“ตั๊ก ศิริพร” รับอีก 2 ปี ออกจากวงการ เกษียณตัวเองก่อนอายุ 50 สาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้รวยร้อยล้าน มีสัจจะออกไปแล้วจะออกไปเลย ขำๆ ให้สามีหาเลี้ยง
เรียกว่าฮือฮาอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับพิธีกรอารมณ์ดี “ตั๊ก ศิริพร อยู่ยอด” หลังจากที่ออกมาประกาศว่าอีก 2 ปี จะออกจากวงการ ซึ่งก็ทำให้แฟนๆ บ่นเสียดายกันไม่น้อยเลยทีเดียว ล่าสุด ตั๊กก็เผยว่าแค่อยากเกษียณตัวเองก่อนอายุ 50 ออกไปแล้วจะออกไปเลย ไม่กลับเข้ามาอีก
“คือ ไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้ว เดี๋ยวคนด่าอีก ถามว่า จะลดบทบาทลงไปกว่านี้มั้ย คือ เราจะทำงานจนอายุ 47 พออายุ 48 จะออกเลย ตอนนี้เราอายุ 45 ย่าง 46 แล้ว ปีใหม่ปีหน้าก็อายุ 46 คือพูดง่ายๆ อีก 2 ปีค่ะ พี่นุ้ย(สามี) บังคับ แต่ตัวพี่นุ้ยเขายังทำอยู่นะ”
“คุณแม่อยู่พิษณุโลก บ้านเราอยู่นครสวรรค์ แต่แม่ไปปลูกบ้านอีกหลังหนึ่งที่พิษณุโลก ก็เลยต้องไปๆ มาๆ ระหว่างพิษณุโลก กับ นครสวรรค์ เรารู้สึกว่าทำงานตั้งแต่เด็กแล้วไง ตอนนี้อายุ 45 ย่าง 46 แล้วเรารู้สึกว่ามันเหนื่อยจังเลย อยากพักบ้าง แล้วอีกอย่างเราอยากพาแม่ไปโน่นไปนี่ อยากอยู่ใกล้ชิดท่าน คนเราอายุมันสั้น จะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ก็อยากอยู่ใกล้ชิดแม่ อยากพาแม่ไปโน่นไปนี่บ้างค่ะ”
ตอบฮา จะให้สามีเป็นฝ่ายหาเลี้ยง
“ให้ผัวหาเลี้ยง (หัวเราะ) เพราะพี่นุ้ยยังทำอยู่ แต่พี่ตั๊กเป็นคนที่ไม่ชอบทำอะไรทั้งสองอย่าง จะเห็นว่าเราทำแต่งานในวงการบันเทิง ไม่ได้ทำธุรกิจเลยนะ เพราะเราทำหลายอย่างไม่เป็น ไม่สามารถแบ่งพาร์ตตัวเองได้เพราะรู้สึกว่างานที่ทำอยู่เนี่ยเราอยากทุ่มให้กับมันเต็มที่ เพราะฉะนั้นถ้าเราทำหลายอย่างเดี๋ยวมันไม่ดีสักอย่าง ไม่เอาดีกว่า”
“เราก็ต้องขอขอบคุณเพราะว่าเราเข้าวงการมาจนเดี๋ยวนี้ก็ยังสม่ำเสมอเนอะ ขอบคุณเจ้าของงานที่ยังเรียกใช้เราอยู่ เราว่าเป็นเพราะเขาคงเห็นความทุ่มเทในการทำงาน เพราะเรารู้สึกว่าถ้าเขาจ้างเราไปแล้ว เขาก็ต้องเห็นอะไรในตัวเราแล้วแหละ ก่อนที่จะทำงานอะไรสักอัน เราต้องทำการบ้านก่อนทุกครั้ง เราทุ่มเท เราอยู่ในวงการได้จนถึงเดี๋ยวนี้เพราะคุณภาพงานของเรา”
ไม่อิจฉาดาวดวงใหม่ ไม่มีอาชีพไหนทำเงินได้ดีเท่าอาชีพนี้ เตือนคนรุ่นใหม่อย่าหลงระเริง ระวังเสียคน
“อยากเห็นดาวดวงใหม่จริงๆ นะ เราไม่เคยนึกอิจฉาเลย ถามว่าเสียดายโอกาสมั้ย เราบอกได้เลยว่าไม่มีอาชีพไหนเงินดีเท่าอาชีพวงการบันเทิง แต่ก็ไม่มีอาชีพไหนที่ทำให้เราหลงระเริงไป แต่คนที่เข้ามาในวงการเสียคนก็เยอะ เพราะฉะนั้นน้องคนใหม่ๆ จะเข้ามาสู่วงการนี้ต้องเข้มแข็ง ต้องเป็นคนที่จิตใจเข้มแข็ง อย่าให้มายาพาเราไปในทางที่ไม่ดี สำหรับเราเอง น้องถามว่าถ้าออกไปเสียดายมั้ย คือเรารู้สึกว่าเรามีบุญอะไรอย่างหนึ่งก็ไม่รู้ คือ มีวันหนึ่งเข้าไปในยูทิวบ์ แล้วไปเจอคลิปอาจารย์ยอด แกมีนิทานกฎแห่งกรรม ธรรมะ เราลองเข้าไปฟังแล้วกลายเป็นว่าติดลม เราไม่ดูทีวีมานานมาก ดูแต่นิทานธรรมะ แล้วกลายเป็นคนกลัวเรื่องบาปกรรม เท่ากับว่าธรรมะซึมเข้าไปในตัวเราแล้ว เลยรู้สึกว่าความสุขจริงๆ ของคนไม่ได้อยู่ที่การมีชื่อเสียงเงินทองหรอก”
“ไม่ได้ปลง ถ้าปลงต้องไปบวชแล้วล่ะ แต่เราไม่ถึงขนาดต้องไปบวชไง เขาบอกว่าคนเราเนี่ยไม่จำเป็นต้องเข้าวัดหรอก ถือศีลอยู่บ้านหรือที่ไหนก็ได้ พระบางองค์เป็นพระอรหันต์แต่ไม่เคยเข้าวัดเลย แต่เป็นพระอรหันต์อยู่ในป่าได้ค่ะ”
“เรื่องที่คนเสียดายความสามารถ แหม อยากบอกว่ามันไม่ใช่แค่เราเก่งคนเดียว คลื่นลูกใหม่มาเขาก็เก่ง ถึงบอกว่าอย่ามองว่าเราเก่ง คนอื่นเขาก็เก่งเหมือนกัน เราอยู่วงการนี้และคนจ้างไปหลายรายการ เราว่าเกิดจากหนึ่งเราได้ครูดีก็คือผัวเรานั่นเอง (ยิ้ม) พี่นุ้ยจะเป็นคนคอยตามเช็ก คอยสอนมุก เราโชคดี และคนรอบข้างน่ะดี”
รับงานแน่นๆ ทิ้งทวน ไม่ห่วงลูกชาย ขอสัญญาแค่ 3 อย่าง
“แน่นสิคะคุณขา (ยิ้ม) เป็นการทิ้งทวน ส่วนน้องภูก็ไม่บังคับลูกเลย ภูจะชอบอะไร เรียนอะไร หรืออยากเป็นอะไร ในตามข่าวที่ออกไป เราบอกทุกคนเลยนะ ตัวเราเป็นแม่ไม่ได้ต้องการอะไรจากลูก เรามีหน้าที่ให้กำเนิดชีวิตเขา แต่ชีวิตก็คือของเขา เราไม่ได้เป็นเจ้าของเขา แต่เราขอลูกไว้แค่ 3 อย่าง หนึ่งภูต้องเรียนให้สูงที่สุดเท่าที่ภูจะทำได้ สองภูจะต้องมีหน้าที่การงานที่ดี และสามภูต้องเป็นคนดี ขอจากลูกแค่นั้นเอง แต่อย่างอื่นแล้วแต่ภูเลย”
“ถ้าเราเฟดตัวภูก็อยู่กับพี่นุ้ยไง เพราะพี่นุ้ยไม่ได้ตามเราไป แต่เราไม่ใช่ว่าไปอยู่พิษณุโลกแล้วจะไม่มาดูแลสามีกับลูก ก็ไปๆ มาๆ ค่ะ แต่เราบอกตรงๆ ว่าอยู่กรุงเทพฯ มา 20 - 30 ปี ไม่มีวันไหนที่ชอบกรุงเทพฯ สักวันเลยค่ะ”
“ตอนนี้เรารู้สึกว่าดีใจจังเลย เราเข้าวงการตั้งแต่อายุ 17 จนตอนนี้อายุ 45 แล้ว งานการยังสม่ำเสมอ ต้องขอบคุณทุกท่านที่จ้างงานเราไป อย่างที่บอกว่าเราไปทำงาน เราก็ทำงานให้เต็มที่คุ้มค่ากับเงินที่จ้างเราไป ตอนนี้เราอยากจะนั่งเฉยๆ อยู่บ้าน อ่านหนังสือ ตื่นเช้าไปทำบุญที่วัด เราทำงานมาเยอะแล้วตั้งแต่เด็กรู้สึกว่าเหนื่อยจังเลย อยากพักบ้าง พอแล้ว”
ลั่นมีสัจจะ ออกแล้วจะออกเลย เผยถ้าไม่มีสัจจะก็จะไม่พูด
“โอ๊ย ไม่ได้สิ เราว่าเราต้องมีสัจจะนะ เพราะเราไม่ใช่คนบางคนที่จะออกแล้วไม่ออก (ยิ้ม) ถ้าเราไม่มีสัจจะอย่าไปพูด ถามว่าถ้าแฟนๆ คิดถึงจะทำไง โอ้ย เดี๋ยวเขาก็ลืม เชื่อสิ คนไทยลืมง่าย (หัวเราะ) คือตอนแรกว่าจะอายุ 50 แต่ก็คิดว่าอายุ 50 จะแก่ไปมั้ย เราเลยตั้งใจว่าจะเกษียณตัวเองก่อนอายุ 50 ดีกว่าค่ะ”
สาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้รวยร้อยล้าน
“แหม...อยากให้เป็นอย่างนั้นจริงๆ สาธุ (ยิ้ม) แต่พูดตรงๆ สาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เลย เราไม่มีเงินขนาดนั้น อย่างที่บอกว่าไม่เคยทำธุรกิจ เราทำแต่งานในวงการ ถ้าเรามีเงิน 100 ล้าน เออ...ถ้าเราทำธุรกิจด้วยสิจะไม่เถียงเลย แต่นี่ไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย ได้มาก็ใช้ไป เหลือแบ่งเก็บบ้างนิดหน่อย เราไม่ได้มีเงินเยอะเลยค่ะ มีเงินเก็บแค่นิดๆ หน่อยๆ ที่ผ่านมาอะไรที่พลาดไปเราก็มีนะที่ฟุ่มเฟือย ใช้เงินไปอย่างไม่ควรใช้ก็เยอะนะ แต่โชคดีที่เรากลับตัวทันค่ะ”