ขณะที่อุตสาหกรรมโฆษณาปัจจุบันเม็ดเงินจากสื่อออนไลน์ เริ่มตีกลับเพราะไม่สามารถสร้างการรับรู้แบรนด์ หรือ โปรโมชั่นสินค้าได้ดีอย่างที่คาดหวัง กลุ่มธุรกิจค้าปลีกที่เคยทุ่มเงินโฆษณาออนไลน์ลงไป จึงต้องหันมายืนหยัดกับการโฆษณารูปแบบเดิม หรือการโฆษณาตามท้องถิ่น (Local Advertising) ภายใต้รูปแบบออฟไลน์ ไม่ว่าจะเป็น การทำป้ายโฆษณากลางแจ้งขนาดใหญ่ (Cut-Out) โปสเตอร์ (Poster) ฯลฯ ที่เหมาะสำหรับสินค้าหรือบริการมากกว่า และการนำเทคโนโลยี 3D และระบบไฟไดนามิค เข้ามาช่วยดึงดูดความสนใจ จึงเป็นกลยุทธ์ที่น่าจะตอบโจทย์ทางธุรกิจมากที่สุด
หทัยกานต์ หลิมวิจิตร กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง บริษัท ฟิเรนเซ่ ทรีดี อิมเมจิเนชั่น จำกัด (Firenze 3D Imagination) กล่าวว่า ในฐานะผู้ผลิตและออกแบบป้ายดิสเพลย์ 3D ‘Hyper Vista 3D’ และระบบไฟไดนามิค ‘Hyper Dynamic Light System’ พบว่าเทคโนโลยี HYPER เข้ามามีบทบาทอย่างมากในการดึงดูความสนใจหรือ ‘Draw Attention’ ผู้คนยุคสังคมรูดเลื่อนและกดข้ามอย่างที่เป็นอยู่ ยิ่งเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เรายิ่งต้องเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนที่ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา พร้อมที่จะปรับตัว สามารถวางกลยุทธ์ได้อย่างเหมาะสม ให้สองคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ปัจจุบันเป็นยุคของ Disruptive Technology ความเสี่ยงในอนาคตที่เทคโนโลยีใหม่เกิดขึ้น คือสิ่งสำคัญที่สุดที่ทุกธุรกิจต้องรับมือ เตรียมความพร้อมกับสิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่แค่ความอยู่รอดอย่างเดียว แต่เป็นความพร้อมในการที่จะสร้างโอกาสจากเทคโนโลยีใหม่ๆ ด้วย
“ธุรกิจขายของออนไลน์จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด ส่งผลให้ธุรกิจค้าปลีกต้องปรับตัวอย่างหนัก เนื่องจากการแข่งขันที่สูงขึ้น รูปแบบการดำเนินการทางธุรกิจก็ต้องปรับให้เหมาะสม และรูปแบบการโฆษณาก็ต้องเปลี่ยนแปลงไม่ใช่แค่ออนไลน์เพียงอย่างเดียว แต่ออฟไลน์ก็ต้องปรับไปตามเทรนด์โลกเช่นกัน เพื่อให้สามารถ ‘Draw Attention’ ได้รวดเร็วเช่นกัน ยิ่งกับธุรกิจค้าปลีกที่มีหน้าร้านแล้วยิ่งต้อง ให้ผู้บริโภคสามารถอินเตอร์แอ็คทีฟกับสินค้าได้ทันทีที่เห็น ซึ่งปัจจุบันนี้เทคโนโลยี 3D และ Dynamic Light System กำลังได้รับความนิยมอย่างสูง เพราะสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค สร้างสีสันให้ชีวิต สร้างความน่าสนใจ เพิ่มความสะดวกสบาย เติมความแปลกใหม่ในการนำเสนอสินค้าหน้าร้าน หรือ ในพื้นที่สาธารณะได้ดี ที่สำคัญเมื่อเทียบราคาค่าใช้จ่ายในการทำตลาดหรือการสร้างแบรนด์แบบเดิมๆ ก็ยังถือว่าเพิ่มขึ้นไม่มากอีกด้วย”
เพราะเป็นการฉีกภาพลักษณ์โฆษณา Indoor / Outdoor แบบเดิมๆ สร้างความสมจริงได้ตามจินตนาการ กระตุ้นความรู้สึก และสามารถสร้างปฏิสัมพันธ์หรืออินเตอร์แอ็คทีฟอย่างที่ หทัยกานต์ ได้กล่าวเอาไว้ในตอนต้น ดูเหมือนว่าถนนสายอุตสาหกรรมโฆษณาทั่วทั้งโลก (ทั้งออฟไลน์และออนไลน์) กำลังก้าวเข้าสู่เทคโนโลยี 3D และระบบไฟไดนามิค อย่างเต็มรูปแบบ ดังนั้นเจ้าของธุรกิจที่พร้อมปรับตัวและเข้าใจเท่านั้นจึงจะเป็นผู้อยู่รอดและได้ไปต่อ
ข้อมูลจากเว็บไซต์การตลาดชื่อดัง marketwatch ได้ประเมินการขยายตัวของเทรนด์ตลาดดิสเพลย์ 3D และระบบไฟไดนามิคทั่วโลก ตามอัตราโดยเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ระหว่างปี 2018-2023 ไว้อย่างแข็งแกร่งถึง 18.4% ต่อปี โดยเฉพาะการนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ทั้งด้านการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ต่างๆ ซึ่งธุรกิจดังกล่าว จะช่วยสร้างการเติบโตและขยายโอกาสทางการค้าไปสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์กับแบรนด์หรือสินค้า จากกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกทั้งขนาดกลางและขนาดใหญ่ได้สะดวกมากขึ้น
แม้เทคโนโลยี 3 มิติและระบบไฟไดนามิคกำลังเป็นเทรนด์โลกและได้รับความนิยม แต่ในประเทศไทยเองยังขาดผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้ทั้งในด้านซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ อยู่เป็นจำนวนมาก หากจะนำเทคโนโลยี 3 มิติและระบบไฟไดนามิคเข้ามาใช้ ควรทำการบ้านและมองหาพาร์เนอร์ที่เชี่ยวชาญจริงๆ และน่าเชื่อถือได้ เข้ามาช่วยให้คำปรึกษา และให้บริการ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตรงกับความต้องการและดีที่สุด กับต้นทุนที่เสียไป
"เป็นไปได้ควรเลือกบริษัทที่อยู่ในวงการของเทคโนโลยีมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ว่าเป็นผู้นำเข้าสินค้าประเภทนวัตกรรมเทคโนโลยี เพราะประสบการณ์เหล่านี้ จะทำให้บริษัทมีความเข้าใจการทำงานของเทคโนโลยีและเข้าใจในเชิงลึกของกระบวนการผลิตด้วย ทำให้สามารถควบคุม พัฒนาการผลิตตามไอเดียและคอนเซ็ปต์ได้ตรงกับความต้องการในทุกขั้นตอน รวมถึงสามารถต่อยอดสินค้าปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ยิ่งถ้าเป็นบริษัทที่มีพาร์ทเนอร์ด้านเทคโนโลยีทั้งในและต่างประเทศ ก็จะยิ่งมั่นใจได้ว่าบริษัทเหล่านี้จะอยู่ในเทรนด์ของเทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่เสมอ"