่ได้มีอาการอะไร แต่มีพี่เลี้ยงของลียาที่เขากลับมาแล้วไม่สบาย ไข้ขึ้น เราก็ไม่สบายใจ ก็รีบพาเขาไปที่โรงพยาบาล แต่ว่าไข้เขายังไม่ถึง 37.5 ก็คือยังไม่อยู่ในเกณฑ์ที่จะต้องตรวจ ทางโรงพยาบาลก็ถามว่าจะเอายังไง จะตรวจหรือไม่ตรวจ ถ้าตรวจเราต้องเสียเงิน ก็เสียไปประมาณหมื่นสี่ร้อย เราก็ให้ตรวจดีกว่าเพื่อความสบายใจ เพราะเขาอยู่กับลูกเรา อยู่ในบ้านเราด้วยค่ะ"
กังวลค่าตรวจโควิดแพง บอกหากคนไม่มีเงินไปตรวจ ไม่รู้จะแพร่โรคไปอีกเท่าไหร่
"เราก็กังวลเรื่องค่าตรวจอยู่นะ เพราะทุนทรัพย์ในการใช้ตรวจมันก็ค่อนข้างจะแพง ซึ่งโอเคมันมีมาตรการที่ให้คนตรวจฟรี แต่มันต้องมีไข้ 37.5 ต้องมีอาการไอ น้ำมูก แต่มันก็คงมีอีกหลายคนที่เป็นแต่ไม่ได้มีอาการตามนี้ ซึ่งอันนี้ก็ถือว่าน่ากลัวเหมือนกัน เพราะเราก็ไม่รู้ว่าบางคนที่เขาเป็นแต่ไม่มีเงินที่จะไปตรวจ เราก็ไม่รู้ว่าเขาจะแพร่ไปอีกเท่าไหร่"
กรณี "แมทธิว" ไม่ได้กลัว แต่เราต้องระวังตัว เป็นแล้วก็รักษา รับสภาพให้ได้
"ไม่ได้รู้สึกกลัวนะคะ คือรู้สึกว่าเราระวังตัวเรา ณ จุดที่เราระวังได้ แต่ถ้าวันนึงมันต้องเป็นขึ้นมาเราก็ต้องรับสภาพให้ได้ และเราก็รักษาเท่านั้นเอง คือถ้ากลัวคงมาสัมภาษณ์วันนี้ไม่ได้แล้วล่ะ เพราะในรายการเราก็นั่งใกล้กันประมาณนี้แหละ คือถ้าเราแข็งแรง แล้วเราไปเจอเชื้อ ร่างกายเราก็คงจัดการได้ แต่เรากังวลว่าถ้าเรารับเชื้อแล้วจะไปแพร่ให้คนอื่นหรือเปล่า การที่เราจะไปกลัวคนอื่นมากมาย เรากลัวตัวเองก่อนดีกว่าไหม เพราะเราอาจจะไปรับมาโดยที่เราไม่รู้ตัวก็ได้"
เลี่ยงอะไรได้ก็เลี่ยงไปก่อน
"เราเป็นคนล้างมือบ่อยอยู่แล้ว และไม่ไปในที่ชุมชนที่คนเยอะๆ ในห้างอะไรเราก็ไม่ค่อยได้ไปแล้ว อะไรที่เลี่ยงได้เราก็เลี่ยง อย่างวันนี้มางานมันก็เป็นงานเปิด ไม่ได้เป็นที่แออัดคนเยอะๆ หรือวันที่เราเข้าสตูดิโอคนก็ไม่ได้เยอะมากมาย ทีมงานก็จะใส่มาสก์กัน มีแอลกอฮอล์กันทุกคน ก่อนเข้าตึกก็จะมีการวัดอุณหภูมิ ให้ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ ทุกคนก็ระวังตัวกันหมด ถามว่าเลือกรับงานมากขึ้นไหม จริงๆ โดยส่วนตัวเป็นคนไม่ได้มีงานในด้านอีเวนต์เยอะอยู่แล้ว ก็จะอยู่ในสตูดิโอเป็นพิธีกรซะมากกว่า"
ตอนนี้ "น้องลียา" ไปโรงเรียนแล้ว หยุดตามมาตรการโรงเรียน ให้เด็กไปกลุ่มเสี่ยงหยุดอยู่บ้านไปก่อน
"ใช่ ต้องหยุดเรียน 14 วัน เพราะว่ากลับมาจากญี่ปุ่น โรงเรียนเขาก็ให้เด็กที่กลับมาจากกลุ่มเสี่ยงต้องหยุดอยู่แล้ว แต่ตอนนี้้ไปโรงเรียนแล้ว"
"เอาจริงๆ เราไม่ได้กังวลมาก เพราะถ้าเราไปกังวลอะไรมากมายมันก็ใช้ชีวิตลำบาก และเท่าที่เราได้คุยกับคุณหมอ เขาบอกว่าในเด็กค่อนข้างที่จะไม่ค่อยน่ากลัวเท่าผู้ใหญ่กับคนแก่ คือเด็กเขาจะมีภูมิของเขาอยู่แล้ว พอเด็กเป็นมันก็จะไม่รุนแรงเท่าคนแก่และคนที่มีโรคประจำตัว ก็เลยทำให้เราสบายใจขึ้นมาเปราะนึง ลียาก็ชอบใส่มาสก์อยู่แล้ว เป็นเด็กขี้อาย ชอบปิดหน้าอยู่แล้วค่ะ (หัวเราะ)"
"เป๊ก สัณณ์ชัย" เพิ่งไปอเมริกา ต้องกักตัว 14 วัน แยกบ้านกัน
"พี่เป๊กตอนนี้เขากักตัวอยู่ค่ะ เพราะว่าเขาเพิ่งไปอเมริกามา ต้องกักตัว 14 วัน เพิ่งกลับมา วันนี้เขาก็เลยไม่มางาน ตอนนี้ก็แยกบ้านเลยค่ะ (ยิ้ม) เขาก็บอกเอาลูกไปเลย ไม่ต้องเอาลูกมาเจอ 14 วัน แต่เขาไม่มีไข้ค่ะ ตอนนี้คนใกล้ตัวเราคุณพ่อคุณแม่เขาก็ดูแลตัวเองอยู่แล้ว ไม่มีใครเสี่ยงที่จะเป็น"