“นายห้างประจักษ์” แจงยิบ ดรามา “อาม ชุติมา” เชื่อมีขบวนการยุให้แตกหัก รับสุดเจ็บปวดอีกฝ่ายแฉไม่ได้เงินจากเพลง “ผู้สาวขาเลาะ” ทั้งที่ให้เงิน 5 แสนดาวน์รถ-ต่อเติมบ้านเป็นโบนัส จวกตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ ไม่เคยพูดเพลงดังเพราะฟลุค ไม่รักเหมือนลูกฟ้องแน่ ก่อนแจงเรื่องดั้งไม่เกี่ยว มีเงินจะพาไปงัดดั้งที่เกาหลีเอง แค่ให้รอ เพราะถูกติดต่อให้เล่นหนัง คาแรคเตอร์บ้านๆ ด้าน “อาม” แฉซ้ำนายห้างล้มละลาย มั่นใจสัญญาเป็นโมฆะ
จากกรณีดรามาสะเทือน นักร้องนักแต่งเพลง “อาม ชุติมา” โพสต์เฟซบุ๊กประกาศแตกหักค่ายไหทองคำ ลั่นเพลง “ผู้สาวขาเลาะ” ดังมียอดวิว 600 ล้านไม่ได้เงินสักบาก ทั้งที่เคยประกาศจะให้ 70-30 ในขณะที่ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ ถ่ายหนังก็ไม่ได้ค่าตัว โหนกระแส 28 พ.ค. โดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.20 น. ทางช่อง 28 ได้เปิดใจสัมภาษณ์ “คุณประจักษ์ เนาวรัตน์” เจ้าของค่ายไหทองคำ เรคคอร์ด เพื่อชี้แจงประเด็นที่เกิดขึ้น
คุณเองโดนหนัก?
ประจักษ์ : “ต้องยืนยันว่าที่จริงน้องทั้งสองคนไม่มีผิดใจกัน ไม่มีประเด็นดราม่าว่าอามกับลำไยทะเลาะกัน ทั้งสองคนยังรักกันดี อาจมีเอฟซีแต่ละฝ่ายที่มาคอมเมนต์ แต่น้องสองคนไม่มีปัญหากัน”
อามคือใคร?
ประจักษ์ : “อามในนามศิลปิน เขาคืออาม ชุติมา”
ทำไมไม่ใช้ไหทองคำ?
ประจักษ์ : “ตอนนั้นในความเป็นค่ายไม่ได้เติบโตขนาดนี้ จะใช้อะไรก็ใช้ไปก่อน ลำไยเป็นไหทองคำตั้งแต่แรก แล้วมาเปิดบริษัทในนามไหทองคำเรคคอร์ด”
ทำไมไม่ให้ใช้ไหทองคำ หรือคุณไม่อยากให้เขาใช้?
ประจักษ์ : “ไม่ใช่ครับ อยากให้ใช้แหละ เพียงแต่วาไม่คิดว่าจะมาต่อยอดไหทองคำได้ขนาดนี้ ก็เริ่มต้นกันเฉยๆ”
อามแต่งเพลงผู้สาวขาเลาะ?
ประจักษ์ : “ครับ มีเพลงอดีตเคยพัง เนื่องจากผมเห็นน้องเล่นกีต้าร์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว ลงแค่ 2 วันมีคนดูน้อง 5 แสน ผมเลยติดต่อน้องให้มาร่วมงานกับไหทองคำมั้ย น้องก็ตกลง เขาก็เดินทางมาจากต่างจังหวัด เริ่มจากศูนย์จริงๆ ด้วยความรัก เอ็นดู เหมือนลูก เพราะอามอายุ 17 เลี้ยงมาเหมือนลูก ก็มาอยู่ด้วยกัน กินนอนอยู่บริษัท 2 ปีถ้วน อยู่กับลำไย แต่งเพลงไลฟ์สดสนุกสนานจนมีแฟนคลับคนละล้านขึ้น ลำไยมีล้านแปด อามมีล้านสอง ตอนนี้ขึ้นล้านสาม เป็นความร่วมมือด้วยกัน วันนี้ผมสะเทือนใจมาก ทุกครั้งผมพาน้องไปออกรายการ ดิ้นรนไปออกสื่อ ดิ้นรนไปพรีเซ็นต์ตัวเอง วันนี้ผมต้องมานั่งอยู่คนละมุม เหมือนสาดมาก็ต้องสาดไป ซึ่งผมไม่อยากสาด ผมเป็นผู้ใหญ่ มีวุฒิภาวะ ในการห้าม ชั่งจิตใจให้เยอะที่สุด แต่เหตุการณ์มันบานปลาย”
ล่าสุดอามโพสต์ลงเฟซบุ๊กเรื่องทำจมูก มาแล้วคุณไม่แฮปปี้ให้ออกหรือมีปัญหาอะไรกัน?
ประจักษ์ : “จริงๆ ในเรื่องการทำจมูกเราตั้งใจจะให้ทำในระยะก่อนหน้านี้ เพียงแต่ว่าระยะงานหน้าฝนยังไม่หมด ยังมีงานเก็บอยู่ มีหนังบางเรื่องเข้ามาเป็นหนังต่างประเทศ เขาเห็นคาแรคเตอร์น้องอามเป็นคาแรคเตอร์เด็กบ้านๆ ใส่ผ้าถุง สะพายกีต้าร์ เป็นหนังแนวอินดี้ที่เขาทาบทามมา เราพยายามดึงว่าวันนั้นสิ่งที่เขาเลือกในวันนั้นคือคาแรคเตอร์นี้จมูกไม่มีปัญหา เราอยากให้สวยทุกคน อยากให้อัปเกรด อยากให้ไปทำเกาหลีด้วยซ้ำไป แต่วันนี้น้องไปทำจมูกไม่ได้บอกทางค่าย แล้วมีงานที่กรงเทพฝั่งนนท์ แล้วก่อนหน้านี้ประมาณ 3 คิว น้องบอกว่าเสียงหาย แล้วไปลงคลิปว่าไม่มีเสียง ซึ่งเราเห็นว่าก่อนหน้านี้น้องไม่ได้ทำงานหนักจนเสียงหายหรือไปโรงพยาบาลไปรักษาเสียง แต่พอดีเราเอานักร้องอื่นไปร้องแทน น้องก็กลับมามีเสียง น้องบอกขึ้นไม่ได้จริงๆ แต่พอมีคนอื่นขึ้น น้องบอกเสียงหาย”
ทำไมถึงไม่ขึ้น?
ประจักษ์ : “อาจจะมีความไม่สบายใจ อาจจะต่อต้านอะไรประมาณนี้”
ต่อต้านทางค่าย?
ประจักษ์ : “ก็พอเขาไม่ขึ้น 3 คิว เราก็เสียค่าซ่อมให้ทางเจ้าภาพ ทางผู้จัดงาน แล้วงานใหญ่ๆ ก็ให้ลำไยไป งานที่ลัดเป็นลำไยได้ก็ให้ลำไยไปแทน ก็เลยกลายเป็นความเสียหายสะสมมา เราเลยไม่กล้ารับงานที่น้องว่าจะมาได้หรือไม่ได้ ไม่มีอะไรการันตีน้องได้ว่าเสียงจะมาหรือไม่มา”
คุณเอาชัดๆ ก่อนหน้านี้น้องขอทำจมูกทางคุณเห็นว่ามีหนังติดต่อมาเรื่องบึงกาฬ คุณเวียร์เล่นด้วยหนึ่งในนั้นคืออาม คาแรคเตอร์ต้องไม่มีดั้ง?
ประจักษ์ : “ไม่ทราบว่ามีดั้งหรือไม่มีดั้ง แต่เขาเห็นคาแรคเตอรร์น้องบ้านๆ”
นี่คือสิ่งหนึ่งที่คุณขอให้เรื่องนี้ผ่านไปก่อน แต่น้องไปทำก่อน?
ประจักษ์ : “จริงๆ เราพาไปทำก็ได้ครับ ไม่กี่หมื่นเราทำก็ได้ แต่คือมันมีงานเจ้าภาพบอกน้องทำจมูกอยู่อุดร โพสต์ไลฟ์สดปุ๊บ แล้วเขามายังไง ผมก็ไม่รู้ เขาก็เรียกค่าเสียหาย ทางคอนเสิร์ตที่น้องต้องไปเล่น”
เสียงานที่รับไว้ ปรากฏว่าไม่ไป ไปทำจมูก สองหนังที่มองดูแล้วคาแรคเตอร์ต้องการ อยู่ดีๆ มีจมูกเพิ่ม?
ประจักษ์ : “ตอนแรกน้องจะไปทำก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งแต่ผู้สาวขาเลาะ แต่ว่าเอ็มวีที่ทำเราไม่อยากให้ภาพมันกระโดด บางทีถ่ายหนังอยู่ร่วม 4 เดือน เรากลัวภาพกระโดดในระหว่างตอนแรกน้องยังไม่ได้ทำ แต่ตอนจบทำ มันจะดูยังไง เราก็ขอความร่วมมือว่างั้นให้ผ่านงานคอนเสิร์ต แล้วจะเข้าหน้าฝน เธอจะไปไหนก็ค่อยไป ส่วนหนังเรื่องนี้เป็นโปรเจกต์ที่แทรกเข้ามา ก็มีส่วนแน่นอนเพราะคาแรคเตอร์ที่เขาอยากได้ หนังบึงกาฬเป็นหนังบ้านๆ”
คุณไปว่าเขาเสียงเปลี่ยน?
ประจักษ์ : “ไม่มีครับ คนที่บริษัทผมก็ทำ ลำไยก็ทำ การที่บอกว่าผมคับแคบต่อการทำจมูกเป็นประเด็นเล็กมาก น้องมาพูดแบบนี้ไม่ใช่ผู้ใหญ่ มันใช้อารมณ์ ไม่มีใครห้ามไปทำจมูก มันไม่ได้เสียหาย จะไปสักลาย หรืออะไร เขาก็โชว์เองนะ”
อามมีสัญญากับไหทองคำมั้ย?
ประจักษ์ : “น้องบอกไม่มีสัญญา หรือไม่มีผู้จัดการ ไม่ใช่ สัญญาเขียนวันที่ 13 พ.ค. 59 เขียนที่บ้านเขาเลย มีบิดา มารดาเซ็นรับทราบ เขียนในระยะ 5 ปี มีสองฉบับ ถือคนละใบ ไม่มีซ้อนไม่มีอะไรแน่นอน”
นี่คือสิ่งที่คุณประจักษ์กำลังจะบอกว่า อามมีสัญญา ถ้าจะบอกว่าไม่มีค่ายไม่มีผู้จัดการคงไม่ใช่?
ประจักษ์ : “ถ้าเป็นดาราเด็ก ทุกคนเซ็นสัญญาโดยผู้ปกครองยินยอม เขาถือว่าสัญญานั้นได้รับการยอมรับจากผู้ปกครองโดยชอบธรรม”
ทำไมอยู่ดีๆ คุณถึงได้แตกหักกับอาม?
ประจักษ์ : “ผมไม่รู้ว่ามาจุดไหน มันหลายกระแส ไม่ว่าน้องไปทำค่ายของตัวเอง ทั้งที่มีสัญญา แม้แต่ไปคัฟเวอร์หรือไปฟีเจอริ่งก็ไม่ได้ แต่ใน 6 เดือนที่ผ่านมา เราก็รักกัน หลับตาข้างหนึ่ง”
น้องเปิดช่องเมื่อ 6 เดือนก่อน?
ประจักษ์ : “เปิดช่องยูทูปครับ โดยมารยาท ตามสัญญาก็ทำไม่ได้”
ไปแตกหักตรงไหน?
ประจักษ์ : “คือเริ่มจากมีขบวนการ อยากได้น้องไปดูแลคิว และทำให้อามกับลำไยแตกคอกัน เพราะลำไยคิวเยอะมาก อามกำลังจะเยอะ เพราะเพลงไปต่อหรือพอส่ำนี้ เป็นเพลงที่ทำให้อามดังขึ้นมาอีกเพลงนี้อามแต่งแต่เป็นพล็อตที่ผมให้น้อง เป็นพล็อตที่ปรากฎการณ์เป็นประเด็นว่าเราจะไปต่อหรือจะหยุดแค่นี้ ไม่คิดว่าเป็นเพลงที่ทำให้มาถึงวันนี้”
อามพูดว่าผู้สาวขาเลาะ ยอดวิว 600 ล้านวิวไม่ได้สักบาท?
ประจักษ์ : “ไม่ได้สักบาทมันเจ็บปวดและรวดร้าว ในความเป็นคนสร้าง เขาจะไปตัดตอนว่าเขาแต่งให้ลำไยดัง แต่ต้องย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นผมเป็นคนปั้นอามตั้งแต่ศูนย์นะครับ ก่อนรู้จักการเขียนเพลง ทำห้องอัด ถ่ายเอ็มวี ขบวนการต่างๆ อยู่ที่ประจักษ์ชัยนะครับ การซื้อขายเพลงเป็นการโอนสิทธิ์ น้องเขาบอกว่าได้หนึ่งหมื่นบาท ตอนแรกบอกว่าไม่ได้สักบาท ถ้าสัญญาเพลงขาย 1 หมื่นบาท เมื่อสองปีที่แล้ว เรื่องยอดในกระบวนการของยูทูปยังไม่มีใครเล็งเห็นว่าจะมีรายได้เป็นกอบเป็นกำขนาดนี้ ก็ใช้สัญญาของการโอนสิทธิ์ปกติ ตามที่ค่ายอื่นเขาซื้อกัน การโอนสิทธิ์ เป็นการซื้อขาด ถ้านักแต่งหน้าใหม่ก็อยู่ที่ 6 พัน ถึงหมื่นหรือสองหมื่น แล้วแต่เกรดความดังที่เคยผ่านมาในอดีต จากประสบการณ์ น้องแต่งเพลงแรกที่ดัง อดีตเคยพัง แต่ผมก็ให้หมื่นนึง วันนั้นก็ซื้อ 3 เพลง มีผู้สาวขาเลาะ สามวันนั้นผมจ่ายให้น้องและพ่อกับแม่ 3 หมื่นบาท ไม่มีระยะ ขาดก็คือขาดในภาษาเพลง นอกจากซื้อกันสามสี่ห้าปี ในระหว่างที่ครูคนนั้นเขียนดังมากไม่ขายขาด แต่ส่วนมากทุกค่ายก็ซื้อขาดหมด เพื่อธุรกิจจัดเก็บ และให้ราคาไม่เกินจากนี้ เพลงนี้ถ้าใครจะนำไปร้องก็ต้องขอจากผม ตอนที่ช่อง 3 เอาไปร้องในงาน ผมก็เป็นคนเซ็นอนุมัติ พอมาเป็นยูทูปน้องบอกไม่ได้สักบาทมันไม่ใช่ เป็นการพูดตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ เพราะผมให้ไปต่อเติมบ้านเป็นโบนัส ไม่ได้ให้ก้อนเดียว 5 แสนนะครับ ทยอยให้ สองแสนแรกให้อามต่อเติมบ้าน ให้อีกแสนทำรั้ว ไปดาวน์รถอีกแสน เป็นสี่แสน กับที่ให้ซื้อมือถืออีกสามเครื่อง เป็นสี่ห้าแสน นั่นคือผลพลอยได้จากยูทูปที่ผมมีน้ำใจให้ ซึ่งไม่ให้ก็ไม่เป็นไร”
คุณเคยตกลงมั้ยเรื่อง 70-30?
ประจักษ์ : “70-30 ไม่มีในสัญญาซื้อขายเพลง 70-30 คือสัญญาการเป็นศิลปิน ได้จากอะไรก็รับไป การร้องเพลง 70-30 เป็นผลประโยชน์ตอบแทน ไม่เกี่ยวกับยูทูป”
แต่ที่เขาลงมา ปัญหาแท้จริงหนูอยู่หนูไม่เคยได้ 70-30 และเพลงที่แต่ง 600 ล้านวิวไม่เคยได้สักบาทเดียว สมมุติเขาไปร้องเพลงให้เขามั้ย?
ประจักษ์ : “ให้สิครับ เขาบอกว่าได้งานละหมื่นห้า น้องเพิ่งมีกระแสต่อจากลำไย ก็บอกว่าใจเย็นๆ การเชียร์เพลงค่าย ไม่ใช่ทำให้ทุกคนดังในเวลารวดเร็วพร้อมกัน เหมือนนักมวย ต้องมีรุ่น มีการซ้อม มีเวลา พอน้องเพิ่งมีกระแสแยกจากลำไยเพื่อขายงานคนละแพ็ก แต่ก่อนน้องต้องมาร้องกับลำไยทุกคืน งานยังไม่มีราคา เรียกราคายังไม่ได้ ต้องมาร้อง 3 เพลง ในขณะที่ลำไยไปเปลี่ยนชุดก็ต้องบอกว่าวันนี้ไม่ได้มาคนเดียว มากับอาจารย์นักแต่งเพลง อัจฉริยะมากสำหรับอาม ชุติมา อดีตเคยพัง ชงให้ทุกวัน วันละ 5 พัน”
เรื่องค่าตัวแสดงหนังไม่ได้สักบาท?
ประจักษ์ : “ชื่อหนังผู้สาวขาเลาะ เขาบอกว่าอาจารย์เรามาทำหนังสั้นกันดู ทำกันเล่นๆ ลงยูทูป เอากระแสเหมือนหนังบ้านๆ ทั่วไป ทีนี้มีการคุยกันว่าถ้าทำหนัง ก็น่าจะอยู่ที่สามล้าน ทำกันมั้ย ก็เลยคิดเป็นโปรเจกต์ที่ใหญ่ขึ้น ก็เลยคิดกันว่า เราอยู่ในครอบครัวไหทองคำด้วยกัน เรายังไม่ได้พูดถึงค่าตัวนักแสดงสักคำเดียว ไม่ได้บอกจะจ้างอามลำไยเล่นหนัง มีแต่ไหว้วานให้มาเล่นหนังเพราะกินข้าวหม้อเดียวกัน”
สรุปเป็นหนังออกฉายได้เงินมั้ย?
ประจักษ์ : “ไม่ได้เงินเลยครับ ตอนนี้หนังโรงใหญ่สองเครือ ทั้งเมเจอร์และเอสเอฟ ยังไม่ได้ยอดสรุปเลย เพราะเพิ่งผ่านไปไม่ถึงเดือน ลำไยก็ไม่ได้สักคน นอกจากเน็ตไอดอลที่เราจ้างเขาขาจร เหลือแต่คนของไห ทองคำ ก็ยังไม่ได้จ่าย เพราะขอกัน อยู่ดีๆ มาตอบแทนอาจารย์หรือทุกคนแสดงหนังเพื่อสร้างเป็นโปรไฟล์”
พรีเซ็นเตอร์ได้กี่แบรนด์ได้กี่บาท?
ประจักษ์ : “มีสองแบรนด์ จ่ายหมดครับคนละ 7 หมื่นห้า จ่ายหมดแล้วผ่านผู้จัดการส่วนตัว ถ้านองไปดันพูดว่าไม่ได้ เอาง่ายๆ ออกก่อนหน้านี้บอกว่าไม่มีสัญญา เมื่อวันเสาร์มาออกที่ช่องเรา บอกว่าสัญญามีแล้ว ไม่จบสักอย่างเพราะน้องเอาความเป็นเด็กไปพูดผ่านสื่อ ทาเก็ตของน้องมีตั้งแต่ประถม มัธยม ไม่แยกแยะว่าการทำธุรกิจขายเพลง ขายขาดแล้วขาดเลย เหมือนไปซื้อล็อตเตอรี่ ถูกแล้วจะถามว่าฉันเอามาขายให้เธอ ขอส่วนแบ่งหน่อย”
คุณบอกว่าเขาฟลุคดัง?
ประจักษ์ : “ประเด็นคำว่าฟลุค มาจากคำที่มีคนบอกว่าไหทองคำฟลุคมีหนึ่งเพลงเดี๋ยวก็ไป ก็คุยกันในรถในทีมงาน บอกว่าอามเพลงเราไม่ว่าจะฟลุคหรือฝีมือ หรือจะดวงหรือวาสนาคนแต่งคนร้องคนสร้าง มาเจอกัน ขอให้มันวินๆ ขอให้เราชนะ ขอให้เรามีบัดเจ็ต มันก็สุดยอดแล้ว ไม่ต้องไปสรุปว่าฟลุคหรือไม่ฟลุค มันไม่มีใครมาบอกหรอกว่าเพลงนี้เจ๋งวะ เพลงนี้ฟลุคว่ะ มันไม่มีใครตอบได้ มันสนุกแล้วก็ดีแล้ว มันชนะ ก็ให้น้องดีใจเถอะ”
หมายความว่าคุณพูดฟลุคจริงแต่ไม่ได้ด่าเขา?
ประจักษ์ : “ใช่ แค่เปรียบเทียบให้เขาเห็น ผมจะไปย่ำยีน้องได้ยังไง ในเมื่อผมเป็นคนตั้งฉายาน้องว่าสาวน้อยอินดี้มหัศจรรย์ ผมเป็นคนทำให้เขาเชื่อว่าซุปตาร์อินดี้จะมาในกระแสโซเชียล เป็นความชื่นชมว่าเราสร้างมาแล้วเราจะไปย่ำยีน้องว่าฟลุคได้ไง”
โฟนอินหา “อาม ชุติมา” สรุปวันนี้แตกหักกับค่ายไหทองคำ มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น?
อาม : “ตามที่ลงในเฟซบุ๊กเลยค่ะ”
ยอดยูทูปคุณประจักษ์บอกว่าตามสัญญาไม่ได้มีตกลงว่าน้องอามจะได้?
อาม : “ในใบสัญญาไม่มีก็จริง แต่ก่อนที่หนูจะเอาเพลงผู้สาวขาเลาะให้พี่ลำไยร้อง ได้ตกลงกัน เป็นสัญญาใจ เป็นคำพูดว่าถ้าได้ตังค์จากยูทูปจริงๆ จะแบ่งให้ จะแบ่งกัน ด้วยความอยู่ด้วยกันก็เลยไม่ติดใจอะไร ก็ตกลงค่ะ”
มีเงินส่วนหนึ่งให้ไปต่อเติมบ้านให้ไปดาวน์รถ?
อาม : “มีค่ะ”
ถือว่าเป็นเงินจากยูทูปมั้ย?
อาม : “อันนี้ไม่รู้เหมือนกัน เพราะอาจารย์ไม่ได้บอกว่าให้เนื่องจากค่าอะไร แต่เป็นเงินที่เขาให้ค่ะ”
เรื่องจมูก ฝั่งหนังจะมีปัญหา เกี่ยวกันมั้ย?
อาม : “ตอนหนูอยู่ในสังกัดมีติดต่อมาจริงๆ ค่ะ แต่พอหนูกับทางสังกัดมีปัญหากัน เขาก็ยกเลิกหนัง ยกเลิกงานทุกงานไปหมดแล้วค่ะ ยกเลิกตัวหนู ไม่ได้ให้หนูเล่น เพราะมีปัญหาเรื่องนี้ค่ะ คาแรคเตอร์เปลี่ยนไปมั้ย เริ่มแรกหนูไม่ได้ทำนะคะ เพราะรู้ว่ามีงานเข้ามา แต่พอหนูโอเค ว่างานไม่มีแล้ว หนูเลยตัดสินใจทำ คนละช่วงเวลากันค่ะ”
เรื่องสัญญาตกลงมีหรือไม่มี?
อาม : “สัญญาในค่ายไหทองคำไม่มีค่ะ เพราะไหทองคำเพิ่งจดบริษัทถูกต้องตามกฎหมาย 3-4 เดือนที่ผ่านมา”
แล้วสัญญาฉบับหนึ่ง ซึ่งทำสัญญาในวันที่ 13 พ.ค. 59 ฉบับนี้คืออะไร?
อาม : “ฉบับนี้หนูเซ็นสัญญากับนายห้างประจักษ์ แต่ตอนที่เซ็นไม่มีค่าย ไม่ได้ถือว่าเป็นโมฆะนะคะ แต่เอาเป็นว่าหนูเซ็นกับคุณประจักษ์ ไม่ได้เซ็นกับทางค่ายไหทองคำ ท่านนายห้างประจักษ์ตอนนี้เป็นบุคคลล้มละลายค่ะ คือไม่สามารถทำธุรกรรมอะไรได้”
แต่ใบนี้หัวกระดาษเขียนว่าไหทองคำเลยนะ?
อาม : “มันเป็นโลโก้เฉยๆ ค่ะ ตอนแรกไม่มีอะไร บอกว่าจะทำกันเป็นระบบครอบครัว”
จะบอกว่าสัญญาฉบบนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย น่าจะเป็นโมฆะเพราะการทำสัญญาในตอนนั้นค่ายไม่ได้จด สองน้องบอกว่าสัญญาฉบับนี้ทำขึ้นมากับตัวน้อง และคุณประจักษ์ไม่เกี่ยวค่ายเรื่องพ่อแม่เซ็นเป็นพยาน ผลประโยชน์ 70-30 คิดว่าจะมีผลอะไรมั้ย?
อาม : “ก็ไม่น่าจะมีผลอะไรนะ เพราะ 70-30 ไม่เคยได้ตามสัญญาตั้งแต่ต้น ตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงปัจจุบันนี้”
คุณประจักษ์บอกว่าคุณเป็นลูก แต่มีมือที่สามมาปั่นให้อามเปลี่ยน?
อาม : “จริงๆ ปัญหาหนู หนูไม่เคยปรึกษาใคร ถ้ามองจากภาพผ่านๆ จะดูเหมือนหนูมีความสุข และแฮปปี้กับการทำงานมาก หนูมีปัญหาอะไรก็เก็บไว้ในใจ ไม่เคยปรึกษาใคร ไม่เคยถามใคร เป็นความคิดของหนูคนเดียว ถามกับคุณแม่ คุณแม่ก็โอเค”
วันนี้ที่จะออกจากไหทองคำ เป็นเพราะไม่ได้เงิน ถูกมั้ย?
อาม : “ไม่ได้ตามสัญญาค่ะ”
ถ้าเขาอ้างว่าไม่มีสัญญาแล้วจะเอาตามสัญญาได้ไง?
อาม : “ก็แปลว่าไม่มีสัญญาหนูก็โอเค”
การล้มละลาย ทำไมทราบข้อมูล?
อาม : “นายห้างเป็นคนบอกเองค่ะ ตอนนี้หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน ทั้งรถ ทั้งอะไรไม่มีชื่อของนายห้างประจักษ์เลย”
วันนี้ตกลงกันได้มั้ย เจรจากันได้มั้ย?
อาม : “ถ้าไกล่เกลี่ยแล้วต่างคนต่างทำงานหนูได้นะคะ เพราะหนูก็แค่อยากให้หนูทำงานแบบไม่ต้องอยู่กับไหทองคำ นี่คือหนูต้องการ ไม่ได้ต้องการให้เรื่องใหญ่โตอะไร”
กับลำไย?
อาม : “ไม่ได้ทะเลาะอะไรกันนะคะ แต่ตอนนี้ไม่ค่อยได้คุยกัน แต่ก่อนหน้านี้หนูก็คุยกับพี่ เขาก็บอกว่าจะทิ้งกันเหรอ หนูบอกไม่ได้ทิ้ง มันอึดอัดใจ เขาก็บอกว่าเข้าใจ”
คุณประจักษ์มีอะไรจะพูด?
ประจักษ์ : “ก็รักน้องอามเหมือนเดิม ไม่ว่าน้องจะคิดยังไงกับอาจารย์ กับคุณประจักษ์ชัยคนนี้ยังไงก็แล้วแต่ คุณประจักษ์ชัยก็ยังรักอยู่ เรื่องเหล่านี้รู้กันแค่สองคนแต่ละฝ่าย อยู่ที่ฟ้าดิน อยู่กับสิ่งที่เราทำ ก็ขอให้น้องโชคดี ที่บอกว่าอาจารย์ล้มละลาย คือคนเราติดแบล็กลิสต์กันได้ครับ ถ้าติดแบล็กลิตส์ผมก็ออกต่างประเทศไม่ได้ ทำนิติกรรมอะไรก็ไม่ได้เลย มันไม่ใช่ประเด็นว่าสัญญานี้โมฆะนะ ถ้าผมไม่รักน้องผมฟ้องได้นะ ถึงตอนนั้นไม่ได้จดสัญญาในนามบริษัท แต่เป็นสัญญาระหว่างบุคคล สัญญาชอบธรรม แต่ผมพิสูจน์ว่าผมไม่ล้มละลายสัญญานี้ชัดเจนนะ หรือวันนี้หาช่องว่างว่าทำลายสัญญานี้ให้โฆษะเลยหาเหตุให้เห็นว่าผมล้มละลาย ซึ่งมันไม่ใช่ ซึ่งก็ทำให้ผมเสียหาย ถ้าผมฟ้องกลับอีกก็เป็นผู้ใหญ่รังแกเด็กอีก ก็ทำให้กระทบชื่อเสียง ก็อยากให้น้องกลับมานะ ในเงื่อนไขไหนก็มาคุยกันดู หรือเรื่องอยากได้สัญญาคืน มาดีๆ ผมให้เฉยๆ ยังได้ แต่ไปไซโคเอฟซีวาผมไม่ได้ให้ ถ้าผมไม่ได้ให้สักบาท แล้วได้ตั้ง 5 แสนมันคืออะไร ในชั่วโมงนั้นเรามีกำลังแค่นั้นครับ สร้างโบสถ์สร้างวิหารไม่ได้สร้างในปีเดียว”
อามเป็นไปได้มั้ยที่จะกลับมาคุยกัน?
อาม : “หนูก็ยังรักอาจารย์และเคารพเหมือนเดิม แต่ว่ามันไม่ได้แล้วค่ะ”
หลายคนถามทำไมลำไยมีบีเอ็ม แต่อาม มีแค่รถกระบะ มันต่างกันเหลือเกิน?
ประจักษ์ : “นักร้องนักแต่งนักสร้าง คนที่แต่งเพลงเขาจะขาย แต่ก่อนทำเป็นมาสเตอร์ 10 เพลง บางทีคนเดียวซื้อ 10 เพลง เพลงละหมื่น ก็แสนนึง ค่าทำดนตรีเพลงละสองหมื่น สองแสนต้นทุนมีแค่นั้น ทุกวันนี้ทำเป็นซิงเกิล คนแต่งเพลงกว่าจะได้รับเลือกทำขบวนการคิด คนหนึ่งเพลง อัตราคนเขียนเพลง กว่าจะได้เดือนละ 4-5 เพลงถือว่าถูกมากในชม.นี้ ฉะนั้นคนร้องถ้าเขามีกระแส เขามียอดจ้างวันหนึ่งในงานอีเวนต์ งานกลางวัน งานผับงานเลานจ์ ความถี่ในการรับงานของลำไยเขาจะมีมากกว่าคนแต่งการที่เขาเก็บเงิน ก่อนอามเข้ามา เขาเป็นไหทองคำมาก่อน”
ลำไย ตอนนี้ดังมาก่อนค่าตัวมากกว่า อามเข้ามาทีหลัง ค่าตัวไม่เท่าลำไย?
ประจักษ์ : “ก็อาจเป็นอนาคต ต้องรอไปก่อน”
อยากบอกอะไร?
ประจักษ์ : “ก็ต้องกราบขอโทษแฟนเพลงสองฝ่าย ขอความร่วมมือและเห็นใจ ว่าไหทองคำผมสร้างกันมา อามกับลำไย มาเจอกันด้วยคามคิดของคนบ้าๆ บอๆ คิดอะไรที่หลุดกรอบของผม เราสร้างกันมาจากไม่มีอะไรเลย วันนี้มีแรงเชียร์ แรงยุ แรงอะไร ตัดสินใจดู ผมไม่อยากทำร้ายน้อง ผมห่วง มีคลิปหลุดอะไรหลุด ผมอยากเตือน และบอกเอฟซีว่ามันไม่ใช่แค่นี้ เราพยายามติงให้น้องกลับมาที่เดิม”
ใครคือเบื้องหลังมือที่สาม?
ประจักษ์ : “มีครับ แต่ไม่ต้องพูดถึงหรอก ส่วนสัญญาไม่โฆษะ”