ตอนที่ฮ่องกงกำลังจะถูกส่งมอบการปกครองคืนสู่จีนแผ่นดินใหญ่ดาราฮ่องกงจำนวนมากต่างหลั่งไหลกับออกไปนอกประเทศ คนที่ดัง ๆก็ขยับขยายไปรับงานในต่างประเทศ โดยเฉพาะฮอลลีวูด ดารา 3 เบอร์ใหญ่อย่าง เฉินหลง, โจวเหวินฟะ และ เจ็ท ลี พร้อมใจกันไปรับงานที่ฮอลวีวูดกันหมด เมื่อกลับมาก็ข้ามหัวฮ่องกงไปทำงานในจีนแผ่นดินใหญ่แทน หนังฮ่องกงตอนนี้ก็เลยเหี่ยวแห้งอย่าว่าแต่ในตลาดต่างประเทศเลย คนฮ่องกงก็ยังไม่ค่อยดูหนังฮ่องกงเลยในเมืองไทยกระแสของหนังฮ่องกงก็เงียบมานานแล้วเรียกว่าคนอายุ 20 ปี ยังเกิดไม่ทันด้วยซ้ำไป แต่ในช่วงเวลาแห่งความตกต่ำก็ยังมีหนังฮ่องกงบางเรื่องที่สร้างกระแสและทำเงินในเมืองไทยได้อย่างเหลือเชื่อ รวมถึงหนัง 5เรื่องนี้ที่เรียกว่าเป็นหนังฮ่องกงฮิตในไทยในรอบ 20 ปี ที่ผ่านมา หนังฮ่องกงที่ฮิตที่สุดเรื่องหนึ่งในรอบ 20 ปี ที่ผ่านมาก็คือ “Kung Fu Hustle” หรือ “คนเล็กหมันเทวดา”หนังที่ โจวซิงฉือ แสดงนำเป็นเรื่องสุดท้ายในชีวิต ก่อนที่จะหันไปกำกับหนังและรับบทสมทบอีกเพียงเรื่องเดียว จนปัจจุบันไม่ได้รับงานหน้าจอมานานมากว่า 10ปีแล้ว คนเล็กหมันเทวดา มีทุกอย่างที่หนัง โจวซิงฉือควรจะมีตัวประกอบฮา ๆ ที่แย่งกันขโมยซีน, การขยี้มุกแบบไม่มียั้ง และเนื้อหาแนว “คนเล็ก”ที่ต้องต่อสู้เพื่อให้ได้รับการยอมรับ แต่ที่สำคัญหนังเรื่องนี้ยังมาพร้อมกับโปรดักชั่นจัดเต็มระดับได้ไปฉายที่อเมริกันด้วยเลยทีเดียว
ดาราอีกคนที่ยังมีหนังมาฉายในไทยแทบทุกเรื่องก็คือเฉินหลง ไม่ว่าหนังจะออกมาแปลกประหลาด ไม่ค่อยน่าดูยังไงผู้จัดจำหน่ายก็พร้อมที่จะซื้อหนังของ เฉินหลง มาฉายในเมืองไทยอยู่ แต่ที่ฮิตที่สุดในระยะหลังของ เฉินหลง ก็คือวิ่งปล้นฟัด เรื่องนี้ หนังที่ เฉินหลง ไม่ขอทำอะไรใหม่ ๆ แหวก ๆ อีกแล้วแต่เลือกที่จะทำหนังแอ็กชั่นผจญภัยแบบเดิม ๆ ผลก็คือฮิตในเมืองไทยที่สุดในรอบหลายเรื่องของเฉินหลง เลยก็ว่าได้ เฉินหลง เคยประกาศว่า วิ่งปล้นฟัดจะเป็นหนังแอ็กชั่นฟอร์มใหญ่เรื่องสุดท้ายของตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าแฟน ๆไม่มีใครเชื่อ เพราะเห็นประกาศอะไรแบบนี้ สุดท้ายก็ยังมีเรื่องใหม่ ๆ ออกมาทุกที สมัยยุค 90 หนังแอ็กชั่นตำรวจฮ่องกงเคยฮิตมากในเมืองไทยแต่หลัง ๆ ก็เงียบไป เมื่อปี 2002 เมื่อมีข่าวว่าจะมีหนังแนวนี้ของ หลิวเต๋อหัวกับ เหลียงเฉว่ย เข้าฉาย คนก็เลยไม่ได้ฮือฮาอะไรนัก แต่พอฉายโรงจริง ๆหนังกลับสร้างกระแสได้อย่างเหลือเชื่อมาก 2 คน 2 คม มีอายุครบ 18 ปี ในปีนี้และยังคงถูกพูดถึงในหมู่แฟนหนังฮ่องกงเรื่อย ๆถือว่าเป็นหนังระดับตำนานของฮ่องกงในรอบ 20 ปีนี้จริง ๆ
เมื่อก่อนมีหนังภาคต่อจากฮ่องกงที่ฮิต ๆ ในบ้านเราหลายชุด แต่ในช่วง 20 ปี ที่ผ่านมาแฟชนชน์สุดท้ายที่ฮิตต่อเนื่อง ในหมู่แฟนหนังชาวไทยก็คงหนีไม่พ้น “ยิปมัน” หรือ “อิปมัน” ที่แฟนหนังชาวไทยชอบเล่นมุขเรียกว่า ไอพี แมน กันมาจนถึงปัจจุบันนั่นเอง
ที่พิเศษก็คือหนังเรื่องนี้ฮิตได้โดยไม่ได้เข้าโรงภาพยนตร์ด้วยซ้ำไป อาจจะเพราะตอนนั้น ดอนนี เยน ยังไม่ดังในเมืองไทย แถม อาจารย์ยิป เป็นใครค่ายหนังก็คงไม่รู้จัก ก็เลยไม่มีใครซื้อมาฉายโรง มีแต่บริษัทที่ตอนนี้เจ้าของไปเอาดีอย่างปั้นไอดอล ที่ซื้อมาออกแผ่น DVD แบบเงียบ
ในปี 2008 ที่แผ่นหนัง Ip Man ออกจำหน่าย มีสองประเด็นที่คนพูดถึงกันมากที่สุด ก็คือ ความมันส์ชนิดเกินคาดของหนัง และคุณภาพที่เลวร้ายมากของแผ่น DVD แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม “ยิปมัน” ก็เป็นที่พูดถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มมีคนสนใจหนังเรื่องนี้กันไปทั่ว
สุดท้าย Ip Man ภาค 2 จึงได้เข้าโรงฉายในเมืองไทย และหนังทุกภาคหลังจากนั้นจึงได้เข้าฉายในเมืองไทยทุกเรื่อง และทำเงินได้ดีทุกภาค เป็นที่พูดถึงเสมอ กลายเป็นแฟชนไชน์หนังฮ่องกงชุดสุดท้ายที่ฮิตในเมืองไทยก็ว่าได้ ทั้งภาคหลักที่แสดงโดยเจ้าตัวอย่าง ดอนนี เยน เอง และเวอร์ชั่นสร้างโดยคนอื่น ที่บางภาคก็อาศัยโปรโมตแบบมั่ว ๆ ว่าเป็นภาคต่อชุดเดียวกับ ยิปมัน ของ ดอนนี เยน จนผู้ชมงงไปหมดว่า ยิปมัน หรือ Ip Man มันมีกี่ภาคกันแน่
และเรื่องสุดท้ายที่สร้างกระแสได้มากพอสมควรในตอนเข้ามาฉายในไทยก็คือ 3D Sex and Zen หนังโป๊สามมิติที่ใคร ๆ ตอนนั้นก็อยากดู 3D Sex and Zen เป็นหนังอีโรติกที่ฮิตถล่มทลายตั้งแต่ในฮ่องกง เพราะได้ชื่อว่าเป็นหนังโป๊สามมิติ “เรื่องแรก ๆ” ของโลกในยุคหนังสามมิติกลับมาฮิตใหม่ แม้จะโดนหนังเกาหลีเรื่องหนึ่งทีสร้างทีหลัง แต่เสร็จก่อนฉายตัดหน้าไป 3D Sex and Zen ก็ยังฮิตมากอยู่ดี จนทำรายได้มาเป็นอันดับ 1 ที่ฮ่องกง เมื่อปีที่หนังฉาย
3D Sex and Zen ยังได้เข้ามาฉายในเมืองไทยแบบโปรโมตกันเต็มรูปแบบมีการขนดารา และทีมงานเข้ามาร่วมเดินพรมแดงรอบปฐมทัศน์ในเมืองไทยด้วย ทั้ง ๆ ที่หนังไม่ได้มีดารา หรือผู้กำกับที่โด่งดังอะไรเลย เรียกว่าถ้าไม่นับหนังของ หลิวเต๋อหัว, เฉินหลง หรือ ดอนนี เยน ก็คงมีแต่ 3D Sex and Zen นี่แหละที่โปรโมตหนักที่สุดในเมืองในในช่วง 20 ปี มานี้
หลัง 3D Sex and Zen ดัง มีหนังโป๊สามมิติจากผู้สร้างที่ฮ่องกงเข้าฉายอีกพักใหญ่ ๆ ส่วนใหญ่ล้มเหลวทั้งเรื่องรายได้ และกระแส อาจจะเพราะคนดูเริ่มรู้สึกแล้วว่าการจะดูหนังโป๊ในยุคนี้ ไม่เห็นต้องเข้าไปดูในโรงหนังเลย