“เพชร แกรนด์เอ็กซ์” แชร์ประสบการณ์ชีวิต รับเครียดเลิกแฟน เชื้อมะเร็งลามขึ้นสมองระยะสุดท้าย อยู่ได้แค่ 3 เดือน ฮึดสู้รักษาด้วยธรรมะ กินมังสวิรัติ ถือศีล 5 ตลอดชีวิต สุดท้ายรอดตายปาฏิหาริย์ เผยหายสนิท ไม่มีเชื้อมะเร็งแล้ว แต่ความจำหายไปบางส่วน มุ่งมั่นทำเพลงพิเศษเทิดพระเกียรติในหลวง ร.๙ รายได้มอบมูลนิธิโรคมะเร็ง รพ.รามาธิบดี
อดีตสมาชิกวงดนตรีแกรนด์เอ็กซ์ “เพชร พิทพล โชติสรยุทธ” เปิดใจแชร์ประสบการณ์ชีวิต ผ่านรายการ “ยิ่งคุย ยิ่งเคลียร์” ช่อง 5 เกี่ยวกับอาการป่วยโรคมะเร็งลามขึ้นสมองระยะสุดท้าย เมื่อ 3 ปีก่อน โดยแพทย์วินิจฉัยจะมีชีวิตอยู่ได้แค่ 3 เดือน แต่เจ้าตัวกลับรอดตายปาฏิหาริย์ ซึ่ง เพชร แกรนด์เอ็กซ์ เผยว่า กำลังใจเป็นเรื่องสำคัญที่สุด และล่าสุด กำลังจะมีเพลงพิเศษที่แต่งเพื่อเทิดพระเกียรติในหลวง ร.๙ รายได้ส่วนหนึ่งจะมอบให้มูลนิธิโรคมะเร็ง รพ.รามาธิบดี หวังช่วยคนที่ไม่มีเงินรักษา
“หายจากวงการไป 20 ปี ช่วงที่หายไปผมไปทำงานอีกด้าน คือ ทำโฆษณาให้กับภาพยนตร์ฝรั่งให้กับค่ายฟ็อกซ์วอเนอร์ ตอนนี้กำลังจะกลับมาทำอัลบัมเพลงเพื่อการกุศล เรียกว่า อภิมหาโปรเจกต์ ซึ่งมีเพื่อนนักร้องรุ่นเก่า 10 ท่านมาร่วมด้วย เป็นเพลงที่แต่งขึ้นใหม่หมดเลย มีเพลงพิเศษที่ผมแต่งเทิดพระเกียรติในหลวง รัชกาลที่ ๙ ด้วยครับ 2 เพลง ชื่อเพลงฟ้าโอบดินอุ่น และเพลงที่สุดท้ายของหัวใจ จะวางขายประมาณเดือนมีนาคมปีหน้า รายได้ส่วนหนึ่งจะนำไปมอบให้กับมูลนิธิโรคมะเร็ง โรงพยาบาลรามาธิบดี เพราะผมรอดชีวิตมาได้หลังจากป่วยด้วยโรคนี้ผมจึงอยากคืนทุกสิ่งทุกอย่างคืนความสุขให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็ง ให้กับคนที่ไม่มีเงินรักษา ส่วนจะอุดหนุนยังไงขออุบไว้ก่อน เดี๋ยวจะออกมาบอกอีกทีว่าบริษัทไหนจัดจำหน่าย ก็ขอฝากทุกคนไว้ด้วยครับ”
“ผมป่วยเป็นโรคมะเร็งเมื่อปี 2013 อาการเริ่มต้นคือยกแขนไม่ขึ้น ซึ่งพอคุณหมอทำการผ่าตัดและนำเนื้อส่วนแขนไปตรวจเช็ก จึงพบว่าเป็นเนื้อร้ายที่มาจากไต เลยทำให้ต้องทำการผ่าตัดไตทิ้งไปข้างหนึ่ง และขูดเนื้อบริเวณแขนออก จากนั้นจึงดามแขนด้วยเหล็กจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งหลังจากนั้นผมก็ตรวจเช็กร่างกายตลอดทุกๆ 3 เดือนนะครับ แต่ก็ไม่มีอาการอะไร จนกระทั่งผมมาประสบกับปัญหาความรัก เชื้อมะเร็งที่มีอยู่มันก็เลยลามขึ้นมาบนสมองและต้นคอ ทั้งหมดมีอยู่ 5 เม็ด เป็นเม็ดใหญ่ๆ ทั้งนั้น แถมยังมีเลือดออกในสมองด้วย”
“ตอนนั้นคุณหมอบอกแม่ผมว่าให้ท่านทำใจ เพราะผมมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ 3 - 6 เดือนเท่านั้น ไม่น่าจะเกินไปจากนี้ แต่โชคดีของผมอย่างหนึ่งก็คือ แม่ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับผมเลยจนกระทั่งผมหายสนิท (ยิ้ม) คือ ความรู้สึกตอนที่ทำการรักษาเมื่อ 3 ปีก่อน ถึงแม้ผมจะไม่รู้ว่าผมป่วยในระยะไหน แต่ผมก็รู้ดีว่าสภาพของผม ณ ตอนนั้นคืออาการของคนที่เป็นหนักแล้ว เพียงแต่ผมมีความมุ่งมั่นในหัวใจว่าผมจะต้องหายให้ได้”
หวังว่าจะหาย อยากบวชเพื่อแม่ก่อนตาย อยากดูแลลูก อยากทำเทปชุดสุดท้ายในชีวิต
“จากนั้นผมก็ทำทุกอย่างตามคำสั่งคุณหมอ คือ ผมมีความหวังว่าผมจะหาย แม้จะเป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อยมากแต่ผมก็สู้ ผมอยากอยู่ต่อเพราะผมมีความตั้งใจหลายๆ อย่างที่ผมอยากทำ ผมอยากบวชให้แม่ก่อนตายซึ่งผมก็ทำได้ ผมอยากอยู่ดูแลลูกๆ จนเขาจบ และผมก็อยากทำเทปชุดสุดท้ายในชีวิตของผม ซึ่งก็คือผลงานอัลบั้ม เพชร แอนด์ เฟรนด์”
“ร่างกายของผมตอนที่ป่วย ก็เหนื่อย โทรม ขับรถไม่ได้ เวียนหัว อาการแย่มากครับ แต่เพราะกำลังใจจากครอบครัวผมจึงดีขึ้น แม่ผมพาผมไปไหว้พระตลอดเวลา ครอบครัวคือกำลังใจที่ดีที่สุดของผม วิธีการรักษาของผม ผมจะเน้นทานยาอย่างเดียวครับ เป็นยาที่มีหน้าที่ทำลายเนื้อร้ายโดยเฉพาะ ซึ่งค่ายาผมจ่ายเดือนละ 100,000 บาท เบิกประกันไม่ได้ นอกจากนั้นก็จะมีวิธีฉายแสงอยู่อีก 11 ครั้ง รวมถึงปฏิบัติจิตตัวเองให้ไม่เครียด ทำบุญทุกวันพระ นั่งสมาธิทุกเช้า เพราะถ้าเป็นโรคนี้แล้วเครียดจะไม่รอด”
รักษาทางจิต กินมังสวิรัติ ถือศีล 5 ตลอดชีวิต สุดท้ายรอด
“สำหรับตอนที่บวช ก็คือ ตอนนั้นคุณหมอทำการรักษาไปได้ประมาณ 3 เดือนแล้ว ผมเลยตัดสินใจว่าขอคุณหมอขึ้นไปบวชที่จังหวัดเชียงราย เป็นการบวชให้กับคุณแม่ ผมบวชอยู่ประมาณครึ่งเดือน และหลังจากนั้น พอกลับมาถึงกรุงเทพฯ เพื่อตรวจร่างกายอีกครั้ง ถึงได้ทราบข่าวดีว่าเชื้อมะเร็งที่เป็นอยู่มีขนาดเล็กลง จาก 2 เซนติเมตร เหลือเพียงแค่ 1.7 เซนติเมตรเท่านั้น และก็ค่อยๆ ลดลงทุกๆ ปี คือ ผมมีหลวงพ่อคอยเป็นกำลังใจให้ตลอด ท่านบอกผมเสมอว่าผมจะหาย แต่ต้องแลกกันโดยที่ผมต้องไม่ทานเนื้อสัตว์ใหญ่ ทานมังสวิรัติ ทานผัก ไม่ฆ่าสัตว์ และถือศีล 5 ตลอดชีวิต คือ ถ้าถือศีล 5 ได้ ไม่ว่ายังไงผมก็รอด เรียกว่าเป็นการรักษาทางจิต จนกระทั่งตอนนี้ผลตรวจของผมล่าสุด คือ หายสนิทครับ ไม่มีเชื้อมะเร็งแล้ว แต่ก็ต้องทานยาอยู่ แค่ลดประมาณจากเดือนละ 100,000 บาท เหลือแค่ 22,320 บาท”
“ตอนที่หายป่วยแล้ว และคุณแม่มาบอกว่า จริงๆ ช่วงที่ผมเป็นหนักคุณหมอบอกว่าผมมีชีวิตอีกแค่ 3 เดือนเท่านั้น ผมดีใจมากเลยนะ คือ ถ้าแม่มาบอกผมตั้งแต่แรก ผมก็คงอาจจะไม่มีชีวิตมาถึงทุกวันนี้ก็ได้ เพราะถ้าผมรู้ตอนนั้นใจผมคงเสีย”
เชื้อร้ายลามเพราะความเครียดจากความรักที่ผิดหวัง
“สำหรับเรื่องความรักที่ทำให้อาการผมทรุดจนมะเร็งลามขึ้นสมอง ก็คือแฟนผมคนล่าสุด คนสุดท้ายของชีวิต เขาก็ไปโรงพยาบาลกับผม และจังหวะที่เขาเจอกับคุณหมอ เขาก็ถามคุณหมอว่าผมป่วยในระยะไหน พอคุณหมอบอกเขาว่า ผมป่วยระยะที่ 4 ระยะสุดท้าย เขาก็ร้องไห้และมาหาผม พอเรากลับบ้านด้วยกันเขาก็เริ่มแปลกๆ ซึ่งผมไม่ได้พาดพิงอะไรเขานะ แต่ผมก็เสียใจมากเพราะเราสร้างบ้าน สร้างครอบครัวด้วยกันอย่างดี จากนั้นน้องเขาก็กลับไปอยู่บ้านคุณแม่เขา ส่วนเราก็เสียใจตามระเบียบ มันเลยเป็นผลให้เชื้อมะเร็งที่ตอนแรกมันอยู่ที่ไต มันก็ค่อยๆ ลามขึ้นสมองทันที”
“ตอนที่มะเร็งลามขึ้นสมอง อาการมันก็จะแบบปวดหัวหนักมาก ปวดหัวไม่มีสาเหตุ เดินเซ ตาพร่า ซึ่งตอนแรกจะให้คุณแม่กับน้องสาวขับรถไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาลศิริราช แต่ด้วยความที่อาการมันเป็นหนักมากจนผมรู้สึกว่าไม่ไหว เลยต้องเลี้ยวรถเข้าไปทำการรักษาที่โรงพยาบาลพระราม 9 แทน โชคดีมากครับที่วันนั้นพอเข้าไปแล้วได้เจอกับคุณหมอสมองพอดี หลังจากที่คุณหมอเขาดูอาการเสร็จเรียบร้อยเขาก็สั่งให้แอดมิดเลย ซึ่งทั้งหมดมันเกิดจากภาวะเครียดของเรา”
“ถามว่าทำใจนานมั้ยกับรักครั้งนี้ ผมรักษาแผลใจด้วยธรรมมะ ถือว่าเป็นกรรมเก่าของเรา ที่วันนี้หมดเวรหมดกรรมไปแล้ว ก็ขอให้น้องเขาโชคดีเช่นกัน เพราะเราเองก็โชคดีที่เราหาย ถือว่าต่างคนต่างก็ได้ชดใช้กรรมซึ่งกันและกัน หมดเวรหมดกรรมกันไปแล้ว”
ยอมรับหายปกติแล้ว แม้ความจำหายไปบางส่วน
“ความจำของผมทุกวันนี้ด้วยความที่อาการป่วยมันเกี่ยวกับสมอง ก็จะมีผลบ้างเหมือนกันที่ทำให้ความทรงจำหายไปบางเสี้ยว เรื่องสมัยเด็กๆ จะจำรายละเอียดไม่ได้ จำชื่อเพื่อนไม่ได้ ทั้งหมดเป็นผลกระทบจากอาการเนื้องอกในสมอง และอาการต่างๆ แต่ตอนนี้หายเป็นปกติเรียบร้อยแล้วครับ แค่ความจำที่มันหายแล้วมันก็หายไปเลยแค่นั้นเอง”