นี่หรือ 70-30 “อาม ชุติมา” แถลงโต้ “นายห้างประจักษ์” ให้ค่าตัวมากสุดแค่หมื่นห้า มโนบอกให้เงิน 7 แสน สุดทนส่งภาพลับให้แฟนคลับ จัดฉากกล่าวหาขโมยสัญญา ยอมรับเสียรู้ซื้อขาด “ผู้สาวขาเลาะ” ด้านแม่ยันอีกฝ่ายไม่ให้อ่านสัญญาก่อน นักปั้น “ลำไย ไหทองคำ” แฉซ้ำอีกฝ่ายจดสัญญาซ้อน เมื่อก่อนชื่อ “หอยแครง” จวกประจักษ์ชุบมือเปิปเป็นลิงหลอกเจ้า เจ้าของค่ายพีทีฯ แฉ ฉันนี่แหละพาลำไยไปงัดดั้งก่อนถูกเท งงอีกฝ่ายอ้างให้เงินกว่าแสนโดยเสน่หา ซัดพ่อยังไม่เคยดูแล แล้วมึงเป็นใคร
มหากาพย์ดรามาเรื่องนี้ยาวแน่ สำหรับกรณีที่นักร้องนักแต่งเพลง “อาม ชุติมา” ออกโรงแฉ “นายห้างประจักษ์ เนาวรัตน์” จนสะเทือน เผยปมแตกหักขัดกันเรื่องผลประโยชน์ 70-30 ไม่เคยได้ตามที่ตกลง อีกทั้งเพลง “ผู้สาวขาเลาะ” ที่ตนแต่งดังสะเทือน ยอดวิวสูงถึง 600 ล้านวิวก็ไม่ได้เงินสักบาท ดูถูกสารพัด ต่อมาฝ่ายประจักษ์เดินสายออกรายการโต้กลับแซ่บ บอกไม่รักเหมือนลูกจะฟ้อง ในขณะที่ภรรยานายห้างประจักษ์ก็ออกมาเผยกับสื่อสำนักหนึ่งว่า อามขโมยสัญญา พร้อมยืนยันว่ามีหลักฐาน
อย่างไรก็ตาม ช่วงเช้าวันนี้ (31 พ.ค.) “อาม ชุติมา” ยกครอบครัวและบรรดาผู้เสียหายจากการกระทำของ “นายห้างประจักษ์” มารวมตัวกันแถลงข่าวขอความเป็นธรรม ณ บริษัท พีที เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ หมู่บ้านเศรษฐสิริ โครงการบี-อเวนิว เขตสายไหม อาทิ นายประภาส พิมพ์บูลย์ (เสลาภาสน์ ณ เสลภูมิ - ซ้ายสุด) , นายณรงค์วัฒน์ ยันตะพันธ์ (บ่าวเอก เมืองสกล - เสื้อเขียว), เหมียว เกษณี น้ำเงิน เจ้าของบริษัท พีที เอ็นเตอร์เทนเม้นท์, นายชายชมภู ไชยคำ (ชาย เสลภูมิ - ขวาสุด) พร้อมเผยว่าตนเสียรู้เรื่องการซื้อขาดเพลงผู้สาวขาเลาะ ทั้งที่ตอนแรก อีกฝ่ายบอกให้เซ็นกันคนอื่นนำไปหากินแอบอ้าง
อาม : “ปัญหามันมีมาสักพักใหญ่ๆ แล้วค่ะ เรื่องผลประโยชน์ค่ะ แล้วก็เรื่องการดูแล ทางค่ายไม่ค่อยดูแลเท่าไหร่ เวลาไปงานก็มีปล่อยไปงานเองบ้าง ขึ้นเครื่องบินคนเดียวบ้าง ส่วนเรื่องค่าตัวหนูคือ 70 : 30 หนู 70 ค่าย 30 ค่ะ แต่ที่ได้รับมามันไม่น่าจะถึง 70 ค่ะ ไม่แน่ใจว่ากี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยยืนยันว่าให้เราทุกบาททุกสตางค์”
เสียรู้เรื่องซื้อขาดเพลง “ผู้สาวขาเลาะ” บอกอีกฝ่ายให้เซ็นกันไว้ ไม่ให้คนอื่นนำไปแอบอ้าง ไม่ถามเรื่องส่วนแบ่งให้เกียรติและไว้ใจ แม่เปิดใจเป็นพยานแต่ไม่ได้อ่านสัญญา อีกฝ่ายยันไม่โกง
อาม : “หนูก็เพิ่งรู้ว่าหนูขายขาดตอนมีข่าวนี่แหละค่ะ ก็มีการเซ็นสัญญาค่ะ แต่เขาไม่ได้บอกว่าเขาซื้อกับหนู เขาให้หนูเซ็นสัญญาเพราะกลัวมีคนมาแอบอ้างเอาเพลงไป คือก่อนที่หนูจะตกลงเอาเพลงผู้สาวขาเลาะให้พี่ลำไยร้อง ก็ตกลงกันว่าจะขายงานคู่เป็นหนูกับพี่ลำไย ถ้าสมมติว่าเพลงมันดังหรือเป็นกระแสก็จะออกเป็นคู่พี่ร้องน้องแต่ง จะให้หนูขึ้นคอนเสิร์ตคู่กับพี่ลำไย และจะแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้เป็นงานๆ ไป เป็นคิวเหมือนกับอาจารย์แต่งเพลงที่ได้เปอร์เซ็นต์จากศิลปินค่ะ แต่ตั้งแต่เพลงดังมาเปอร์เซ็นต์ที่จะได้จากคิวพี่ลำไยก็ไม่ได้ค่ะ เพราะว่ามันเป็นสัญญาใจ เขาบอกว่ามันไม่มีในใบสัญญา”
“ส่วนแบ่งจากยูทิวบ์ไม่ได้จริงๆ ค่ะ แต่ก็มีการตกลงกันจริงๆ เขาบอกกับพ่อและแม่หนูด้วยว่าจะแบ่งรายได้ที่ได้จากยูทิวบ์ เพราะมันก็ได้เยอะ หนูก็ศึกษาระบบในการได้เงินจากยูทิวบ์มาเหมือนกัน ถามจากผู้รู้และพี่ๆ ในวงการที่พอจะมีประสบการณ์มาบ้างค่ะ ก็ไม่รู้เหมือนกันบอกเป็นจำนวนไม่ได้ แต่ก็เยอะพอสมควร แต่หนูไม่ได้เลยค่ะ เราไม่ได้ถามตั้งแต่แรกเพราะให้เกียรติว่าถ้าอาจารย์อยากให้อาจารย์คงจะให้เอง”
“เรื่องสัญญาก็มีเป็นลายลักษณ์อักษรค่ะ แต่ในสัญญาขายเพลงหนูไม่ได้อ่านค่ะ เพราะเขาบอกว่ากลัวคนจะมาแอบอ้างลิขสิทธิ์ กลัวคนมาแอบอ้างกลัวเพลงจะไปเป็นของเขา ก็คือเซ็นรับทราบว่าให้ค่ายดูแลเรื่องลิขสิทธิ์ แต่ถ้าหนูหมดสัญญากับค่าย ลิขสิทธิ์เพลงก็จะหมดไปด้วย คือจริงๆ หนูก็อ่านสัญญานะคะ แต่หนูไม่เข้าใจ คำว่าโอนสิทธิ์นี่ไม่เข้าใจจริงๆ และตัวอาจารย์เองก็บอกกับหนูว่าเซ็นกันไว้ไม่ให้คนอื่นมาแอบอ้าง ตอนนั้นมีคุณพ่อคุณแม่ พยานก็คือคุณพ่อคุณแม่ค่ะ”
แม่ : “แม่ก็ไม่ได้อ่านค่ะ เพราะอาจารย์บอกว่าไม่ต้องอ่านหรอก ผมไม่โกง ผมไม่ฟ้องอะไรคุณแม่หรอก เพราะถ้าผมจะฟ้องแม่ก็ไม่มีปัญญาหาเงินมาให้ผมหรอก เราก็เซ็นค่ะ เพราะเขาบอกว่าเพลงนี้ต้องให้ผมดูแลนะครับแม่ เพราะคนอื่นจะมาแอบเอาไป เขาพูดดูดีค่ะ ก็ไว้ใจทุกอย่าง 100% เลยค่ะ”
กลัวถูกฟ้องแต่มันอยู่ไม่ได้ เผยอีกฝ่ายเคยไล่ออก 4 รอบ จนร้องไห้ แต่แม่บอกให้อดทน
อาม : “หนูทำสัญญา 5 ปีค่ะ หลังจากที่หมดสัญญา หนูกับเพลงก็จะหมดสัญญาไปด้วยค่ะ เพลงก็จะเป็นของหนูค่ะ ตอนนี้ก็เหลืออีก 3 ปีค่ะ ถามว่าเราออกมาแบบนี้กลัวเขาจะฟ้องมั้ย ก็กลัวค่ะ แต่มันอยู่ไม่ได้แล้วค่ะ มันหลายอย่างค่ะ ก็มีเรื่องคับข้องใจอยู่ค่ะ อย่างเรื่องการดูแล และเคยไล่หนูออกด้วย ไล่ออก 4 รอบ ตอนนั้นเหมือนอารมณ์เขาไม่ค่อยดี หนูก็ร้องไห้นะ แต่แม่บอกให้อดทน แม่ก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วยค่ะ”
น้ำตาคลอ ไม่ได้ทะเลาะ “ลำไย” ไม่ได้อิจฉา แค่น้อยใจไม่ได้ในส่วนที่ตนควรได้
อาม : “น่าจะทราบเป็นบางเหตุการณ์ค่ะ เพราะพี่ลำไยก็แยกไปทัวร์คอนเสิร์ต หนูก็ไปทัวร์คอนเสิร์ต อยู่คนละที่ค่ะ (อีกฝ่ายบอกว่าเราน้อยใจไม่มีทุกอย่างเหมือนลำไย?) หนูไม่ได้น้อยใจที่หนูไม่ได้มีอย่างพี่ลำไย หนูแค่น้อยใจที่หนูไม่ได้ในส่วนของหนูค่ะ พี่ลำไยเคยซื้อทองให้หนูตอนที่เอาเพลงให้ร้องในช่วงแรกๆ ครึ่งสลึงค่ะ (ยิ้ม) แล้วก็อีกรอบหนึ่งเป็นตอนงานวันเกิดหนูเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้วก็ให้ทอง 1 บาท แล้วปีใหม่ที่ผ่านมาก็ให้ 1 บาท อันนี้คือที่พี่ลำไยให้ทองมาค่ะ”
“ตั้งแต่เกิดเรื่องก็ได้คุยกันค่ะ ก็บอกว่าจะไม่อยู่แล้วนะ (น้ำตาคลอ) เขาก็ร้องไห้ค่ะ ความสัมพันธ์ของหนูกับพี่ลำไยไม่ได้มีอะไรกันค่ะ ไม่มีปัญหาเลยค่ะ”
แจงทำจมูกเพราะมั่นใจไม่มีงาน หลังอีกฝ่ายบอกถูกยกเลิกงานทั้งหมด
อาม : “คือหลังจากที่หนูมั่นใจว่าหนูคงจะไม่มีงานยาวค่ะ เพราะเขาบอกว่าเขาจะยกเลิกทั้งหมด และทางเจ้าภาพก็โทร.มาสอบถามว่าหนูติดอะไรเหรอ หนูก็บอกว่าไม่ได้ติด แต่มีงานอะไรอาจารย์ก็ไม่ได้แจ้งมาอยู่แล้ว เพราะเขาจะบอกเป็นคิววันต่อวันค่ะ หนูก็เลยไม่รู้ ไม่เคยมีแพลนล่วงหน้าเลยค่ะ รู้เป็นคิวๆ ที่เขาบอกให้หนูไปทำช่วงหน้าฝน แล้วให้ทำงานก่อน อันนี้คืออาจารย์ไม่ได้แจ้งนะคะ อาจารย์เคยแจ้งตอนที่หนังผู้สาวขาเลาะกำลังถ่ายทำค่ะ บอกว่าถ้าถ่ายเสร็จก็จะให้ไปเสริมจมูก อาจารย์จะเป็นคนหาสปอนเซอร์มาให้ค่ะ”
“ตอนไปทำ หนูไม่ได้แจ้งอาจารย์ แต่หนูแจ้งพี่ตุ๊ด นานแล้วนะคะก่อนที่หนูจะรู้ว่ามีคิวงาน หนูบอกว่างั้นหนูขอล็อกคิวนี้ไว้ พี่ตุ๊ดก็ตกลง รับรู้ และพอถึงวันที่ 6 ประมาณช่วง 6 โมงเย็น เจ้าภาพก็โทร.มาถามว่าทำไมไม่ไปงาน หนูก็งงว่ามีงานด้วยเหรอ ก่อนหน้านี้เคยมีตารางงงานค่ะ แต่ช่วงก่อนหนูจะเสริมจมูกก็คือมีปัญหากันแล้วค่ะ มีปัญหากันประมาณ 1 เดือนก่อนหน้านี้ค่ะ ตั้งแต่ช่วงก่อนที่หนูไม่มีเสียง ที่เสียงหายไปเลยค่ะ”
โต้อยากดัง ไม่อยากสาวไส้ให้กากินด้วยซ้ำ
อาม : “หนูไม่อยากให้ใครรู้ด้วยซ้ำว่าปัญหาข้างในเป็นยังไง เพราะว่าหนูเก็บคนเดียวมานานพอสมควรค่ะ หนูก็ไม่ได้อยากให้ใครมารู้ความลับอะไรข้างใน ไม่อยากสาวไส้ให้กากิน ตัวเราเองก็ไม่อยากให้ใครมารู้ว่าเราเป็นอยู่ยังไง เราไม่โอเคเหรอ”
เจ้าของค่ายพีที เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ยันเป็นคนเสนอให้อามออกมาแถลงเอง
เหมียว : “อันนี้ต้องแก้นิดหนึ่งค่ะ เป็นความคิดของพวกเราเองที่อยากจะให้แถลงข่าว ไม่ใช่ความคิดของน้องค่ะ”
อาม : “ที่เขากล่าวหาว่าหนูไปตั้งค่ายเอง ทำเอง คือไม่ใช่นะคะ หนูเปิดแค่ช่องแชนแนลในยูทิวบ? และเอาคลิปวิดีโอ หรือคลิปที่ถ่ายเล่น หรือคลิปแสดงสดลงเฉยๆ ค่ะ เป็นคลิปที่ถ่ายจากมือถือเล่นๆ แล้วก็เอาลง เพื่อที่แฟนคลับจะได้เห็นความเคลื่อนไหวของเราตลอด จะได้ไม่เงียบ ไม่มีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวค่ะ เราไม่ได้สร้างรายได้จากยูทิวบ์ แค่สร้างเป็นแชนแนลขึ้นมาและเอาคลิปลงเฉยๆ ค่ะ หนูก็ให้เกียรติทางค่ายด้วย เราก็ไม่สร้างรายได้ตัดหน้าค่ะ”
ปัญหาหลักๆ คือขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์
อาม“ปัญหาหลักๆ ของหนูก็คือเรื่อง 70:30 ค่ะ หนูเซ็นกับเขา 3 เพลงค่ะ มี อดีตเคยพัง, ผู้สาวขาเลาะ และ ภาพเก่า ส่วนที่เขาบอกว่าแยกทีมมาแล้วไปแต่งเพลงให้คนอื่น ไม่ได้แยกทีมนะคะ คือคนที่หนูแต่งเพลงให้คือพี่ชายที่เคยเล่นกีต้าร์มากับหนู คือหนูเสียดายเพราะน่าจะมีกระแสมาด้วยกันตั้งแต่แรกๆ ก็เลยคิดว่าถ้าพี่มีบุญพอนะ เพราะว่าพี่ร้องเพลงไม่เพราะ ก็เลยแต่งเล่นๆ ขึ้นมาให้ แล้วบังเอิญมีกระแสระดับหนึ่งแถบภาคอีสานค่ะ”
เชื่อถูกจัดฉากให้เข้าไปเอาสัญญา ก่อนกล่าวหาว่าตนขโมย
อาม : “ในข่าวบอกว่าหนูไปขโมย คือแม่บ้านเป็นคนทักเฟสหนูมา บอกว่าจะเอาใบสัญญามาให้หนู แล้วก็อยากมาอยู่กับหนู ตามจริงหนูก็อยากได้สัญญาอยู่แล้วด้วย ก็เลยถามว่าแล้วจะให้หนูทำยังไง คือแม่บ้านนี่ก็อายุ 16-17 ปี ก็ยังเป็นเด็กกว่าหนูอีก เขาอยากให้หนูเข้าไปเอาสัญญาในบริษัท หนูก็คิดแล้วว่ามันแปลกๆ หนูก็ยังเอะใจว่าทำไมมันง่ายจัง น้องเขาก็บอกว่าเป็นพรุ่งนี้ เพราะพี่แอน (เจ้าของค่าย) มาแล้ว เขาก็ถ่ายรูปใบลิขสิทธิ์เพลงมาให้หนู น้องก็เลยบอกให้หนูเข้าไปเอาเองแล้วเขาจะบอกว่าอยู่ที่ไหน ก็คือให้พ่อริน ที่เป็นคนขับรถของหนูเข้าไปเอา ก็คิดอยู่ว่ามันยังไง เหมือนเป็นแผน แล้วน้องก็ยังทักมาอีกให้หนูเข้าไปเอา แต่หนูก็ไม่ได้ตอบเฟส แล้วก็ไม่ได้เข้าไปเอาค่ะ”
โวยให้เงินจริง ไม่ถึง 7 แสน แถมเคยขอคืนสัญญา อีกฝ่ายบอก 2 ล้านก็ไม่ให้
อาม : “เรื่องงานหนูก็ยังไม่ได้รับเลยค่ะ รอเคลียร์ก่อนค่ะ รอให้ผู้ใหญ่คุยกันค่ะ และหนูขอชี้แจงเรื่องเงินที่อาจารย์บอก 700,000 บาทนะคะ คือให้จริงๆ ค่ะ ให้มาดาวน์รถ 100,000 บาท ให้ทำรั้วบ้าน 50,000 บาท แล้วก็ช่วยต่อเติมบ้าน 80,000 บาท ก็ไม่ถึง 700,000 ค่ะ แล้วก็ซื้อโทรศัพท์ให้หนู 2 เครื่อง แต่เขาพาไปซื้อเองนะคะ หนูไม่ได้ขอ เขาบอกว่าจะซื้อให้นะ แล้วก็พาไปซื้อเลย หนูก็รับไว้ เพราะนายห้างบอกว่าเป็นของขวัญปีใหม่ แล้วเงินที่ให้มาทั้งหมดก็คือให้เฉยๆ ไม่ได้บอกว่าให้เนื่องจากอะไร เรื่องสัญญาก็อยากจะคุยก่อนค่ะ อยากลองขอก่อน เพราะเคยไปขอแล้วครั้งหนึ่ง เขาบอกสองล้านก็ไม่ให้ ถ้าเขายื่นข้อเสนอมาเรื่องยกเลิกสัญญา ถามว่าหนูจะทำตามนั้นมั้ย ก็ต้องคุยกันก่อนค่ะ ต้องดูเงินหนูก่อนด้วย”
งงได้ค่าตัวไม่เคยเท่ากัน มากสุดแค่หมื่นห้าเท่านั้นและตนก็ไม่กล้าทักท้วง
อาม : “ไม่ว่าจะไปเต็มวงหรือรับเชิญ หนูก็ได้ 10,000 บาท 5,000 บาทหนูก็เคยได้นะ หรือไม่ก็ 10,000 - 15,000 บาท ทุกครั้งที่ไปงานค่ะ แต่เรตค่าตัวจริงๆ 35,000 บาทค่ะ นี่เฉพาะรับเชิญนะคะ แต่ถ้าไปเต็มวงแล้วไปไกลหน่อยก็ 65,000 บาท แต่จริงๆ แล้วในแต่ละครั้งได้ไม่เกิน 15,000 บาทค่ะ แต่ก็ไม่เคยทักท้วงค่ะ เขาเป็นคนให้เขาก็น่าจะรู้ดีนะคะ หนูก็เลยไม่กล้าทักท้วง ก็ได้เงินจำนวนนี้มาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว”
รวบรวมข้อมูล หลังถูกปล่อยข่าวมีครอบครัว ปล่อยภาพลับให้แฟนคลับ
อาม : “ไม่มีค่ะ แฟนก็ยังไม่มี”
แม่อาม : “อันนี้ขอแก้นะคะ แม่อยู่กับน้องอามตลอดเวลาค่ะ เวลานอน เวลากินแม่ก็อยู่ ไปไหนมาไหนแม่อยู่ด้วยตลอด ไม่เคยมีครอบครัวค่ะ”
เหมียว : “อีกเรื่องหนึ่งที่เขาเผยภาพลับในอดีตของน้องเอาไปให้แฟนคลับนี่ อันนี้เรื่องใหญ่ กำลังรวบรวมข้อมูลอยู่ คือคนเรามันก็ต้องมีบ้างเนอะจะดีจะชั่วก็ต้องมีหมด”
อาม : “รูปเก่าที่หนูสัก ที่หนูดื่มเหล้าและไปเที่ยว เขาบอกว่าเปิดเผยภาพลับค่ะ ส่วนเรื่องค่าลิขสิทธิ์เพลงตอนที่เขาให้เงินหนูมา เขาบอกว่าเป็นรางวัลคนเก่ง เขาบอกอย่างนี้ ไม่ได้บอกว่าเป็นเงินซื้อขาดนะ เพราะหนูบอกตลอดและบอกกับทุกคนว่าหนูไม่ขายเพลง เพราะหนูแต่งเพลงไม่เก่ง แต่หนูก็เซ็นไปแล้ว (หัวเราะ) ก็คือ 3 เพลงได้มา 30,000 บาทค่ะ”
วอนพูดความจริง ขอสัญญาคืน
อาม : “ก็อยากให้เขาพูดความจริง อยากจะขอโอกาสออกมาทำงานเองดีกว่า เพราะว่ามันไม่สบายใจ ก็อยากจะขอสัญญาคืนค่ะ ตอนนี้ลิขสิทธิ์เพลงผู้สาวขาเลาะก็น่าจะเป็นของเขาค่ะ”
เหมียว : “เรื่องลิขสิทธิ์คงต้องให้ทางทนายเป็นคนจัดการค่ะ แต่ที่พวกเราออกมาเพราะอยากจะช่วยน้องเขา และเราก็เป็นผู้เสียหายกับประจักษ์ชัยด้วย ก็เลยติดต่อไปทางน้อง จริงๆ เราไม่ได้รู้จักกันนะ มารู้ว่าเขาอยู่ไหทองคำ ก็เลยบอกว่างั้นเดี๋ยวเราช่วยให้ออกมาเป็นเกราะกำบังให้ เพราะจริงๆ เรื่องหลายๆ อย่างเวลาจะพูดอะไรเราต้องดูก่อน เพราะน้องเขายังเป็นเยาวชน เขาก็มีศาลที่ปกป้องคุ้มครองเขาอยู่นะ ซึ่งผู้ใหญ่บางคนอาจจะไม่ทราบ อาจจะทราบก็ได้แต่แกล้งไม่รู้ เราก็จะเอาทั้งหมดนี้เข้าสู่กระบวนการ ทุกคนมาตัดสินไม่ได้ว่าที่น้องพูดไปนั้นผิด หรือแม้แต่ที่น้องพูดผิดก็ต้องมีผู้ใหญ่ตักเตือนเขา ไม่ใช่ออกมาซ้ำเติมเขา แต่ที่ออกมาทั้งหมดคือซ้ำเติมเขาหมดเลย”
เจ้าของค่ายลั่นเป็นผู้เสียหาย เคยปั้นลำไยมาด้วยกัน ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด แม้แต่ค่าทำดั้ง บอกจะยกลำไยให้ ต่อมากลับลำบอกยกลำไยให้ไม่ได้เพราะอีกฝ่ายคือชีวิต
เหมียว“คือจริงๆ เหมียวเป็นหนึ่งในผู้ที่ร่วมกันทำบริษัท พีที เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ซึ่งก็ต้องย้อนไปเมื่อปี 2559 มันเกี่ยวเนื่องว่าประจักษ์ชัยเคยมาเซ็นสัญญาทำบริษัทกันไว้ และเกี่ยวเนื่องไปถึงลำไยด้วย ซึ่งตรงนี้ทำให้เราเป็นผู้เสียหาย ที่ออกมาวันนี้เพราะหนึ่งคือเราเปิดบริษัทร่วมกัน ปั้นลำไยด้วยกัน เป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมด มันมีเอกสารทั้งหมด สรุปก็คือเราปั้นลำไยด้วยกัน และเขาก็เอาลำไยออกมาไปตั้งค่ายเอง ซึ่งเรามีหลักฐานทุกอย่าง เรามีหนังสือจดบริษัทด้วยกัน เป็นหนึ่งในผู้มีอำนาจในบริษัท พีที เอ็นเตอร์เทนเมนท์”
“โดยครั้งแรกประจักษ์ชัยมาจากผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่พามาพร้อมกับลำไย เพื่อให้เรามาเปิดค่ายเพลงกัน เราเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทั้งค่าทำจมูกของลำไย 15,000 บาท ทั้งค่ารถตู้ ค่าพีอาร์ออกรายการต่างๆ ซึ่งเราไม่เคยแจ้งให้สื่อทราบเลยว่าเราเคยดูแลลำไยมาก่อน มีกระทั่งคำพูดที่เขาบอกว่าจะให้ลำไยกับเรา จนเขามาพูดว่าเขาให้ลำไยไม่ได้นะ เพราะลำไยคือชีวิตผม เราก็เลยงง แล้วที่ให้เราปั้นเขามา ที่เราเสียค่าใช้จ่ายมาคุณชดใช้อะไรเราได้บ้าง คุณก็ไม่เคยชดใช้เลย ตั้งแต่ลำไยยังไม่ดังเลยค่ะ”
“เราไม่เคยเรียกร้องมาก่อนเลยนะ ตั้งแต่ปี 59 จนเมื่อประมาณปีที่แล้ว ก็มีเหตุประเด็นเรื่องอาจารย์ชาย (ชายชมภู ไชยคำ) เรื่องพ่อบุญธรรม เราก็เลยอยากมาช่วยอาจารย์ชาย เพราะเขาก็เป็นส่วนหนึ่งในเรื่องของการปั้นลำไยมาก่อน”
“คือประจักษ์ชัยเอาลำไยมาบอกว่าเดี๋ยวเรามาปั้นลำไยกัน แล้วเราก็เลยเปิดค่าย จนเอาลำไยมาปั้นเราก็ทำนู่นนี่ให้เขา เราก็มั่นใจในคำพูดของเขา พอสุดท้ายเราก็บอกว่าลำไยเริ่มดังแล้วนะ เขาก็บอกว่าเดี๋ยวผมมาเปิดบริษัทด้วยเลย เราก็คิดว่าไม่เป็นไร ในเมื่อเขาเป็นผู้จัดการลำไยอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นในเมื่อเขาจะมาเปิดบริษัท มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรา เราก็มีสิทธิจะเรียกร้องตรงนี้ได้เพราะมันเป็นรูปบริษัทมีชื่อเขาอยู่ด้วย”
“แต่คนนี้เขาไม่ธรรมดา พอสุดท้ายเริ่มมีงาน คิวงานยาวเหยียดเลย เขาก็บอกว่าไม่ว่างเข้ามานะ ต้องไปทำงาน คือช่วงนั้นมีรายได้แล้ว ไม่ต้องใช้เงินเราแล้ว ก็โดยวิธีไปออกคอนเสิร์ต โดยเอารถตู้ที่เราออกให้เขาเนี่ยไป โดยที่ไม่จ่ายค่างวดอะไรเลย เราไม่เคยได้ตังค์จากเขาเลยสักบาทเดียว ค่าโทรศัพท์ด้วย ใบแจ้งหนี้ยังอยู่เลย ก็เลยคิดว่าถ้าเราไม่ออกมา สังคมจะรู้มั้ยว่าเขาเป็นคนแบบนี้ เมื่อก่อนเขาไม่เคยเรียกร้องจะฟ้องเขานะคะ แต่ตอนนี้ก็ไม่แน่นะ”
เมื่อก่อนไม่ฟ้อง แต่ตอนนี้เริ่มไม่แน่ ยอมรับงง พูดเองเออเองตนให้เงิน 1.3 แสนด้วยเสน่หา ซัดมึงเป็นใครล่ะ
“ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 130,000 บาท มีหลักฐานหมดค่ะ คือเมื่อก่อนไม่ได้คิดจะฟ้องเขาหรอก แต่ ณ วันนี้ก็ไม่แน่ใจ เพราะสถานะเขาเปลี่ยนไป เมื่อก่อนเราให้โอกาสเขาว่าวันหนึ่งเขาอาจจะนึกถึงเราก็ได้ โดยที่เดินเข้ามาหาเราสักครั้งหนึ่ง มาเยี่ยมเยือนก็ได้ ไม่ต้องมาให้เงินก็ได้ แต่ที่เขาพูดว่าที่เขาไม่ทำร่วมกับเรา เพราะว่าเราจะเซ็นสัญญากับลำไย 8 ปี อันนี้เขาพูดเอง เราไม่เคยพูด อีกอย่างคือเงิน 130,000 บาท คู่กรณีดูแลช่วยเหลือด้วยความเสน่หา นี่เรากลายเป็นคู่กรณีเขาแล้วนะ ไม่ใช่ว่าจากที่เราช่วยเหลือ แต่กลายเป็นเราเป็นคู่กรณี ดูแลเขาด้วยความเสน่หา เราก็งง พ่อกูยังไม่เคยดูแลขนาดนี้เลย มึงเป็นใครล่ะ (หัวเราะ)”
“ลำไยไม่ได้ดังจากเพลงนะคะตอนแรก แต่ลำไยดังจากภาพๆ หนึ่ง เขาเข้ามาที่นี่เดือนกุมภาพันธ์ปี 59 พอเข้ามาเราก็พาเขาไปทำจมูกก่อน แล้วก็เริ่มมีรายการติดต่อเข้ามา เพราะเขาตามหาน้องในภาพในโลกโซเชียล แต่ทีนี้เขาติดต่อทางประจักษ์ชัยอย่างเดียว เขาไม่เคยให้เราได้ติดต่อเองเลย จากภาพนี้ลำไยก็เลยเริ่มมีกระแสมาเรื่อยๆ คือน้องมีกระแสเรื่องความวาบหวิวมาอยู่แล้ว”
ยินดีช่วยเหลืออามในเรื่องกฎหมาย กระชากหน้ากากอีกฝ่ายชุบมือเปิบ
เหมียว“คือวันนี้น้องอามก็มาพูดเรื่องที่เขาคับข้องใจอะไรต่างๆ แต่เรื่องทางกฎหมายเราจะเข้ามาช่วยเขา โดยให้คนมาดูเรื่องเอกสารหนังสือทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพลงหรือสัญญา เพราะบางอย่างเราบอกสื่อไม่ได้ เพราะถ้ามันไม่ถูกต้องขึ้นมามันจะสะท้อนกลับตัวน้องเขา ฉะนั้นเราต้องให้คนที่เขารู้เรื่องกฎหมาย และพวกเราก็ไม่รู้เรื่องกฎหมาย และต้องการให้สังคมรู้ว่าคุณประจักษ์ชัยที่เขามีกินมีใช้อยู่ทุกวันนี้ เขาไม่ได้ทำด้วยตัวเขาเอง แต่เขาอาศัยความไว้ใจของคนอื่นๆ และชุบมือเปิบเอาทุกอย่างไปเป็นของตัวเองทั้งหมด แม้กระทั่งตัวน้องลำไยเอง ซึ่งน้องลำไยก็คงไม่ทราบหรอก”
นักปั้นแฉลำไยจดสัญญาซ้อน เมื่อก่อนชื่อ หอยแครง แสงตะวัน ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 3 ล้าน
ชาย เสลภูมิ : “ผมเห็นน้องอ้าย (ลำไย ไหทองคำ) มาจากแดนเซอร์ แล้วก็เอามาร้องเพลง พาไปลานเบียร์ สรุปง่ายๆ ก็คือประจักษ์ชัยเอาเด็กคนนี้ไปโดยไม่ได้บอกผม และไม่ได้บอกแม่เขา คือบุคคลๆ นี้หรือคุณประจักษ์ชัยเป็นคนเจ้าเล่ห์ ลิงหลอกเจ้า ผมมีหลักฐานทุกอย่าง แต่ผมไม่ยอมที่จะเห็นเด็กโดนทำร้าย ผมไม่กลัวโดนฟ้องเลย ผมพูดเรื่องจริง ทำมาหลายคนครับ เป็นบุคคลอันตราย”
บ่าวเอก“จริงๆ แล้วลำไย ไหทองคำ ยังมีอีกชื่อหนึ่งนะครับ ซึ่งสัญญายังติดอยู่กับผม 5 ปี ก่อนที่จะมาแอบจดสัญญากับประจักษ์ชัย คล้ายๆ จดสัญญาซ้อน แต่เซ็นกับผมแล้ว 5 ปี ตอนนั้นใช้ชื่อหอยแครง แสงตะวันเมื่อปี 57 ถึงปี 62 ตอนนั้นที่เซ็นสัญญาคือนามของผมคือ ณรงค์วัฒน์ ยันตะพันธ์ หรือนามแฝงคือ บ่าวเอก เมืองสกล”
“ตอนนั้นผมเป็นนักจัดรายการ นักปั้นนี่แหละ ก็ได้ลำไยมาเซ็นสัญญากับผม เริ่มจากเป็นแดนเซอร์ แล้วก็ผันมาร้องเพลง ผมก็ไปเจอน้องเขาที่ลานเบียร์นี่แหละ แล้วก็ได้มาเซ็นจนออกซิงเกิล ก็เริ่มมีคนรู้จักแล้ว แต่น้องเขาเริ่มติดเรียน ก็บอกกับผมว่ารับงานได้แค่วันศุกร์-เสาร์นะ แต่ปรากฎว่างานมันก็น้อยไง นี่ผมก็ฟ้องลำไยกับประจักษ์ชัยแล้วนะ ฟ้องคู่เลย นี่ไกล่เกลี่ยไป 4 ครั้งแล้ว ยังไม่ลงตัว เดิมทีที่ให้ศาลเรียกตัวไกล่เกลี่ยผมไม่ได้เรียกร้องเรื่องเงินเลยนะ แต่เขาก็เลื่อนไปเรื่อย ส่งทนายมาบ้าง ส่งผู้จัดการมาบ้าง”
“ผมไม่ได้ต้องการอะไร แค่ให้ประจักษ์ชัย ให้ลำไยมาขอโทษผม ซึ่งพอผมโดนเลื่อนไป 3-4 รอบ เขาก็ให้คุณแอนที่เป็นผู้จัดการลำไยมาถามผมว่าต้องการเงินเท่าไหร่ ผมก็เลยเรียกไป 3 ล้าน ซึ่งผ่านไปแล้ว 4 นัดนะครับ แต่หลังจากนี้ก็ไม่มีการไกล่เกลี่ยแล้วครับ เจอกันที่ศาลเลยวันที่ 25 มิ.ย. นี้ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญา”
(ติดตามทุกข่าวสารในแวดวงบันเทิงทั้งหมดได้ที่https://mgronline.com/entertainment)