"ฟรอยด์" เปิดใจ ไม่ใช่ผู้ต้องหาคดีมอมยา นศ. เป็นแค่พยานที่อยู่ในเหตุการณ์ ลั่นหน้าอย่างผมจะไปมอมยาใคร อยู่วงการ 15 ปี ไม่เคยแปดเปื้อนเรื่องยา-ผู้หญิง เผยพกแค่หมากฝรั่งกันปากเหม็น ไม่มีเยลลี่ผสมกัญชา เข็ดนั่งกับคนแปลกหน้า โอดถูกยกเลิกงาน โยนให้เจ้าหน้าที่กฎหมายจัดการ - ภาพลักษณ์เสื่อมเสีย
ตกเป็นข่าวใหญ่เลยทีเดียว หลังจากถูกนศ. สาวรายหนึ่งออกมาโพสต์แฉทำนองว่าถูกมอมยาที่ร้านอาหาร หลังจากรับเยลลี่จากดาราดัง ฟ. มารับประทาน มีอาการเบลอ หน้ามืด ใจสั่น เหมือนหัวใจจะหยุดเต้น ก่อนหวยจะมาออกที่ "ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์" เพราะมีภาพจากกล้องวงจรปิดที่ระบุว่าเป็นเจ้าตัว ล่าสุดในงานเปิดบูธเครื่องเสียงติดรถยนต์ Kenwood ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปร 2019 ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ (ฮอลล์ 3) อิมแพ็ค เมืองทองธานี หนุ่มฟรอยด์ก็ขอเปิดใจเคลียร์ความจริงอีกด้าน ยันเป็นแค่พยาน ไม่ใช่ผู้ต้องหา พ้อหน้าอย่างผมจะมอมใครได้
"ขอบคุณพี่ๆ ทุกคน ที่เราได้มาเจอกัน ที่ผ่านมาผมยังไม่ได้ออกมา เพราะว่าผมติดถ่ายละคร สิ่งที่เกิดขึ้น ผมเป็นเพียงแค่พยานที่อยู่ในเหตุการณ์เท่านั้น แล้วผมก็แสดงความบริสุทธิ์ใจในการไปให้ปากคำกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น"
"วันนั้นผมแค่ไปกินข้าวคนเดียวจริงๆ แล้วบังเอิญเจอกัน ส่วนตัวผมไม่ได้รู้จักน้องเขาเป็นการส่วนตัวเลย แล้วผมไม่รู้ว่าเรื่องราวมันมาเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร แล้วเรื่องที่เกิดขึ้น มันเป็นภาพเราตอนเบลอๆ มันก็มีข่าวว่าดารา ฟ. พันล้าน เราว่ามันเป็นเราแล้ว เราก็ออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าเราอยู่ในเหตุการณ์จริง แต่ไม่ได้มีส่วนรู้เหตุอย่างที่โดนกล่าวอ้างแบบนั้น"
แย้งนศ. ไม่ได้ยื่นเยลลี่ให้ แทบไม่ได้คุยกัน
"ไม่มีเลยครับ ผมนั่งกินของผม แล้วก็นั่งคุยกับรุ่นน้องที่อยู่ในร้าน แล้วบังเอิญเจอกับรุ่นน้องในร้าน ไม่มีขนมเลยครับ (แต่มีการร่วมโต๊ะกัน?) คือผมนั่งอยู่ก่อน รุ่นน้องคนนี้ผมก็รู้จักและไม่ได้เจอกันนาน เขาก็มานั่งด้วยกัน น้องที่เป็นผู้หญิงผมไม่ได้รู้จัก และก็แทบไม่ได้คุยด้วยเลยครับ"
ไม่ทราบเยลลี่มีส่วนผสมกัญชา
"ผมไม่ทราบเลยครับ แล้วผมก็ไม่ได้สนใจด้วยครับ ถ้าถามอาการปกติน้อ น้องเขาบอกแค่ว่าหนาว เหมือนจะหน้ามืด ส่วนน้องผู้ชายที่เราเจอ เขาก็พาน้องผู้หญิงไปโรงพยาบาลเราก็รู้เท่านั้น แล้วพอเรื่องเกิดมาเมื่อวันจันทร์ ซึ่งเรื่องค่อนข้างใหญ่โต เราก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วมันมาเกี่ยวกับเราได้อย่างไง แล้วมีการมาพาดพิงถึงเรา เราก็แสดงความบริสุทธิ์ใจ บอกสิ่งที่เรารู้ และเป็นพยานในเหตุการณ์เท่านั้นเองครับ"
ออกมาปกป้องภาพลักษณ์ แค่พยานที่อยู่ในเหตุการณ์
"มันก็มีข้อโต้แย้ง เพราะว่ามันเป็นร้านเดียวกับที่เราไปอยู่แล้ว ผมรู้สึกว่าเราต้องออกมาปกป้องภาพลักษณ์และชื่อเสียงของเรา นั้นคือสิ่งที่ผมออกมา ที่ผมออกมาตรงนี้ ผมอยากให้พี่ๆ สื่อเข้าใจว่าเราเป็นเพียงแค่พยานในเหตุการณ์จริงๆ"
ถูกสอบสวนปกติ
"พูดเหมือนคนที่อยู่ในเหตุการณ์ปกติ บอกว่าเกิด อะไรขึ้น เหตุการณ์มันเป็นอย่างไรบ้างเท่านั้นเอง"
ไม่กังวล เพราะบริสุทธิ์ใจ ไม่มีขนมด้วยซ้ำ
"ผมบริสุทธิ์ใจอยู่แล้ว เพราะว่าผมไม่ได้เป็นคนทำ และขนมมันก็ไม่ได้มีด้วยซ้ำ ผมเห็นภาพในสื่อ ยังคิดว่าเอ๊ะ... เอามาจากไหน สื่อไปดึงภาพมาจากไหน ผมไม่ทราบครับ (ยืนยันว่าวันนั้นที่เรานั่งกินไม่ได้มีเยลลี่กัญชา?) ไม่มีครับ"
ไม่ได้เคลียร์กับนศ.
"ไม่ได้คุยครับ เพราะผมรู้สึกว่าเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เขาจะดำเนินการสืบสวน สอบสวน ต่อไป เราบริสุทธิ์ใจว่าเราเป็นพยานในเหตุการณ์แค่นั้นเอง"
โยนเจ้าหน้าที่กฎหมายดูแลเรื่องกฎหมาย เพราะภาพลักษณ์เสียไปแล้ว
"ก็ให้เจ้าหน้าที่กฏหมายที่ดูแลเรื่องนี้ดูแลอยู่ เพราะเรื่องภาพลักษณ์เราเสียไปแล้วแน่นอน อาจจะกลับมาไม่ได้ แต่อย่างน้อยตรงนี้ก็เป็นพื้นที่ที่เราบริสุทธิ์ใจที่จะออกมาพูด มาปกป้องชื่อเสียงและผลประโยชน์ส่วนตัว เพราะก็มีเรื่องของงานในอนาคต พรีเซ็นเตอร์ ค่ายโทรศัพท์ต่างๆ อีกเยอะ"
กระทบจิตใจครอบครัว คนรอบตัวเสียความรู้สึก
"กระทบจิตใจครอบครัวผมมากกว่า เราเป็นคนที่รักครอบครัวมาก รักเพื่อน ดูแลทุกคน ชอบให้เสียงหัวเราะทุกคน พอวันหนึ่งเกิดเรื่องไม่ดีกับชีวิตเรา คนรอบตัวเราก็เสียความรู้สึกกับสิ่งที่มันออกไป แต่เราก็ต้องเข้มแข็งพอที่จะฝ่าฟันเรื่องพวกนี้ไปให้ได้ เข้าใจว่ามันก็มีการเอี่ยวด้วยชื่อของเราที่เอาไปใช้ เอาไปอ้าง"
"เรื่องดำเนินคดีกับน้องก็คงไม่ครับ เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว เพราะผมก็เป็นผู้บริสุทธิ์ใจว่าเป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เท่านั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าผมเป็นเพียงแค่พยาน ไม่ได้โดนหมายเรียก ไม่ได้มีข้อกล่าวหา ไม่ได้มีคดี เอาง่ายๆ ภาษาชาวบ้านไม่ได้พิมพ์ลายนิ้วมือ ไม่ได้เป็นผู้ต้องหา เป็นแค่พยาน"
ไม่รู้มีกัญชาในตัวนศ.
"อันนี้ผมไม่รู้ ต้องให้เจ้าหน้าที่สอบสวนเขาจัดการเอง อาจจะไม่รู้ว่ามาจากไหน หรือเจือปนเอง ผมเองก็ไม่ทราบ อาหารบนโต๊ะวันนั้นที่เรากินกัน ไม่มีกัญชาเจือปน ก็อาหารปกติทั่วไปเลยครับ ผมไม่ได้ร่วมทานอะไรกับเขา ผมก็กินของผม เขาก็สั่งของเขาเอง แล้วมันก็เป็นร้านที่เรากินประจำอยู่แล้ว จริงๆ มันก็เป็นไปได้หลายแบบนะพี่ เขาอาจจะแพ้หรืออะไร แล้วเราก็ไม่รู้ว่าน้องเขาไปที่ไหนมาก่อน เพราะว่าผมก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น"
ซื้อขนมติดกระเป๋า พวกหมากฝรั่งลูกอมกันปากเหม็น ไม่มีเยลลี่ผสมกัญชา
"ปกติผมเป็นคนมีขนมติดกระเป๋าอยู่แล้ว พวกขนมขบเคี้ยว หมากฝรั่งลูกอม เรากินข้าวก็อม กันปากเหม็น ไม่มีเยลลี่เลยครับ"
รับกระทบงาน ถูกแคนเซิล
"ผลประโยชน์ไงครับ มันก็มีคอนแท็กบางอย่างที่เกี่ยวกับภาพลักษณ์ขององค์กร ค่ายโทรศัพท์ใหญ่ๆ ผมก็ฝากพี่ๆ ด้วยว่าผมออกมาในฐานะที่แสดงความบริสุทธิ์ แล้วก็บริสุทธิ์ใจที่จะให้ปากคำแล้วก็ทำให้เรื่องนี้มันดำเนินไปเร็วที่สุด ก็มีถูกแคนเซิลงาน แต่ว่าเป็นการตกลงกันในอีกรูปแบบนึง แต่ถือว่าแคนเซิล 100 เปอร์เซนต์เลยไหม ไม่ได้เงินเลยไหม ก็อันนี้ก็เป็นเรื่องการตกลงกับผู้จัดการครับ ผมไม่ได้สนใจ"
ไม่รู้ทำไมน้องนศ. ต้องทำแบบนี้
"ก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ ถามว่าโกรธไหม เราไม่โกรธครับ แต่ว่าตกใจมากกว่าว่าเราไปอยู่ตรงนั้นได้ยังไง ก็บริสุทธิ์ใจ ก็ให้ความร่วมมือตำรวจเราเป็นเพียงแต่พยานในเหตุการณ์จริงๆ ตำรวจก็บอกว่าผมเป็นแค่เพียงพยาน ถ้าพี่ๆ ต้องการอะไรเพิ่มเติม รบกวนพี่ๆ ไปสอบถามเจ้าหน้าที่สืบสวนดีกว่า"
ลั่นหน้าอย่างผมจะไปมอมยาใคร อยู่วงการ 15 ปี เซฟตัวเอง ไม่เคยแปดเปื้อนเรื่องยา-ผู้หญิง
"ถามว่าเข็ดไหม กับการให้คนอื่นที่ไม่รู้จักมานั่งร่วมโต๊ะ เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เกิดตอนกลางคืนนะ ส่วนใหญ่ผมก็เป็นคนเซฟตัวเอง เพราะผมก็อยู่วงการมา 15 ปี เรารู้สึกว่าเราไม่เคยมีเรื่องแปดเปื้อนเรื่องยาหรือผู้หญิง คือหน้าอย่างผมเหรอจะไปมอมยา ไปมอมตัวเองดีกว่าไหม ก็คิดเสียว่ามันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราแข็งแรงขึ้นในวงการดีกว่า"
ต่อไปจะระวังคนแปลกหน้าที่เข้ามาในชีวิต
"ถ้าคนที่รู้จักผมจริงๆ ก็จะรู้ว่าผมเป็นคนอย่างไร ผมเป็นคนเฟรนด์ลี่ และเวลาเจอใครเราก็อยากทำให้เขามีความสุขเวลาเจอเรา ถ้าทุกคนเชื่อก็คือเชื่อในตัวผม แต่เราไปบังคับความคิดคนอื่นไม่ได้ ในสิ่งที่เขาคิด ผมเชื่อว่าถ้าเราเจอกันมาตั้งแต่เด็ก น่าจะรู้กันดีว่าช่วงชีวิตผมเจออะไรมาบ้าง ผมเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี อยากให้ทุกคนรอบตัวมีความสุขมากกว่า ซึ่งผมคิดว่าในสิ่งที่เกิดขึ้น อาจทำให้ผมโตขึ้น หรือ เป็นสิ่งที่สอนเราว่า ต่อไปนี้เราควรจะต้องระวังเรื่องคนแปลกหน้าที่มาร่วมโต๊ะ หรือว่าเข้ามาในชีวิตเรา"
ไม่ได้คุยกับหนุ่มคนสนิทที่อยู่ในเหตุการณ์
"ไม่เลย คือต่างคนต่างทำงาน เขาก็ทำงานของเขาผมก็ทำงานของผม ช่วงนี้ผมยุ่งมาก ถ่ายละครหลายเรื่องมาก และค่อนข้างเหนื่อย อย่างที่บอก กับน้องผู้ชายเราก็ไม่สนิทมากขนาดที่จะโทร.หาทุกวัน เขาก็เป็นแก๊งจักรยาน เป็นเพื่อนๆ กันเท่านั้นเอง ก็ไม่อยากให้ไปพาดพิงอะไรเขามาก ถามว่ามั่นใจไหมว่าเขาไม่ได้ทำ อันนี้ไม่รู้ ก็ให้ถามเจ้าหน้าที่ดีกว่า"
"ถามว่าที่ออกมาชี้แจงช้าเพราะก่อนหน้านี้เราไม่พร้อมที่จะออกมาใช่ไหม ผมฟันไม่ได้ เพราะผมไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตอนนี้ผมแค่ออกมาบอกพี่ๆ ว่าผมเป็นพยานในเหตุการณ์เท่านั้นเอง ถ้าอยากรู้อะไรเพิ่มเติมให้ไปถามเจ้าหน้าที่สอบสวนดีกว่า เจ้าหน้าที่ไม่มีเรียกสอบเพิ่มครับ"