การระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้วงการหนังปั่นป่วนไปหมด รวมถึงวงการหนังฮ่องกงด้วย กองถ่ายหนังต้องระงับการถ่ายทำทั้งหมด ส่วนงานมอบรางวัลต่าง ๆ ก็ต้องยกเลิกการจัดงาน และใช้การประกาศผลออกมาเฉย ๆ แทน
แม้แต่งานใหญ่อย่างงานมอบรางวัลหนังฮ่องกงก็ต้องงดจัดเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี และเพิ่งมีการประกาศผลผู้ชนะออกมาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งก็น่าเสียดายสำหรับนักแสดงหลาย ๆ คนที่พยายามมานาน และกลับมาประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในปีนี้ แต่กลับไม่ได้รับรางวัลใหญ่ในงานแห่งปีอย่างที่ควรจะเป็น
Ip Man 4: The Finale ภาคปิดตำนานของหนังชุด ยิปมัน คือหนึ่งในหนังที่ประสบความสำเร็จไม่น้อย บนเวทีมอบรางวัลฮ่องกงปีนี้ หนังได้ชิงรางวัลถึง 9 สาขา รวมถึงรางวัลใหญ่อย่างผู้กำกับยอดเยี่ยมด้วย ก่อนที่จะได้รางวัลกลับบ้านไปถึง 3 สาขา ส่วนใหญ่เป็นรางวัลด้านเทคนิค และแน่นอนว่ารางวัลกำกับคิวบู๊ยอดเยี่ยม หนังก็ชนะรางวัลในสาขานี้ไปด้วย
ส่วนรางวัลสาขาหนังจีน หรือไต้หวันยอดเยี่ยม ตกเป็นของหนังดังแห่งปีอย่าง An Elephant Sitting Still หนังสุดเครียดความยาวร่วม 4 ชั่วโมง ผลงานเรื่องแรกและเรื่องเดียวในชีวิตของผู้กำกับ หูโป่ว ที่เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายไปแล้ว
ส่วนหนังที่ดังที่สุดในปีนี้ก็คงหนีไม่พ้น Better Day หนังเกี่ยวกับการกลั่นแกล้ง และชีวิตที่กดดันในโรงเรียนมัธยมที่คว้ารางวัลใหญ่ ๆไป เกือบครบ รวมถึงนักสดงนำหญิง, ผู้กำกับ และภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วย
Better Day เป็นผลงานเรื่องที่สองในชีวิตของ ดีเรก เจิ้ง ลูกชายของนักแสดงคนดัง เจิ้ง จื่อเหว่ย นั่นเอง
นอกจากนั้นหนังเรื่องนี้ยังเป็นหนังเรื่องที่สองของ ดีเรก เจิ้ง เท่านั้น ก่อนหน้านี้ Soul Mate ของเขาเคยชิงรางวัลตุ๊กตาทองฮ่องกงถึง 11 สาขา แต่ตอนนั้นได้รางวัลแค่สาขาเดียว ส่วนปีนี้หนังของเขาชิงรางวัล 12 สาขา และกลับบ้านไปพร้อมกับรางวัลมากถึง 8 สาขา
ปี 2019 เรียกได้ว่าเป็นปีที่หนังฮ่องกงค่อนข้างเงียบนอกจากงานเด่น ๆ อย่าง Ip Man หรือ Better Day แล้ว หนังเรื่องอื่น ๆ ก็แทบไม่เป็นที่รู้จักในต่างประเทศเลย รางวัลสำคัญ ๆ ก็เลยไปตกอยู่กับหนังเล็ก ๆ ซะมากกว่า
Fagara หนังเกี่ยวกับหญิงสาวสามคนกับการเปิดธุรกิจจิ้มจุ่ม ก็เป็นหนังที่ชาวฮ่องกงส่วนใหญ่ชอบกันมาก และได้รับรางวัลกำกับศิลป์ไป จากการชิงรางวัลแทบจะทุกจะสาขา แต่ก็พลาดไปหมด
I'm Livin It หนังสะท้อนชีวิตคนฮ่องกงก็เป็นงานอีกเรื่องที่ได้ชิงรางวัลถึง 10 สาขาในปีนี้ แม้สุดท้ายจะได้รับรางวัลไปสาขาเดียวก็ตาม โดยหนังที่ กัวฟู่เฉิน แสดงนำ เล่าถึงชีวิตอันตกต่ำของอดีตนักการเงิน ที่เคยร่ำรวย แต่สุดท้ายต้องกายเป็นคนไร้บ้าน
ซึ่งคนที่ได้รับรางวัลจากหนังเรื่องนี้ก็คือ จางต๊ะหมิง ดาราตลกที่หน้าหน้าหายตาไปนานหลายปี เพราะป่วยเป็นมะเร็ง และได้กลับมามีผลงานการแสดงอีกครั้งในปีนี้
ดาราอีกคนที่อยู่ในวงการบันเทิงมานานมาก และกลับมาดังในปีนี้ก็คือ ไท่เป่า คนนี้ ดาราตัวประกอบที่คนดูหนังฮ่องกงมานานน่าจะคุ้นหน้าอยู่บ้าน นักแสดงรุ่นใหญ่คนนี้เป็นตัวประกอบที่เคยแสดงหนังมาเกินร้อยเรื่อง ปรากฏตัวในหนังฮิต ๆ อย่างไอ้หนุ่มหมัดเมามแล้ว
ไท่เป่า ได้มีโอกาสรับบทนำเต็มตัวเป็นครั้งแรก ใน Suk Suk หนังที่เล่าถึงความสัมพันธ์ของคนขับรถแท็กซีวัย 70 ที่ได้พบรักกับพ่อม่ายวัย 65 และต้องเจอกับความกดดันจากสังคม และคนรอบตัวที่ชายสูงวัยอย่างพวกเขาเริ่มคิดถึงการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน หนังเล็ก ๆ เรื่องนี้กวาดรางวัลมากมายในเวทีประกวดต่าง ๆ ของฮ่องกง รวมถึงรางวัลฮ่องกงฟิล์มอวร์ดด้วย และทำให้ดาราตัวประกอบอย่าง ไท่เป่า ได้กลายเป็นดาวเด่นหลังเป็นตัวรอง ที่แทบไม่มีใครจำชื่อได้มาร่วมครึ่งศตวรรษ
ไท่เป่า ทำงานในวงการบันเทิงมานาน และต้องรอคอยจนอายุมากกว่าขนาดนี้กว่าได้จะรับการยอมรับ และรางวัลเชิดชูฝีมือในการแสดง น่าเสียดายนิดหน่อยที่เขามาได้รางวัลในปีที่โลกเต็มไปด้วยความวุ่นวายจากการระบาดของเชื้อไวรัส แทนที่จะได้ขึ้นรับรางวัลในงานใหญ่ที่มีคนดัง และบุคลาการทางภาพยนตร์มาร่วมปรบมือมากมาย แต่ ไทเป่า กลับต้องรับรางวัลอยู่ที่บ้านของตัวเอง โดยหัวหน้าคณะกรรมการมอบรางวัลอย่าง เอ๋อตงเซิน เป็นผู้ประกาศรางวัลทุกสาขาทางการถ่ายทอดสดผ่านอินเตอร์เน็ตด้วยตัวเองคนเดียว