xs
xsm
sm
md
lg

ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร "โต้ง" เปิดใจใช้ "เรกิ พลังธรรมชาติ" รักษาโรคหมอนกระดูกปลิ้น ถึงเสี่ยงพิการแต่ไม่ผ่าตัด

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"โต้ง สุรนันต์" เผย 13 ปี เป็นบุดดาเบลส ปล่อยตัวน้ำหนักขึ้นกว่า 10 โล จนเป็นโรคหมอนรองกระดูกปลิ้น ไม่กล้าผ่าตัด หวั่นผลข้างเคียง บอกทำกายภาพควบคู่กับการรักษาแบบ "เรกิ พลังธรรมชาติ" ทึ่งรักษาได้ยันโรคซึมเศร้า มะเร็ง ขนลุกถูกทักผีตัวไหม้เกรียมตามติด ทำบุญให้ตลอด



ต้องรักษาตัวจากอาการป่วยโรคหมอนรองกระดูกปลิ้นมาเป็นเวลา 2 ปี สำหรับ "โต้ง บุดดาเบลส" สุรนันต์ ชุ่มธาราธร ซึ่งเจ้าตัวเผยว่าหมอแนะให้ผ่าตัด แต่ตนหวั่นผลข้างเคียงที่อาจเกิดตลอดชีวิต เลยขอเลือกวิธีกายภาพ พร้อมๆ กับการรักษาด้วยวิธี "เรกิ พลังธรรมชาติ"

"ฟังดูเหมือนเป็นโรคภัยร้ายแรง เป็นหมอนรองกระดูกปลิ้นครับ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เป็นที่คอ ตอนนั้นตื่นขึ้นมาเหมือนคนตกหมอน เจ็บที่สะบักมาก ซึ่งช่วงที่เป็นคือช่วงที่ไทยไม่ให้มีงานรื่นเริงเนื่องจากรัชกาลที่ ๙ ผมก็เลยไปอยู่เชียงใหม่ ทำให้ไกลหมอที่กรุงเทพฯ ผมเลยปล่อยไว้แบบนั้น อาการก็แย่ ปวดๆ ตึงๆ ไฟช็อตแขนตลอดเวลา จนเดือนหนึ่งกลับมาเช็ก ไป CT สแกนดู ก็ปรากฏเป็นหมอนรองกระดูกปลิ้น"

"สำหรับเราเป็นคนเล่นกีฬา โดยเฉพาะกีฬาการต่อสู้ เราก็รู้สึกแย่มากนะ มันมีผลต่อการที่เราได้เล่นได้ซ้อม ก็พยายามไปกายภาพบำบัด จริงๆ ก็มีคุณหมอเก่งๆ ที่แนะนำให้ผ่าเลย แต่เรายังกลัวผลข้างเคียง เราก็เลยเลือกกายภาพ ก็ดีขึ้นเยอะมากเลยครับ แล้วก็มาอีกรอบหนึ่งตรงแถวหลังล่าง มันมาจากการทำงาน การเล่นกีฬาของผมที่รุนแรง สารภาพเลยว่าผมดูแลร่างกายไม่ดีพอ ปล่อยให้น้ำหนักขึ้น ยืด เหยียด ไม่ดี ก่อนและหลังเล่นกีฬา แนะนำทุกคนนะครับที่เล่นกีฬา ให้ยืดเหยียดด้วย"

เสี่ยงพิการ หากไม่รักษา น้ำหนักเพิ่ม 10 กว่ากิโลภายใน 13 ปีเพราะเป็นบุดดาเบลส
"เสี่ยงพิการ ถ้าเราไม่ทำอะไรกับมัน นี่ผมก็หยุดกีฬาหนักๆ ไปเยอะเลย แล้วก็เล่นแต่พวกพิลาทิส โยคะ วิ่งก็รู้สึกสะเทือน ใช้เป็นเดินเร็วแทน แต่ที่ยากที่สุดคือการลดน้ำหนัก น้ำหนักมีผลต่อการกดทับ ถ้าเราออกกำลังกายตลอดเวลามันอาจจะมีการพัฒนากล้ามเนื้อเพื่อรับน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น แต่พอผมเล่นกีฬาน้อยลง แล้วน้ำหนักมันมากเท่าเดิม ตลอดเวลา 13 ปีที่ผ่านมาของการเป็นบุดดาเบลส มันทำให้ผมอ้วนนะ เพราะวิถีชีวิตผมเปลี่ยน ผมนอนดึก ก็เลยติดนิสัยกินดึกไปด้วย คือไม่ได้โทษใคร โทษตัวเองหมด น้ำหนักเพิ่มมา 10 กว่ากิโล ตอนแรกก็ไม่ได้รู้สึกอะไรหรอก อวบๆ แน่นๆ แต่จริงๆ มันคือการสะสมการบาดเจ็บของหลัง ของเข่า ของข้อเท้า ทุกอย่างหมดเลย"

เผยสัญญาณเตือนครั้งแรก
"ตอนแรกมันแค่จี๊ดๆ แล้วถ้าเกิดเป็นตามแขน ตามขา มันก็จะเป็นปลายนิ้วชา มือชา แล้วก็ไฟช็อต มันเหมือนปลายประสาทถูกกระตุ้น เหมือนโดนไฟดูดแรงๆ แต่ว่าหลังไม่ใช่ไฟดูด แต่จะเป็นถ้าเราขยับผิดจุดมันจะจี๊ดขึ้นมา จี๊ดจนเราเองก็เกร็งระวังไปเลย แล้วถ้าบังเอิญผมไปเล่นกีฬาอะไรแรงๆ โดยที่ไม่วอร์มให้พอ ร่างกายเรามันฉลาดมากพอที่จะป้องกันการบาดเจ็บของกระดูกกับเส้นประสาท กล้ามเนื้อจะรัดแน่นทันที ตัวผมจะเกร็ง ต้องเดินตัวแข็ง นั่นคือร่างกายพยายามช่วยเราแล้ว"

"หมอบอกวิธีกายภาพมาหมดแล้ว เวลาไปฟิตเนสก็จะแจ้งครูไว้ก่อน ผมไม่ผ่าเพราะยังกลัวเรื่องผลข้างเคียง ซึ่งก็คืออาการชาในบางส่วนเกิดขึ้นตลอดชีวิต แต่ก็ยังสามารถใช้งานได้ เช่น นิ้วอาจจะชาตลอดชีวิต แต่ก็ยังใช้ได้ ซึ่งค่าผ่าตัดแพงมาก จุดหนึ่งที่ผมเช็กคือ 2 แสนบาท แต่ผมมีประกัน แต่ผมก็อยากจะลองศึกษาวิธีธรรมชาติดูก่อน ตัดสินใจไว้แล้วว่าถ้าไม่ดีผมจะผ่า"

"พอทำกายภาพก็ดีขึ้นมากครับ ช่วงที่ตั้งใจนะครับ ส่วนช่วงที่ไม่ตั้งใจก็มีเพราะงานเยอะ ช่วงสงกรานต์ ปีใหม่ เราเลยใช้ร่างกายหนัก เรื่องส่งผลระยะยาวผมให้เวลามันเอาไว้ จุดหนึ่งให้ 1-2 ปี ซึ่งจุดแรกผมไม่ผ่า ตอนนี้ดีขึ้นมาก แต่ก่อนผมเจ็บ 8 ตอนนี้ผมเจ็บแค่ 1 แต่อาการชายังมีอยู่ ผมเข้าใจว่ามันไม่ร้อยอยู่แล้ว แต่ตรงหลังเคยดีขึ้นมา แต่มีช่วงหนึ่งงานเยอะ แล้วช่วงนี้ก็เริ่มดีขึ้นมาอีก"

พบการรักษาแบบใหม่ "เรกิ พลังธรรมชาติ"
"แต่ตอนนี้ผมมีวิธีการรักษาใหม่อีกแบบหนึ่งครับ บังเอิญเป็นน้องที่สนิทกันมากๆ แนะนำ เป็นการรักษาแบบเรกิ พลังธรรมชาติจากคน ซึ่งเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ใครไม่เชื่อไม่เป็นไร โดยวิธีคือเขาจะใช้พลังธรรมชาติในการรักษา แล้วผมดันรู้สึกดีกับมันในการรักษาแบบนี้ ก็เพิ่งเริ่มรักษากับน้องเขา น้องเขาก็บอกว่าให้พี่มาหาเขาบ่อยๆ เพราะอาการของผมเยอะมาก"

"เรียกการรักษาแบบเรกิ เอาตามความเข้าใจผมเลยนะ ผมแบบไม่รู้เลย มันคือพวกความเชื่อ ไปถึงปุ๊บน้องเขาก็จะให้ผมนอนหรือนั่งแล้วแต่ว่าจุดไหนที่เจ็บ แล้วเขาจะใช้พลังในลักษณะของเขามอง สมมุติว่าเราปวดหัว ในสิ่งที่เขามองเห็นในจิตของเขาจะเห็นเป็นควัน เป็นหมอกดำๆ รอบหัวผม แล้วเขาใช้วิธีการหยิบออก หยิบออก ซึ่งทั้งหมดมันคือความเชื่อแล้วแต่เลย แต่วันนั้นเป็นวันที่ผมกำลังจะเข้าช่วงปีใหม่ ซึ่งงานชุกมากทำให้เป็นหวัดขึ้นจมูกลงคอ แบบไม่ไหวทำไงดีเพราะงานคอนเสิร์ตเพียบเลย น้องเขาไปทำให้ผมก็หยิบออก หยิบออก สิ่งที่เกิดขึ้นคือน้ำมูกผมยังมี แต่ผมเจ็บโพรงจมูกกับเจ็บคอหาย"

"ทำครั้งหนึ่งประมาณ 1-2 ชั่วโมง แล้วแต่จุด อย่างผมเป็นทั้งตัว ก็อาจจะต้องโดนถึง 2 ชั่วโมง สมมุติถ้าเราเป็นจุดเดียวก็อาจใช้เวลา 20-30 นาที อะไรอย่างนี้ เสร็จแล้วเขาก็ต้องไปทำบุญ ปฎิบัติธรรมอะไรของเขา"

ทึ่งรักษาคนที่เป็นโรคซึมเศร้า ยันญาติป่วยมะเร็ง อาการดีขึ้น
"ถามว่าเขาเคยรักษาให้ใครมาก่อนไหม เมื่อก่อนน้องเขาทำงานด้านออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง ซึ่งเป็นคนดิจิทัลสุดๆ แล้วเขาไปบังเอิญเจอเรื่องอะไรพวกนี้ขึ้นมา เขาก็เลยสนใจลองศึกษาดู ทุกวันนี้น้องเขายังบอกผมว่าทำงานออนไลน์มาร์เก็ตติ้งเป็นรองแล้วพี่ งานหลักๆเป็นรักษาคนแล้วพี่ เพราะงานเรกิมันดีมาก เคสล่าสุดเลยน้องเขากำลังรักษาคนที่เป็นโรคซึมเศร้า เราก็ถามเฮ้ยได้เหรอ เขาก็ตอบว่าได้พี่ และดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อวานผมก็เพิ่งเอาของปีใหม่ไปให้เขา น้องก็บอกว่ากำลังจะไปมหาสารคามที่บ้าน ญาติเป็นมะเร็งขั้นที่ 3-4 แล้ว ผมกลับไปทำให้เขาอาการดีขึ้น ของแบบนี้มันแล้วแต่ความเชื่อ ผมพก็พร้อมที่ทดลองเพราะไม่เสียอะไร"

ค่ารักษาแล้วแต่จะให้
"ค่ารักษาแล้วแต่จะให้ เพราะเงินนั้นก็ต้องเอาไปทำบุญ มันเป็นเรื่องของความรู้สึกเขา เขารู้สึกดีที่ได้ช่วยเหลือคนอื่น ซึ่งเขาก็จะมีกลุ่มคนแบบนี้ที่เขาศึกษาเรกิแบบจริงจัง ผมก็ว่ามันก็ดีนะ ของพวกนี้มัน ต้องลองด้วยตนเอง เพราะบางคนอาจจะรักษาไม่หายก็ได้ เหมือนที่บอกหมอเก่งระดับประเทศอาจจะรักษาไม่หายก็ได้ ผมลองไม่ได้เสียหายอะไร อีกอย่างเป็นน้องที่สนิทกับผมมากๆ มันจะมาโกหกมาแกล้งผมเพื่ออะไร ไม่มีอะไรต้องเสียหากเรารู้สึกดี เดียวจะเข้าคอร์สใหญ่อีกสักพัก เดียวถ้าดีขึ้นจะบอก"

เผยเรื่องขนลุก ผีตัวไหม้เกรียมจากไฟไหม้ตามติด ทำบุญให้ตลอด
"เรื่องทำบุญผมก็ทำอยู่เรื่อยๆ ทำบุญทำทาน ถ้าพูด เดี๋ยวจะสวนทางกับความเป็นบุดดาเบลส เอาจริงๆ ผมมีเพื่อนสายนี้เยอะ สายที่เห็นและสื่อสารได้ และบอกให้เราไปทำอะไร มันก็เป็นประสบการณ์ส่วนตัว มีเพื่อนอีกคนหนึ่งที่ผมไว้ใจมากๆ ขณะที่ดูแลเรื่องการเงินของผมด้วย ตลอดจนดูแลชีวิตผมเกี่ยวกับการงาน ตอนนั้นผมก็ไปก็มีคนทักว่า พี่โต้ง เฮ้ย มากับใคร เราก็ถามว่าเฮ้ย มายังไง เขาก็บอกว่ามาแบบตัวไหม้ๆ ผมก็คิดว่าเขาต้องอยู่แถวนี้แหละ เพราะมีคนเห็นตลอด"

"เพื่อนถามว่าตอนที่ซานติก้าไหม้แกอยู่ไหน ซึ่งผมไม่ได้ทำงานที่ซานติก้าช่วงนั้น เขาดูชุดเลยไม่แน่ใจว่ามาจากอีกภพรึเปล่า เพราะว่ามาแบบตัวไหม้ๆ ไหม้ไฟ อาจจะไม่ใช่เจ้ากรรมนายเวร แต่น้องเขาบอกว่าเขาตั้งใจทำให้เราเจ็บ ให้เราใช้ชีวิตแบบไม่มีความสุข กับการเจ็บปวดร่างกาย เชื่อไหมวันที่น้องเขาทำให้ครั้งแรก พี่เขาไปยืนอยู่ตรงโน้นนะตอนที่ผมทำให้ และอีกครั้งหนึ่งที่ไปทำน้องเขาก็บอกว่าบ้านผมมีพระพิฆเนศ รวมทั้งน้องเขาก็บอกว่าตัวผมมีพระพิฆเนศคุ้มครองอยู่ สอดคล้องกับตัวเองที่นับถืออยู่แล้ว ทุกวันนี้เวลาผมไปทำบุญก็แผ่เมตตามให้เขาตลอดเวลา เพราะผมก็ไม่รู้ว่าผมไปทำไรให้เขาขณะไหน เป็นความสบายใจของผม แล้วแต่ความเชื่อ"








กำลังโหลดความคิดเห็น