ชื่อของ “ปู่ท้าว ถาปัด” ณ ปัจจุบัน ได้รับการพูดถึงด้วยความชื่นชม ภายหลังความสำเร็จของทีมรักบี้โรงเรียนบ้านบาก แห่งเมืองอุบลฯ ชนบทห่างไกล พาตัวเองแข่งขันจนเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศท่ามกลางไม่พร้อมในหลายๆ ด้าน และความสำเร็จนั้นก็มีชายชราวัย 76 ผู้นี้ เป็นหนึ่งในผู้มีส่วนร่วมอย่างสำคัญ
นอกจากชีวิตส่วนตัวจะมีความหลงใหลในกีฬารักบี้ และคลุกคลีอยู่กับกีฬาประเภทนี้มาตั้งแต่เรียนมหา’ลัย ปี 3 ความรักและหลงใหลนั้นยังส่งต่อสู่ผู้อื่นด้วยเมตตา โดยตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา “สุธรรม บุณยะผลึก” ที่อายุอานามมากถึง 76 ปีจนทุกคนเรียกขานด้วยสมัญญา “ปู่ท้าว ถาปัด”
(เพราะจบจากสถาปัตย์ จุฬาฯ) ได้เดินทางไปทั่วฟ้าเมืองไทย นับรวมแล้วไม่มากไม่มาย แค่ 76 จังหวัดเท่านั้นเอง! นำเอาอุปกรณ์การเรียนการสอนรวมทั้งคำแนะนำเกี่ยวกับกีฬารักบี้ไปสอนให้กับเด็กตามโรงเรียนต่างๆ โดยบอกว่า “ไม่หวังผลอะไรตอบแทนอะไร” หวังเพียงทำให้เด็กๆ รับประโยชน์
“เรามีความสุข เราได้ทำประโยชน์ให้เด็กๆ เราก็ไม่ได้เก่งระดับโลก ระดับอะไรหรอกนะ แต่แค่เราได้ทำ เรามีความมุ่งมั่น มีความเมตตา มีความรักที่จะทำให้เด็กๆ เขาได้สิ่งดีๆ ในชีวิต ตรงนี้ก็ถือว่าทำบุญให้กับประเทศชาติ ทำบุญให้เด็กๆ ไป เด็กเป็นผ้าขาวบริสุทธิ์ เราก็ควรปลูกฝังอะไรดีๆ ให้เขา”
ในบางบรรทัดของการสนทนา ปู่ท้าวกล่าวกับเราเช่นนี้ และอีกหลายๆ บรรทัด ปู่ท้าวบอกเล่าประวัติความเป็นมา แนวความคิด ตลอดจนความมุ่งหวังในกีฬาชนิดนี้ มารู้จักกับปู่กันเลยดีกว่า
• สืบเนื่องมาจากข่าวทีมรักบี้เยาวชน 7 คนจากโรงเรียนบ้านบากที่ผู้คนประทับใจและชื่นชม ซึ่งเขาแชร์กันว่า ปู่ท้าวเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในครั้งนี้ด้วย ไม่ทราบว่ามีความเป็นมาอย่างไรบ้างคะ
ก่อนอื่นจะบอกว่าที่เรารู้จักเขา เพราะเขาพาทีมมาแข่งที่จังหวัดมหาสารคาม เป็นการคัดเลือกรักบี้โซนอีสาน เพราะสมาคมก็จะมีการจัดคัดรักบี้แต่ละภาค ภาคเหนือจัดที่จังหวัดเชียงใหม่ ภาคใต้จัดที่จังหวัดกระบี่ ภาคกลางจัดที่โรงเรียน ภ.ป.ร. ราชวิทยาลัยฯ จังหวัดนครปฐม ภาคอีสานจัดที่จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งเด็กๆ เขาจะเดินทางมาแข่งวันที่ 9 กันยายน 2559 วันที่ 4 กันยายน 2559 ผมไปกระบี่เพื่อจะไปดูแข่งของภาคใต้ ส่วนวันที่ 6 กันยายน 2559
แต่ก่อนหน้านั้น ผมไปเยี่ยมเขาที่โรงเรียนบ้านบาก ที่อำเภอวารินชำราบ เราก็จะไปติวเด็กก่อนที่จะมา ปรากฏว่าก็ไม่ได้ติว แต่จริงๆ เราก็ได้ไปสอนก่อนหน้านั้นแล้ว เพราะครูเขาให้สอน ซึ่งเราก็เอาอุปกรณ์ เอาลูกรักบี้ที่เรามีอยู่ไม่กี่ลูกไปให้
• รู้สึกอย่างไรกับปรากฏการณ์ครั้งนี้บ้างคะ
จริงๆ ปู่ตกข่าวตรงนี้นะ แต่มีน้องๆ มาบอกว่าดังใหญ่แล้ว (หัวเราะ) เพราะเราไม่ได้สนใจเลย เราอยากทำความดีอยู่แล้ว เราไม่อยากได้หน้าได้ตา เราแค่มีความสุขที่เราเห็นเด็กเขามีความสุขก็พอแล้ว แต่จากกระแสตรงนี้ก็มีคนเข้ามาช่วยเหลือมากขึ้นนะ เมื่อวานไปเช็คบัญชีก็มีคนช่วยมา หลักร้อยบ้าง หลักพันบ้าง หลักหมื่นก็มี ผมก็อยากขอบคุณนะที่เขาเป็นหนึ่งที่เข้ามาช่วยสนับสนุน ซึ่งบัญชีนี้เป็นบัญชีกองทุนเอาไว้ช่วยสนับสนุนเด็กๆ (ยิ้ม)
• ตรงนี้ไม่ทราบว่าก่อนหน้าที่จะมาสอนรักบี้ให้กับเด็กๆ ส่วนตัวปู่ท้าวไปเริ่มเล่นรักบี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ
ปู่เริ่มเล่นรักบี้มาตั้งแต่มหาวิทยาลัย ปี 3 ตอนนั้นเป็นช่วงเพิ่งหัดเล่น พอปี 4 ก็ได้มาเล่นทีมมหาวิทยาลัย ตอนนั้นมีเพื่อนเป็นนักกีฬามหาวิทยาลัยในสมัยนั้น เขาเป็นนักเรียนเตรียม เป็นประธานปี 3 เขามาชวนผมให้ไปเล่นรักบี้ เราก็ไปเล่น คนนี้แหละเขามีบุญคุณที่ทำให้เราได้เล่น ถ้าเขาไม่ชวน เราก็คงไม่ได้รู้จักรักบี้ เขาเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับผมแหละ แต่เขาเป็นนักกีฬามหาวิทยาลัย พอเข้าไปแล้วคนฝึกสอนให้คือหมอพินิจ ทวีศิลป์ ท่านเป็นโค้ชของจุฬาฯ แล้วก็ให้การอบรมสั่งสอนเรา
เมื่อก่อน จุฬาฯ จะมีเด็กโครงการช้างเผือก เขาก็ฝึกเด็กที่หัดใหม่อย่างเราไปเล่น ตอนนั้น จุฬาฯ, ธรรมศาสตร์ และเกษตรศาสตร์ก็จะอยู่แถวหน้าในกีฬาด้านนี้ เป็นมหาวิทยาลัยบุกเบิกในการเล่นรักบี้เลยก็ว่าได้ และจะฝีมือพอฟัดพอเหวี่ยงกัน ซึ่งหมอพินิจที่สอนผม แกก็เป็นนักกีฬาทีมชาติรุ่นแรกที่ได้ไปแข่งที่ประเทศอังกฤษ ท่านอบรมสั่งสอนเราให้เล่นรักบี้เป็น ก็ต้องขอบคุณ และขอบคุณน้องๆ ทั้งหลายด้วย เพราะตอนที่ปู่หัดเล่นตอนเรียนปี 3 ก็มีน้องปี 1 นี่แหละที่เป็นผู้หัดให้ (หัวเราะ)
อีกอย่าง ปู่ได้เรียนทักษะฝึกเพื่อแข่งขัน แต่จะได้เรียนรู้จริงๆ ตอนเรียนจบแล้ว เราได้ดูสื่อจากต่างประเทศ เราซื้อเทปจากต่างประเทศมา ประเทศไหนมีเทปเกี่ยวกับรักบี้ เราจะสั่งมา แล้วเราก็เอามาให้ความรู้คนอื่นเพื่อต้องการให้คนมีมาตรฐานการเล่นที่ถูกต้อง เวลาทีมชาติไทยไปไหน อย่างมาเลเซีย สิงคโปร์ ศรีลังกา ฯลฯ เราก็ติดสอยห้อยตามเขาไป ก็เกิดความรักในรักบี้ เกิดความผูกพัน แล้วเราก็ไปเจอแต่คนน่ารักๆ น่าเป็นเพื่อน น่าคบหา
ปู่คลุกคลีอยู่กับกีฬารักบี้มาตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ ตอนนี้ก็อายุ 70 กว่าแล้ว รักบี้เป็นแรงบันดาลใจของปู่เลยนะ เพราะเราได้มีโอกาสไปเจอนักรักบี้ดังๆ ที่เราเห็นในจอทีวี เราได้ไปสัมผัส ได้ไปคุยกับเขา ได้เห็นคนดูที่น่ารักซึ่งมีวัฒนธรรม ทุกคนไปดูสนามกีฬา ยิ้มแย้มแจ่มใส ฉันจะได้ดูเกมดีๆ ไม่สนใจใครจะแพ้ชนะ ขอให้ได้ไปดูเกมดีๆ ให้ได้
จริงๆ ปู่เป็นคนไม่เก่งนะ แต่ว่ามีความเพียรสูง มีความมานะพยายามก็เลยได้มีโอกาสรับใช้ทีมรักบี้ เราเป็นคนที่ไม่มีพรสวรรค์ ไม่มีอะไรเลย จนก็จน เก่งก็ไม่เก่ง ไม่เคยเล่นระดับชาติ มีแต่ความมุ่งมั่น ที่ปู่ชอบกีฬานี้ตรงที่ว่า รักบี้เป็นสื่อที่ทำให้มนุษย์ ได้มาเล่นกันได้เป็นเพื่อนกัน เหมือนที่เขาบอกว่าเป็น Fun & Friend concept . We play for fun and we run for friend. Before look like enemy after we come friend. There is no real loser or real winner the real winner is Rugby หมายความว่า การแข่งขันไม่มีใครเป็นผู้แพ้ชนะที่แท้จริง ผู้ชนะที่แท้จริงคือกีฬารักบี้ที่เราเล่น เพราะว่าใครจะชนะ ก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญ ผู้ชนะคือรักบี้ที่เราเล่น เราถือว่ากีฬารักบี้เป็นกีฬา family sport. We are the family no nation no color ทุกคนเล่นแล้วเป็นเพื่อนกันหมด ไม่มีเชื้อชาติศาสนา
• ปู่ท้าวจบคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาใช่ไหมคะ ถามถึงวัยหนุ่มหลังจากเรียบจบหน่อยค่ะว่าปู่ท้าวทำอะไรมาบ้าง ทำไมถึงผันตัวมาสอนรักบี้ให้กับเด็กๆ อย่างเป็นจริงเป็นจังได้คะ
ตอนแรกผมสอนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาก่อน ซึ่งตอนนั้นผมก็สอนไปด้วย แล้วทำงานไปด้วย ผมทำงานที่กรมโยธาธิการ ทำอยู่ได้ประมาณ 10 กว่าปี ภรรยาก็บอกว่าเราเป็นข้าราชการทั้งสองคน สวัสดิการมันก็พึ่งกันได้ เจ็บไข้ได้ป่วยเราก็เบิกของภรรยาได้ ภรรยาผมทำงานที่ไทยพาณิชย์ซึ่งเขาก็มีสวัสดิการโบนัสหลายเดือน ซึ่งรุ่นพี่เราที่อยู่ในกรมโยธาธิการเขาก็มีพี่ชายอยู่ที่ธนาคารไทยพาณิชย์เป็นผู้จัดการฝ่าย เขาอยากได้คนไปทำงานอยู่พอดี ผมก็เลยได้ไปทำงานที่ธนาคารไทยพาณิชย์ แต่ไม่นานก็ลาออก เพราะกะว่าจะมาทำอาชีพอิสระ ซึ่งเรียนจบสถาปัตยกรรมศาสตร์มา จะสามารถทำอาชีพอิสระได้ แต่พอได้มาจับรักบี้ ผมก็ไม่ได้ทำอาชีพอิสระเลย
จุดพลิกผันจริงๆ อยู่ตรงที่ว่า วันหนึ่ง ทางจุฬาฯ เขามีโค้ชทีมชาติมาสอน ตอนนั้นทำให้มีโค้ชเป็นเรื่องเป็นราว แล้วบังเอิญว่าสมาคมรักบี้จัดอบรมกับกรมสามัญศึกษา ประมาณ 40 จังหวัด ตอนนั้นเลยทำให้เราคิดไปสอนที่โรงเรียนต่างจังหวัดจริงๆ เพราะเราได้รู้จักเครือข่าย แล้วจังหวัดสุรินทร์เขาทำทีมอยู่ เราเลยต้องไปหาเพื่อนเล่นให้เขา ไปจังหวัดบุรีรัมย์ ไปจังหวัดศรีสะเกษ ไปหลายๆ จังหวัดเพื่อสร้างเครือข่าย เราก็เลยผันตัวไปสอนที่บ้านนอกตั้งแต่นั้นมา น่าจะประมาณอายุ 50 กว่าได้แล้วมั้งครับ (ยิ้ม)
• ช่วยเล่าประสบการณ์ที่ไปสอนมาให้ฟังหน่อยค่ะว่านอกจากโรงเรียนบ้านบาก จังหวัดอุบลราชธานีแล้ว ปู่ท้าวได้ไปสอนที่ไหนมาอีกบ้างคะ
เราอยู่ตรงนี้มา 20 กว่าปี มันก็ทั่วประเทศนะ ไปมาครบแล้ว 76 จังหวัด แต่ยังพลาดอยู่จังหวัดเดียวคือจังหวัดตากที่ยังไม่ได้ไป ผมจะเลือกสอนเฉพาะโรงเรียนที่มีครูทำ เพราะว่าเราสูญเปล่ามาเยอะแยะ บางที่ไปแล้วก็เอาลูกรักบี้ไปสอน แต่ไม่มีใครสานต่อ ก็เลยคิดว่าถ้ามีใครที่จะทำให้เรา เราก็จะไปเยี่ยม เอาลูกรักบี้ไปให้แล้วก็สอน สอนทั้งรุ่นน้องในจุฬาฯ รุ่นน้องในคณะ แล้วก็ออกไปสอนทั่วประเทศ แล้วก็อยากไปทำให้ต่างประเทศด้วย (ยิ้ม)
อย่างประเทศลาว ผมก็ได้ไปสอนมาแล้ว ที่ได้ไปสอนเพราะว่า 30 ปีที่แล้ว ไทยเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ที่โคราช ซึ่งเราก็ผลักดันให้เขามีกีฬารักบี้หญิงบรรจุในกีฬาซีเกมส์ ตอนนั้นจะมีประเทศไทย สิงคโปร์ กัมพูชา แล้วเขามีข้อแม้ว่าจะต้องมี 4 ชาติที่ลงแข่ง ผมก็เลยไปที่ลาว ไปติดต่อให้เขามาเล่นรักบี้เพื่อให้ครบและจัดการแข่งขันได้
ผมเลยได้ไปสอนตั้งแต่เด็กเล็กๆ จนถึงระดับทีมชาติ เป็นครูข้ามแดนเลยนะเนี่ย (หัวเราะ) จริงๆ ก็ฝันว่าอยากไปสอนประเทศอื่น อย่างพม่า เวียดนาม สอนในกลุ่มสมาชิกอาเซียนให้เขาได้เล่นรักบี้ มันจะได้มีรักบี้ซีเกมส์ทุกครั้งเพราะถ้าเกิด ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย ไม่ได้เป็นเจ้าภาพรักบี้ก็จะไม่ถูกบรรจุในกีฬาซีเกมส์ เขาก็เล่นไม่เป็น
มีครั้งหนึ่ง ผมได้เดินทางไปปีนัง ไปสิงคโปร์ ตอนอยู่จุฬาฯ ตอนนั้นก็ได้เพื่อน ได้อะไรมามากมาย พอจบ ผมก็ได้ไปเป็นผู้จัดการทีมไปแข่ง ตอนนั้นจะเป็นกีฬามหาวิทยาลัยต่างชาติ มีเกษตรศาสตร์ มีธรรมศาสตร์ มีจุฬาฯ มีสิงคโปร์ ตอนนั้นผมเป็นผู้จัดการทีมไม่กี่วันเขาก็โทรมาบอกว่าเราได้ทุนไปเรียนฝรั่งเศส ส่วนรางวัลที่ได้มาส่วนใหญ่จะไม่ได้อะไร เพราะเราเป็นหัวหน้าทีม ก็มีได้รางวัลบ้าง อย่าง รางวัลเอเชี่ยนรักบี้ฟุตบอลยูเนี่ยน ปี 2013 เราก็เป็นคนไทยคนแรกที่ได้รางวัลนี้, รางวัล Mondial 2004 Trophee Philippe Boffy, รางวัล M.N.V. 2004 เป็นต้น
• สอนเป็นอาชีพเลยไหมคะ เพราะเห็นว่าต้องมีโรงเรียนที่เขาทำกีฬารักบี้ก่อน เราถึงเข้าไปสอนได้ หรือหน้าที่ปู่ท้าวคืออะไรกันคะ
ส่วนใหญ่เราจะไปติดต่อเองเลย ยกตัวอย่างที่เข้าไปที่ประชุมของโรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งเราได้ข่าว เราก็ไปเดินถามเลยนะว่าใครจะทำรักบี้ให้ผมบ้าง แล้วก็มีอาจารย์คนหนึ่งที่น้องชายเขาจบ ภปร. เขาก็รู้ว่ารักบี้เป็นยังไง เขาก็อาสามาทำด้วย ปู่ก็เลยได้มีโอกาสได้ไปที่โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติ เราก็ได้ไปเริ่มต้น ได้ไปสอนต่อ ซึ่งเราจะเริ่มต้นจากโรงเรียนนั้นเขามีรักบี้ เราก็ช่วยเข้าไปสอนทักษะให้กับครู กับนักเรียน แล้วก็ช่วยค่าสมัคร ค่าเดินทาง เอาลูกรักบี้ไปให้ เหมือนเราเป็นสื่อกลาง สนุกจะตายไป
เราจะเสนอตัวเองเข้าไปขอสอนเพราะด้วยความที่มีใจรัก อย่างโรงเรียนสินสมุทรที่อยู่หน้ากองทัพเรือสัตหีบ เป็นโรงเรียนทหารเรือ เขามีทีมชาติเยอะมาก แต่ก็ไม่มีใครไปสอน ผมก็ไปถึงที่เลย ไปถาม ผอ. ว่าเรามาจากสมาคมรักบี้ อยากจะทำรักบี้ บังเอิญลูกชายเขาก็เล่นรักบี้ เขาก็ยินดี เราก็ไปทำเลย ปู่จะไปเคาะประตูถึงที่ ไปเสนอตัวเอง ซึ่งเราจะมีสมุดไดอารี่ มีเบอร์ จังหวัดนู้นจังหวัดนี้ ก็จะโทรไปถามว่าเขาสนใจจะทำรักบี้กับเราไหม ประมาณนี้ จะไปเองถึงที่ โดยที่ไม่ต้องมีใครมาขอร้องให้เราทำ อย่างถ้าจังหวัดนี้ทำ เราก็จะไปหาเพื่อนเล่นให้เขา ไปจังหวัดใกล้เคียง ไปจังหวัดใกล้ๆ ไปตามอำเภอต่างๆ บางทีนั่งรถลำบากลำบนไปเลยนะ ไปถึงแล้วไม่มีใครสนใจก็มี
หน้าที่หลักๆ เลย คือเราจะนำอุปกรณ์ สื่อการสอนพวกดีวีดีและตำราไปให้ แล้วเราก็จะแนะนำทักษะพื้นฐานให้เขา เพราะว่าการรับลูกส่งลูก มันไม่ได้มีแบบเดียว แต่มีตั้ง 20 แบบ มันละเอียดมาก ซึ่งคนอื่นอาจจะไม่รู้ว่ามันมีเยอะ แต่เรารู้เพราะศึกษามาเยอะ เรามีประสบการณ์เยอะ เราอ่านหนังสือ เรามีวิดีโอ เรามีสื่อการสอน แล้วเราแปลหนังสือ ซึ่งปู่เป็นคนแรกที่แปลตำราการสอนรักบี้เลยนะ เพราะคู่มือการสอนมันไม่มีในเมืองไทยตอนนั้น เราก็เป็นคนแรกที่แปล แปลไปก็มีความสุขไป ได้ความรู้ไปด้วย เรามีความรู้เยอะก็อยากไปเผยแพร่ เพราะถ้าเรามีพื้นฐานตรงนี้ การเล่นจะงดงาม เป็นศิลปะมากๆ ไม่ใช่เล่นไปหยุดไป คนดูก็เบื่อ คนเล่นก็เบื่อ แต่ถ้าเราทำให้มันงดงานคนดูก็จะมีความสุข คนเล่นก็จะสนุก เราเข้าไปสอนเทคนิคที่ถูกต้อง ที่เป็นสากลตรงนี้ (ยิ้ม)
• เด็กๆ แต่ละที่ให้การตอบรับดีไหมคะ
เด็กๆ ก็ดีใจนะ เพราะเขาอยากเล่นอยู่แล้ว มีอยู่ปีนึง ปู่เคยไปสอนเด็ก ม. 1 โรงเรียนเขามี 8 ห้อง ซึ่งครูผู้หญิงที่นี่แกก็ช่วยทำรักบี้ให้ ตอนนั้นปู่ก็ไปเยี่ยม ไปขออาจารย์เขาว่าขอเราสอนรักบี้ 8 ห้องเลย สอนตั้งแต่คาบแรกยันคาบสุดท้ายครบทุกห้อง คาบละ 40 นาที สอนเสร็จเด็กเขาก็มาขอสมัครเล่นเยอะมาก ซึ่งปู่คิดว่ามันต้องทำแบบนี้แหละ เราต้องไปตามโรงเรียนแต่ละโรงเรียน เพราะถ้าเราให้ประกาศหน้าเสาธง ส่วนใหญ่เด็กไม่มาหรอก บางทีเขาไม่ฟังด้วยซ้ำว่าเราประกาศอะไร แต่เราไปถึงห้องเลย เอาลูกรักบี้ไปถามว่าใครจะเล่นรักบี้ไหม ซึ่งก็มีเด็กมาสมัคร
อย่างบางโรงเรียน ปู่ขอพบเด็ก ม.1 เลยนะ ตอนไหนก็ได้ เช้าหรือกลางวันก็ได้ ไปชี้แจงให้เขาฟัง เด็กเขาก็มาเล่นนะ แต่จากประสบการณ์ที่สัมผัสมา เด็กประถมจะสนใจมากกว่า เพราะเวลาที่ถามเด็กประถมว่าใครจะเล่นรักบี้บ้าง เขายกมือกันทั้งห้องเลย แต่พอไป ม.1 จังหวัดเดียวกันนะ แต่เขาไม่เอาแล้ว ป.6 กับ ม.1 ต่างกันปีเดียวเอง แต่เขาก็ไม่เอาแล้ว สงสัยอายหรือกลัวเพื่อนแซวหรือเปล่า คือเราก็ได้ข้อสรุปว่าเราต้องไปเริ่มตั้งแต่แด็กประถม ซึ่งกีฬาอื่นๆ เขาก็เริ่มสอนตั้งแต่ประถมเหมือนกัน เราต้องให้เขาเลือกว่าเขาชอบไหม ถ้าเกิดผู้ใหญ่จะให้เด็กมีโอกาส ต้องไปเจาะเด็กประถมเลย
ยกตัวอย่างจากตัวเราเอง เมื่อก่อนไม่เคยเล่นรักบี้เลย เห็นเขาเล่นแล้วกลัวเจ็บ แต่พอมาเล่นแล้วกลับชอบเพราะเราได้เจอกับตัวเราเอง เราก็เลยอยากให้เด็กได้สัมผัส ได้ลองมาเล่นดู เขาจะชอบหรือไม่ชอบ ถ้าเขาไม่ชอบก็ไม่เป็นไร เราจะให้โอกาสเขาก่อน อย่างคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ เนี่ย ไปถามว่าใครจะเล่นเขาก็ไม่เล่น ก็เลยต้องบังคับน้อง น้องเลยต้องเล่น พอเล่นไปสักอาทิตย์นึง เทอมนึง ไม่ชอบก็ไม่เป็นไร ต่อไปก็ไม่ต้องเล่น แต่เราจะให้เขาได้สัมผัสก่อน (ยิ้ม)
• เห็นบอกว่าไปมา 76 จังหวัดแล้ว แสดงว่าหลายโรงเรียนสนับสนุนกีฬารักบี้ใช่ไหมคะ
ไม่ค่อยมีนะ อย่างตอนแรกๆ สมาคมรักบี้จัดอบรมกับกรมสามัญศึกษา ก็จะมีแค่ประมาณ 2 จังหวัดเองมั้งที่เขายินดีมาทำรักบี้ให้กับเรา ตอนนั้นมีแค่จังหวัดสุรินทร์กับจังหวัดนครนายก ซึ่งครูที่นี่เขาก็ไม่เคยเล่นรักบี้มาก่อน แต่ท่านสามารถทำทีมชนะวชิราวุธ ภปร.ได้ เขาเลยเรียกกันว่าวชิราวุธอีสาน ซึ่งครูสุรินทร์คนนี้ เขาไม่เคยเล่นรักบี้นะ แต่เขามีความรักในรักบี้ เขารักเด็กมาก มีความเมตตาสูง ทั้งภรรยาเขา ทั้งลูกเขาเล่นรักบี้กันหมดเลย เป็นครอบครัวรักบี้มากๆ อันที่จริง บ้านเรามีปัญหาตรงนี้นะที่มัวแต่ไปมอมเมา แจกแท็บเล็ตเด็ก ป.1 เป็นการที่ทำให้เด็กขาดโอกาสที่จะได้มีเพื่อน มีสังคมในวัยเด็ก สนุกสนาน ไปยุ่งแต่กับเกม
• แล้วจากเด็กที่ไม่เคยเล่นรักบี้มาก่อนเลย เรามีกลยุทธ์การฝึกฝนยังไงบ้างคะ
หนึ่งเลย เราต้องให้ความรักความจริงใจกับเด็กๆ เด็กจะเก่งไม่เก่งยังไง ถ้าเราให้ความรักให้ความจริงใจ เดี๋ยวเด็กก็จะชอบเอง ยกตัวอย่างเด็กโรงเรียนผู้หญิงราชโบริกานุเคราะห์ จังหวัดราชบุรี ที่นั่นครูเขาก็งงนะตอนที่เราไปขอสอน พอสอนเสร็จ เขาก็มาถามว่าเราทำยังไงให้เด็กๆ สนใจรักบี้ ทำให้เด็กอยากเล่นรักบี้ คือเขาแปลกใจเพราะเด็กเขาเป็นเด็กเรียน ไม่ค่อยสนใจกิจกรรม ไม่เล่นกีฬาอะไรสักอย่างเลย เอาแต่เรียน แต่พอเราไปสอน เด็กกลับชอบ เพราะว่าเราทำด้วยความเมตตา
อย่างเด็กคนไหนไม่เก่ง เราก็ไม่ทำหน้าน่าเบื่อ เราจะให้กำลังใจเขา พยายามให้เขาจับลูกรักบี้ ไม่ใช่ว่าจะให้แต่คนวิ่งเก่งๆ เล่น เราจะให้ทุกคนได้แชร์ความสุขด้วยกัน เราจะไม่ลำเอียง ยิ่งไม่เก่ง ปู่จะยิ่งให้โอกาสเขานะ เขาจะได้มีความสุขและอยากเล่นต่อไป บางคนไม่กล้าเล่นกีฬาเพราะกลัวว่าจะเป็นตัวถ่วงในทีม เล่นแล้วทำให้ทีมเสีย เราก็ให้กำลังใจเขา เพราะเราต้องการให้เขาออกกำลังกาย มาดูแลสุขภาพ เล่นเป็นเพื่อนเป็นฝูงกัน
จุดสำคัญเลยคืออยากให้คนหันมาออกกำลังกาย เล่นกีฬาอะไรก็ได้ที่ง่ายๆ รับลูก ส่งลูก เกิดความสามัคคีกัน (ยิ้ม) โดยรวม เราต้องสอนว่าเราเล่นเพื่ออะไร สอนจุดมุ่งหมาย สอนจริยธรรม สอนให้เขาเป็นคนดีด้วย ไม่ใช่สอนให้เขาเอาชนะอย่างเดียว และถามว่าทำไมต้องเป็นรักบี้ เพราะว่ารักบี้มันสลายพฤติกรรมของคนให้เกิดความรักสามัคคี ทำให้พี่รู้จักน้อง น้องรู้จักพี่ มันทำให้เราเป็นเพื่อนกันได้ง่าย ก็พยายามให้เด็กๆ เขาได้รับสิ่งดีงามในชีวิต เอารักบี้มาสอนเขา
• ทางครอบครัวว่าอย่างไรบ้างคะกับสิ่งที่เราทำ
ภรรยาปู่เข้าใจนะ เขาเป็นคนฉลาด เป็นคนดี เขาจะบอกปู่เสมอว่า อย่าเป็นคนรกโลกนะ เกิดมาทำประโยชน์ให้สังคมบ้าง เขาจะพูดแบบนี้เสมอ ซึ่งเราก็โชคดีที่มีเมียที่มีน้ำใจ ปู่ประทับใจในตัวเขามากนะ เพราะเขาเป็นคนที่ไม่เห็นแก่ตัว เขาจะคอยช่วยสนับสนุนให้เราทำเต็มที่เลย ไม่มีกีดกัน ไม่อะไร ปู่ไม่มีลูกนะ จริงๆ ปู่ควรจะอยู่เป็นเพื่อนเขาด้วยซ้ำ แต่เราก็เดินทางตลอด ทิ้งเขาอยู่บ้านคนเดียวตลอด
อย่างโรงเรียนที่ผมไปสอน ผมจะไปอยู่สอนวัน สองวัน อย่างทุกวันนี้ก็จะไปเช้าเย็นกลับ เพราะว่าเรามีสุนัขต้องดูแลอยู่ ตอนที่ภรรยายังอยู่ เขาว่าผมเป็นปลากระดี่แก่ๆ ได้น้ำ (หัวเราะ) พอได้ไปสอนหน่อย ลืมเมีย ลืมหมา ลืมบ้าน ไปหมด (หัวเราะ) เจอแดดเปรี้ยงๆ ปกติเราร้อนนะ แต่พอมีลูกรักบี้ ได้เจอเด็ก แดดไม่สน ไม่ร้อน มันลืมไปหมด เพราะเราอยากใช้เวลาให้เป็นประโยชน์กับเด็กๆ สอนตั้งแต่เช้ายันเย็น ถามว่าเหนื่อยไหมก็เหนื่อยนะ แต่พอเด็กมา เราจะเหนื่อยไม่ได้ เราต้องสอน เพราะเวลาเรามีจำกัด
• เห็นว่าลงทุนควักเงินส่วนตัวไปสอนรักบี้เด็กๆ ด้วย ใช่ไหมคะ
จริงๆ ก็แค่นิดๆ หน่อยๆ เพราะส่วนใหญ่เงินที่ได้คือเงินกองทุน ปู่สร้างกองทุนรักบี้ ก็ได้น้องๆ สถาปัตย์เข้ามาช่วยเป็นส่วนใหญ่ ยกตัวอย่างน้องคนหนึ่ง เมียผมเขาเรียกเป็นลูก รู้จักกันมา 16 ปี คนนี้เขาก็โอนเงินเข้าบัญชีให้เรา เดือนละหกพัน เจ็บไข้ได้ป่วยก็พาไปรักษา เขาก็ดูแลเรา เวลาเราไม่ค่อยมีเงิน ก็โทรไปหาน้องๆ ที่เขารักเรา เขาก็ช่วย เด็กผู้หญิงก็ช่วยมาสองหมื่นสามหมื่น คุณประภาส ชลศรานนท์ ก็ให้มาทีละห้าหมื่น ก็อยู่ได้เพราะน้องๆ สถาปัตย์ ตอนนี้พอได้ข่าวนี้ออกไปเกิดการช่วยเผยแพร่ ก็เกิดตื่นตัวในวงการตรงนี้ก็มีคนเข้าช่วยเหลือมากขึ้นนะ เมื่อวานไปเช็คบัญชีก็มีคนช่วยมา หลักร้อยบ้าง หลักพันบ้าง หลักหมื่นก็มี ผมก็อยากขอบคุณนะที่เขาเป็นหนึ่งที่เข้ามาช่วยสนับสนุน ซึ่งบัญชีนี้เป็นบัญชีกองทุนเอาไว้ช่วยสนับสนุนเด็กๆ
นี่ก็คิดไว้นะว่าถ้าเผื่อไม่ได้น้องๆ ช่วย ถ้าไม่มีจริงๆ ก็คงต้องเอาเงินมรดกที่เมียหาไว้ให้ออกมาใช้ เพราะว่าถ้าเราตายไปปุปปับ มรดกที่เมียให้มันก็สูญเปล่า เราก็ดึงๆ มา ไม่มีจริงๆ หมดตัวจริงๆ ก็อาจจะต้องให้น้องๆ เขาช่วย น้องๆ ก็คงจะดูแลเราได้ ก็มีคนเชิญชวนไปอยู่หลายบ้าน หลานก็ชวนไปอยู่อยุธยา น้องคนหนึ่งก็ชวนไประยอง มีคนจะรับเลี้ยงเรา แต่เราบอกไม่ไป เพราะตอนนี้เรายังมีแรงที่จะเดินทางไปนู่นไปนี่อยู่ ก็ขออยู่บ้านตัวเองที่นี่ไปก่อน
• แบบนี้ใช่ไหมที่เขาว่ากันว่าปู่ท้าวปิดทองหลังพระมาโดยตลอด
จะว่าไปแล้วเราก็เป็นคนธรรมด๊า...ธรรมดาคนหนึ่ง มีลูกศิษย์ปู่คนหนึ่งเขาเป็นทีมชาติ เขาบอกปู่เป็นคนปิดทองในรูทวารพระ ขอหยาบหน่อยนะ ประมาณว่าส่วนอื่นของพระ เรายกพระ เราก็มองเห็น แต่นี่คือในทวารพระเลย ไม่มีใครเห็นเลย ซึ่งมันก็เรื่องจริงนะ เพราะตั้งแต่ที่ทำมา สมาคมก็ไม่ได้สนับสนุนเรา ค่าโทรศัพท์เราเสียเท่าไหร่ที่ต้องโทรไปหาคนนั้นคนนี้ ค่าเดินทางอะไรต่างๆ ก็ไม่ได้มีใครช่วย ก็มีน้องๆ สถาปัตย์นี่แหละที่ดูแลเรา ช่วยสนับสนุนเรา แต่เราก็ไม่ได้ไปว่าใครเขานะ เพราะว่าเขาไม่ได้มามีชีวิตอย่างเรา แต่เรามีความสุขไง ได้เห็น ได้สัมผัส แต่คนอื่นเขาไม่ได้มาเห็นแบบเรา เขาเลยไม่รู้ว่าความสุขของแด็กๆ เป็นยังไง
ปู่จะทำจนกว่าจะหมดแรง คิดว่าคงอยู่ได้อีกนาน เพราะตอนนี้เราระวังเรื่องอาหารการกิน เรากินมังสวิรัติ เรากินข้าวกล้อง ไม่กินน้ำตาลทรายขาว อะไรที่คิดว่ามันน่าจะทำให้เราอายุยืน เราก็ทำ เพราะว่าเราตายไม่ได้ ถ้าตายเร็ว เด็กๆ คงจะไม่มีใครดูแลเขา ตอนนี้เราอยู่บ้านคนเดียว แม่บ้านก็ไม่มี มีหมา 1 ตัว แมว 1 ตัว เราก็ต้องประคับประคองชีวิตเราให้มีความสุขที่เราได้ไปเจอหลานๆ แล้วสนุกสนานหายเหนื่อย ทำไมคนถามว่าเราทำได้ ก็ในเมื่อเด็กๆ เขาได้รับประโยชน์ เขามีความสุข เราก็ต้องทำต่อไป ไม่เคยท้อแท้ (ยิ้ม)
• จะว่าไปแล้วรักบี้ให้อะไรในชีวิตปู่ท้าวบ้างคะ
นี่ก็ยังเดิน ยังวิ่งได้อยู่เลย ถ้าเราไม่ทำกิจกรรม ไม่ออกกำลังกายนะ เราอาจจะเฉาตาย เป็นง่อยเปลี้ยเสียขาไปแล้ว นี่ยังขับรถไปไกลๆ ได้ ขับได้เป็น 400 กิโลเมตรเลยนะ อีกอย่าง เรามีความสุข เราได้ทำประโยชน์ให้เด็กๆ เราก็ไม่ได้เก่งระดับโลก ระดับอะไรหรอกนะ แต่แค่เราได้ทำ เรามีความมุ่งมั่น มีความเมตตา มีความรักที่จะทำให้เด็กๆ เขาได้สิ่งดีๆ ในชีวิต ตรงนี้ก็ถือว่าทำบุญให้กับประเทศชาติ ทำบุญให้เด็กๆ ไป เด็กเป็นผ้าขาวบริสุทธิ์ เราก็ควรปลูกฝังอะไรดีๆ ให้เขา (ยิ้ม)
มีหลายคนถามเหมือนกันนะว่าได้ค่าจ้างอะไรรึเปล่า ตอบเลยว่าไม่ได้ เราเป็นคนกลาง เป็นสะพานบุญให้คนอื่น เราไม่ได้ควักเงิน แต่เราก็ไม่ได้เงินนะ อย่างไปสอนโรงเรียนไหน เวลาเจ้าภาพจะเลี้ยง เราก็พยายามจะออกเงินเอง เราเป็นผู้ใหญ่ จะให้เด็กมาเลี้ยงได้ยังไง ก็พยายามช่วยๆ กัน กินอยู่กันง่ายๆ นอนโรงแรมแทบจะไม่ได้นอนเลย นอนโรงเรียน นอนห้องพยาบาล นอนอะไรก็ได้ เพราะโรงเรียนจะให้เราไปอยู่โรงแรม ให้เราสบาย เราบอกไม่เป็นไร อยู่กันห้องพักครู ห้องพยาบาลอะไรก็ได้ กินอยู่ง่ายๆ พอ
• คิดว่าประเทศไทยให้ความสนับสนุนกีฬารักบี้มากน้อยแค่ไหนคะ ควรจะช่วยส่งเสริมอะไรอีกบ้างไหม
อย่างแรกเลย สมาคมน่าจะให้กระทรวงศึกษาบรรจุหลักสูตร แล้วสมาคมต้องจัดอบรมครูแต่ละภาค แต่ละโรงเรียนให้มีความรู้ พอเขามีความรู้แล้วสมาคมต้องจัดการแข่งขันให้เขา ไม่ใช่ว่าอบรมแล้ว เรียนแล้ว แต่ก็ไม่มีการแข่งขัน มันก็จะไม่มีทางพัฒนา ต้องหาสปอนเซอร์เป็นหลัก
ผมมองว่าทางสมาคมอาจจะยังไม่ได้ไปลงตลาด ลงรากหญ้า เราก็เลยไม่รู้ว่าความสุขของเด็กเป็นยังไง มาทำเฉพาะผู้ใหญ่ทีมชาติ 2 โรงเรียน แต่ว่าความสุขของเด็กบ้านนอกเนี่ย เขาได้เล่นจะเป็นบุญกุศล ถ้าเราทำบุญให้เด็กมีความสุข เราก็ทำบุญให้ประเทศชาติด้วย ประเทศชาติคนมีคุณภาพ เหมือนประเทศนิวซีแลนด์ที่เอารักบี้ไปเป็นกีฬาสร้างชาติ เขามีความเชื่อว่า คนที่เป็นคนดีจิตใจดีไม่เห็นแก่ตัว มันสร้างชาติได้ง่าย ก็เอารักบี้สร้างชาติไป
ปู่ก็ฝันว่า ถ้าเผื่อ สมาคมรักบี้จะมีน้ำใจ เข้าไปรุกกระทรวงศึกษา ให้บรรจุรักบี้ในหลักสูตรทั่วประเทศ จัดอบรมทั่วประเทศ ให้ครูได้อบรมไปทำทีม จะต้องมีนักกีฬาทั่วประเทศ คนจะดูรักบี้เป็น และคนจะคิดว่ารักบี้เป็นกีฬาที่สนุก มีสาระ เป็นศูนย์รวมของจิตใจของคน เหมือนที่ฝรั่งเศสเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ลุงไปอยู่ฝรั่งเศสตอนอายุ 30 กว่า ตอนนั้นปารีสยังไม่มีสนามรักบี้เท่าไหร่ สมาคมรักบี้ก็ลุกขึ้นมาไปขอให้กระทรวงศึกษาของฝรั่งเศส บรรจุรักบี้ในหลักสูตร ตอนนี้เขาเลยเล่นทั่วประเทศ
ปู่เคยเข้าไปเสนอทางสมาคม สมาคมก็บอกว่ารักบี้ยังไม่เป็นที่นิยม แล้วก็ยังเงียบหายมานี่จะเป็น 10 ปีแล้ว อยากจะรื้อฟื้นใหม่ให้สมาคม กระแสตัวนี้เริ่มมา คนเริ่มสนใจ มีจิตสาธารณะอยากช่วยทั้งเรา ทั้งบ้านบาก สังคมยังมีน้ำใจอยู่ คนรู้จักไม่รู้จักก็จะช่วย ถ้าสมาคมสามารถผลักดันกระทรวงศึกษา หรือกรมการปกครองท้องถิ่น ที่ดูแลเทศบาลทั่วประเทศ ตอนนี้โรงเรียนเทศบาลบางโรงเรียน อย่างที่ป่าตอง บอกเมื่อไหร่ปู่จะผลักดันเทศบาลให้เป็นกีฬาประจำปีเทศบาล เราก็ต้องไปติดต่อกระทรวงกรมการปกครองท้องถิ่น ซึ่งดูแลเทศบาล อบจ. อบต. ให้บรรจุรักบี้เข้าในหลักสูตร ตอนนี้เราต้องไปขอให้กระทรวงศึกษา ทำสิ่งดีงามให้เด็กๆ ให้รักบี้บรรจุในเทศบาล หรือไปบรรจุในกระทรวงศึกษา ความฝันเราก็จะเป็นจริง เด็กๆ ก็จะได้เล่นรักบี้กัน (ยิ้ม)
• คาดหวังอะไรต่อไปในอนาคต หรือมีเป้าจะทำอะไรในอนาคตบ้างคะ
สิ่งที่คาดหวังคือเราอยากให้สังคม อยากให้พ่อแม่ผู้ปกครองทั้งหลาย ถ้ารักลูกจริง รักประเทศชาติจริง ให้ลูกมาเล่นรักบี้กันเถอะ รับรองลูกจะมีความสุข ลูกจะเป็นคนดี เพราะว่าจากที่เราสอบถาม เด็กเล่นรักบี้ส่วนใหญ่พฤติกรรมดีขึ้น รู้จักไหว้ผู้ใหญ่ รู้จักช่วยพ่อแม่ ช่วยสังคม ลองให้ลูกเล่นเถอะแล้วจะรู้ว่าลูกจะมีความสุข ลูกจะเป็นพลเมืองที่ดีของชาติต่อไป
ผมอยากเชิญชวนให้ทุกคนมาเล่นรักบี้ เพราะรักบี้เล่นได้ทุกเพศ ทุกวัย เด็ก 8 ขวบ หรือคนแก่ 70 ก็เล่นได้ เพราะมันแค่วิ่งรับลูกส่งลูก กติการักบี้คือถ้าโดนแตะแล้วต้องส่ง ถ้าไม่ส่งต้องเปลี่ยนข้าง มาเล่นรักบี้กันเถอะ จะได้เพื่อน ผู้ปกครองก็ให้ลูกเล่นเถอะ ผู้ปกครองจะเล่นก็ได้ไม่แก่เกินวัย ได้ทั้งการออกกำลังกาย ได้เพื่อนด้วย
ปู่มีความเชื่อว่า รักบี้เป็นสิ่งที่ดีงาม ให้โอกาสเด็กๆ เถอะ แล้วก็อยากขอบคุณผู้ใหญ่ ขอบคุณที่ช่วยกองทุนผม หรือกองทุนอะไร เราก็จะได้มีโอกาส ต่อไปในโรงเรียนที่มีทีม ไม่ใช่จบแล้วไม่มีทีม ให้เขาได้ไปอยู่ที่ที่เขามีทีมอยู่แล้ว เราก็จะช่วยค่าเล่าเรียน ช่วยการศึกษาให้ ถ้าได้รับความช่วยเหลือจากสังคมทั่วไป ก็ขอบคุณล่วงหน้าครับ
*** สำหรับผู้สนใจอยากร่วมสมทบทุนสนับสนุนกองทุนรักบี้ของ “ปู่ท้าว ถาปัด” สามารถโอนเข้ามาที่บัญชี 052-427850-9 ชื่อบัญชี สุธรรม บุณยะผลึก ธนาคารไทยพาณิชย์ ***
เรื่อง : วรัญญา งามขำ, อภิษฎา แพภิรมย์รัตน์
ภาพ : พงษ์ฤทธิ์ฑา ขวัญเนตร และ Facebook : Mrthongchai Muangchan
นอกจากชีวิตส่วนตัวจะมีความหลงใหลในกีฬารักบี้ และคลุกคลีอยู่กับกีฬาประเภทนี้มาตั้งแต่เรียนมหา’ลัย ปี 3 ความรักและหลงใหลนั้นยังส่งต่อสู่ผู้อื่นด้วยเมตตา โดยตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา “สุธรรม บุณยะผลึก” ที่อายุอานามมากถึง 76 ปีจนทุกคนเรียกขานด้วยสมัญญา “ปู่ท้าว ถาปัด”
(เพราะจบจากสถาปัตย์ จุฬาฯ) ได้เดินทางไปทั่วฟ้าเมืองไทย นับรวมแล้วไม่มากไม่มาย แค่ 76 จังหวัดเท่านั้นเอง! นำเอาอุปกรณ์การเรียนการสอนรวมทั้งคำแนะนำเกี่ยวกับกีฬารักบี้ไปสอนให้กับเด็กตามโรงเรียนต่างๆ โดยบอกว่า “ไม่หวังผลอะไรตอบแทนอะไร” หวังเพียงทำให้เด็กๆ รับประโยชน์
“เรามีความสุข เราได้ทำประโยชน์ให้เด็กๆ เราก็ไม่ได้เก่งระดับโลก ระดับอะไรหรอกนะ แต่แค่เราได้ทำ เรามีความมุ่งมั่น มีความเมตตา มีความรักที่จะทำให้เด็กๆ เขาได้สิ่งดีๆ ในชีวิต ตรงนี้ก็ถือว่าทำบุญให้กับประเทศชาติ ทำบุญให้เด็กๆ ไป เด็กเป็นผ้าขาวบริสุทธิ์ เราก็ควรปลูกฝังอะไรดีๆ ให้เขา”
ในบางบรรทัดของการสนทนา ปู่ท้าวกล่าวกับเราเช่นนี้ และอีกหลายๆ บรรทัด ปู่ท้าวบอกเล่าประวัติความเป็นมา แนวความคิด ตลอดจนความมุ่งหวังในกีฬาชนิดนี้ มารู้จักกับปู่กันเลยดีกว่า
• สืบเนื่องมาจากข่าวทีมรักบี้เยาวชน 7 คนจากโรงเรียนบ้านบากที่ผู้คนประทับใจและชื่นชม ซึ่งเขาแชร์กันว่า ปู่ท้าวเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในครั้งนี้ด้วย ไม่ทราบว่ามีความเป็นมาอย่างไรบ้างคะ
ก่อนอื่นจะบอกว่าที่เรารู้จักเขา เพราะเขาพาทีมมาแข่งที่จังหวัดมหาสารคาม เป็นการคัดเลือกรักบี้โซนอีสาน เพราะสมาคมก็จะมีการจัดคัดรักบี้แต่ละภาค ภาคเหนือจัดที่จังหวัดเชียงใหม่ ภาคใต้จัดที่จังหวัดกระบี่ ภาคกลางจัดที่โรงเรียน ภ.ป.ร. ราชวิทยาลัยฯ จังหวัดนครปฐม ภาคอีสานจัดที่จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งเด็กๆ เขาจะเดินทางมาแข่งวันที่ 9 กันยายน 2559 วันที่ 4 กันยายน 2559 ผมไปกระบี่เพื่อจะไปดูแข่งของภาคใต้ ส่วนวันที่ 6 กันยายน 2559
แต่ก่อนหน้านั้น ผมไปเยี่ยมเขาที่โรงเรียนบ้านบาก ที่อำเภอวารินชำราบ เราก็จะไปติวเด็กก่อนที่จะมา ปรากฏว่าก็ไม่ได้ติว แต่จริงๆ เราก็ได้ไปสอนก่อนหน้านั้นแล้ว เพราะครูเขาให้สอน ซึ่งเราก็เอาอุปกรณ์ เอาลูกรักบี้ที่เรามีอยู่ไม่กี่ลูกไปให้
• รู้สึกอย่างไรกับปรากฏการณ์ครั้งนี้บ้างคะ
จริงๆ ปู่ตกข่าวตรงนี้นะ แต่มีน้องๆ มาบอกว่าดังใหญ่แล้ว (หัวเราะ) เพราะเราไม่ได้สนใจเลย เราอยากทำความดีอยู่แล้ว เราไม่อยากได้หน้าได้ตา เราแค่มีความสุขที่เราเห็นเด็กเขามีความสุขก็พอแล้ว แต่จากกระแสตรงนี้ก็มีคนเข้ามาช่วยเหลือมากขึ้นนะ เมื่อวานไปเช็คบัญชีก็มีคนช่วยมา หลักร้อยบ้าง หลักพันบ้าง หลักหมื่นก็มี ผมก็อยากขอบคุณนะที่เขาเป็นหนึ่งที่เข้ามาช่วยสนับสนุน ซึ่งบัญชีนี้เป็นบัญชีกองทุนเอาไว้ช่วยสนับสนุนเด็กๆ (ยิ้ม)
• ตรงนี้ไม่ทราบว่าก่อนหน้าที่จะมาสอนรักบี้ให้กับเด็กๆ ส่วนตัวปู่ท้าวไปเริ่มเล่นรักบี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ
ปู่เริ่มเล่นรักบี้มาตั้งแต่มหาวิทยาลัย ปี 3 ตอนนั้นเป็นช่วงเพิ่งหัดเล่น พอปี 4 ก็ได้มาเล่นทีมมหาวิทยาลัย ตอนนั้นมีเพื่อนเป็นนักกีฬามหาวิทยาลัยในสมัยนั้น เขาเป็นนักเรียนเตรียม เป็นประธานปี 3 เขามาชวนผมให้ไปเล่นรักบี้ เราก็ไปเล่น คนนี้แหละเขามีบุญคุณที่ทำให้เราได้เล่น ถ้าเขาไม่ชวน เราก็คงไม่ได้รู้จักรักบี้ เขาเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับผมแหละ แต่เขาเป็นนักกีฬามหาวิทยาลัย พอเข้าไปแล้วคนฝึกสอนให้คือหมอพินิจ ทวีศิลป์ ท่านเป็นโค้ชของจุฬาฯ แล้วก็ให้การอบรมสั่งสอนเรา
เมื่อก่อน จุฬาฯ จะมีเด็กโครงการช้างเผือก เขาก็ฝึกเด็กที่หัดใหม่อย่างเราไปเล่น ตอนนั้น จุฬาฯ, ธรรมศาสตร์ และเกษตรศาสตร์ก็จะอยู่แถวหน้าในกีฬาด้านนี้ เป็นมหาวิทยาลัยบุกเบิกในการเล่นรักบี้เลยก็ว่าได้ และจะฝีมือพอฟัดพอเหวี่ยงกัน ซึ่งหมอพินิจที่สอนผม แกก็เป็นนักกีฬาทีมชาติรุ่นแรกที่ได้ไปแข่งที่ประเทศอังกฤษ ท่านอบรมสั่งสอนเราให้เล่นรักบี้เป็น ก็ต้องขอบคุณ และขอบคุณน้องๆ ทั้งหลายด้วย เพราะตอนที่ปู่หัดเล่นตอนเรียนปี 3 ก็มีน้องปี 1 นี่แหละที่เป็นผู้หัดให้ (หัวเราะ)
อีกอย่าง ปู่ได้เรียนทักษะฝึกเพื่อแข่งขัน แต่จะได้เรียนรู้จริงๆ ตอนเรียนจบแล้ว เราได้ดูสื่อจากต่างประเทศ เราซื้อเทปจากต่างประเทศมา ประเทศไหนมีเทปเกี่ยวกับรักบี้ เราจะสั่งมา แล้วเราก็เอามาให้ความรู้คนอื่นเพื่อต้องการให้คนมีมาตรฐานการเล่นที่ถูกต้อง เวลาทีมชาติไทยไปไหน อย่างมาเลเซีย สิงคโปร์ ศรีลังกา ฯลฯ เราก็ติดสอยห้อยตามเขาไป ก็เกิดความรักในรักบี้ เกิดความผูกพัน แล้วเราก็ไปเจอแต่คนน่ารักๆ น่าเป็นเพื่อน น่าคบหา
ปู่คลุกคลีอยู่กับกีฬารักบี้มาตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ ตอนนี้ก็อายุ 70 กว่าแล้ว รักบี้เป็นแรงบันดาลใจของปู่เลยนะ เพราะเราได้มีโอกาสไปเจอนักรักบี้ดังๆ ที่เราเห็นในจอทีวี เราได้ไปสัมผัส ได้ไปคุยกับเขา ได้เห็นคนดูที่น่ารักซึ่งมีวัฒนธรรม ทุกคนไปดูสนามกีฬา ยิ้มแย้มแจ่มใส ฉันจะได้ดูเกมดีๆ ไม่สนใจใครจะแพ้ชนะ ขอให้ได้ไปดูเกมดีๆ ให้ได้
จริงๆ ปู่เป็นคนไม่เก่งนะ แต่ว่ามีความเพียรสูง มีความมานะพยายามก็เลยได้มีโอกาสรับใช้ทีมรักบี้ เราเป็นคนที่ไม่มีพรสวรรค์ ไม่มีอะไรเลย จนก็จน เก่งก็ไม่เก่ง ไม่เคยเล่นระดับชาติ มีแต่ความมุ่งมั่น ที่ปู่ชอบกีฬานี้ตรงที่ว่า รักบี้เป็นสื่อที่ทำให้มนุษย์ ได้มาเล่นกันได้เป็นเพื่อนกัน เหมือนที่เขาบอกว่าเป็น Fun & Friend concept . We play for fun and we run for friend. Before look like enemy after we come friend. There is no real loser or real winner the real winner is Rugby หมายความว่า การแข่งขันไม่มีใครเป็นผู้แพ้ชนะที่แท้จริง ผู้ชนะที่แท้จริงคือกีฬารักบี้ที่เราเล่น เพราะว่าใครจะชนะ ก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญ ผู้ชนะคือรักบี้ที่เราเล่น เราถือว่ากีฬารักบี้เป็นกีฬา family sport. We are the family no nation no color ทุกคนเล่นแล้วเป็นเพื่อนกันหมด ไม่มีเชื้อชาติศาสนา
• ปู่ท้าวจบคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาใช่ไหมคะ ถามถึงวัยหนุ่มหลังจากเรียบจบหน่อยค่ะว่าปู่ท้าวทำอะไรมาบ้าง ทำไมถึงผันตัวมาสอนรักบี้ให้กับเด็กๆ อย่างเป็นจริงเป็นจังได้คะ
ตอนแรกผมสอนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาก่อน ซึ่งตอนนั้นผมก็สอนไปด้วย แล้วทำงานไปด้วย ผมทำงานที่กรมโยธาธิการ ทำอยู่ได้ประมาณ 10 กว่าปี ภรรยาก็บอกว่าเราเป็นข้าราชการทั้งสองคน สวัสดิการมันก็พึ่งกันได้ เจ็บไข้ได้ป่วยเราก็เบิกของภรรยาได้ ภรรยาผมทำงานที่ไทยพาณิชย์ซึ่งเขาก็มีสวัสดิการโบนัสหลายเดือน ซึ่งรุ่นพี่เราที่อยู่ในกรมโยธาธิการเขาก็มีพี่ชายอยู่ที่ธนาคารไทยพาณิชย์เป็นผู้จัดการฝ่าย เขาอยากได้คนไปทำงานอยู่พอดี ผมก็เลยได้ไปทำงานที่ธนาคารไทยพาณิชย์ แต่ไม่นานก็ลาออก เพราะกะว่าจะมาทำอาชีพอิสระ ซึ่งเรียนจบสถาปัตยกรรมศาสตร์มา จะสามารถทำอาชีพอิสระได้ แต่พอได้มาจับรักบี้ ผมก็ไม่ได้ทำอาชีพอิสระเลย
จุดพลิกผันจริงๆ อยู่ตรงที่ว่า วันหนึ่ง ทางจุฬาฯ เขามีโค้ชทีมชาติมาสอน ตอนนั้นทำให้มีโค้ชเป็นเรื่องเป็นราว แล้วบังเอิญว่าสมาคมรักบี้จัดอบรมกับกรมสามัญศึกษา ประมาณ 40 จังหวัด ตอนนั้นเลยทำให้เราคิดไปสอนที่โรงเรียนต่างจังหวัดจริงๆ เพราะเราได้รู้จักเครือข่าย แล้วจังหวัดสุรินทร์เขาทำทีมอยู่ เราเลยต้องไปหาเพื่อนเล่นให้เขา ไปจังหวัดบุรีรัมย์ ไปจังหวัดศรีสะเกษ ไปหลายๆ จังหวัดเพื่อสร้างเครือข่าย เราก็เลยผันตัวไปสอนที่บ้านนอกตั้งแต่นั้นมา น่าจะประมาณอายุ 50 กว่าได้แล้วมั้งครับ (ยิ้ม)
• ช่วยเล่าประสบการณ์ที่ไปสอนมาให้ฟังหน่อยค่ะว่านอกจากโรงเรียนบ้านบาก จังหวัดอุบลราชธานีแล้ว ปู่ท้าวได้ไปสอนที่ไหนมาอีกบ้างคะ
เราอยู่ตรงนี้มา 20 กว่าปี มันก็ทั่วประเทศนะ ไปมาครบแล้ว 76 จังหวัด แต่ยังพลาดอยู่จังหวัดเดียวคือจังหวัดตากที่ยังไม่ได้ไป ผมจะเลือกสอนเฉพาะโรงเรียนที่มีครูทำ เพราะว่าเราสูญเปล่ามาเยอะแยะ บางที่ไปแล้วก็เอาลูกรักบี้ไปสอน แต่ไม่มีใครสานต่อ ก็เลยคิดว่าถ้ามีใครที่จะทำให้เรา เราก็จะไปเยี่ยม เอาลูกรักบี้ไปให้แล้วก็สอน สอนทั้งรุ่นน้องในจุฬาฯ รุ่นน้องในคณะ แล้วก็ออกไปสอนทั่วประเทศ แล้วก็อยากไปทำให้ต่างประเทศด้วย (ยิ้ม)
อย่างประเทศลาว ผมก็ได้ไปสอนมาแล้ว ที่ได้ไปสอนเพราะว่า 30 ปีที่แล้ว ไทยเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ที่โคราช ซึ่งเราก็ผลักดันให้เขามีกีฬารักบี้หญิงบรรจุในกีฬาซีเกมส์ ตอนนั้นจะมีประเทศไทย สิงคโปร์ กัมพูชา แล้วเขามีข้อแม้ว่าจะต้องมี 4 ชาติที่ลงแข่ง ผมก็เลยไปที่ลาว ไปติดต่อให้เขามาเล่นรักบี้เพื่อให้ครบและจัดการแข่งขันได้
ผมเลยได้ไปสอนตั้งแต่เด็กเล็กๆ จนถึงระดับทีมชาติ เป็นครูข้ามแดนเลยนะเนี่ย (หัวเราะ) จริงๆ ก็ฝันว่าอยากไปสอนประเทศอื่น อย่างพม่า เวียดนาม สอนในกลุ่มสมาชิกอาเซียนให้เขาได้เล่นรักบี้ มันจะได้มีรักบี้ซีเกมส์ทุกครั้งเพราะถ้าเกิด ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย ไม่ได้เป็นเจ้าภาพรักบี้ก็จะไม่ถูกบรรจุในกีฬาซีเกมส์ เขาก็เล่นไม่เป็น
มีครั้งหนึ่ง ผมได้เดินทางไปปีนัง ไปสิงคโปร์ ตอนอยู่จุฬาฯ ตอนนั้นก็ได้เพื่อน ได้อะไรมามากมาย พอจบ ผมก็ได้ไปเป็นผู้จัดการทีมไปแข่ง ตอนนั้นจะเป็นกีฬามหาวิทยาลัยต่างชาติ มีเกษตรศาสตร์ มีธรรมศาสตร์ มีจุฬาฯ มีสิงคโปร์ ตอนนั้นผมเป็นผู้จัดการทีมไม่กี่วันเขาก็โทรมาบอกว่าเราได้ทุนไปเรียนฝรั่งเศส ส่วนรางวัลที่ได้มาส่วนใหญ่จะไม่ได้อะไร เพราะเราเป็นหัวหน้าทีม ก็มีได้รางวัลบ้าง อย่าง รางวัลเอเชี่ยนรักบี้ฟุตบอลยูเนี่ยน ปี 2013 เราก็เป็นคนไทยคนแรกที่ได้รางวัลนี้, รางวัล Mondial 2004 Trophee Philippe Boffy, รางวัล M.N.V. 2004 เป็นต้น
• สอนเป็นอาชีพเลยไหมคะ เพราะเห็นว่าต้องมีโรงเรียนที่เขาทำกีฬารักบี้ก่อน เราถึงเข้าไปสอนได้ หรือหน้าที่ปู่ท้าวคืออะไรกันคะ
ส่วนใหญ่เราจะไปติดต่อเองเลย ยกตัวอย่างที่เข้าไปที่ประชุมของโรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งเราได้ข่าว เราก็ไปเดินถามเลยนะว่าใครจะทำรักบี้ให้ผมบ้าง แล้วก็มีอาจารย์คนหนึ่งที่น้องชายเขาจบ ภปร. เขาก็รู้ว่ารักบี้เป็นยังไง เขาก็อาสามาทำด้วย ปู่ก็เลยได้มีโอกาสได้ไปที่โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติ เราก็ได้ไปเริ่มต้น ได้ไปสอนต่อ ซึ่งเราจะเริ่มต้นจากโรงเรียนนั้นเขามีรักบี้ เราก็ช่วยเข้าไปสอนทักษะให้กับครู กับนักเรียน แล้วก็ช่วยค่าสมัคร ค่าเดินทาง เอาลูกรักบี้ไปให้ เหมือนเราเป็นสื่อกลาง สนุกจะตายไป
เราจะเสนอตัวเองเข้าไปขอสอนเพราะด้วยความที่มีใจรัก อย่างโรงเรียนสินสมุทรที่อยู่หน้ากองทัพเรือสัตหีบ เป็นโรงเรียนทหารเรือ เขามีทีมชาติเยอะมาก แต่ก็ไม่มีใครไปสอน ผมก็ไปถึงที่เลย ไปถาม ผอ. ว่าเรามาจากสมาคมรักบี้ อยากจะทำรักบี้ บังเอิญลูกชายเขาก็เล่นรักบี้ เขาก็ยินดี เราก็ไปทำเลย ปู่จะไปเคาะประตูถึงที่ ไปเสนอตัวเอง ซึ่งเราจะมีสมุดไดอารี่ มีเบอร์ จังหวัดนู้นจังหวัดนี้ ก็จะโทรไปถามว่าเขาสนใจจะทำรักบี้กับเราไหม ประมาณนี้ จะไปเองถึงที่ โดยที่ไม่ต้องมีใครมาขอร้องให้เราทำ อย่างถ้าจังหวัดนี้ทำ เราก็จะไปหาเพื่อนเล่นให้เขา ไปจังหวัดใกล้เคียง ไปจังหวัดใกล้ๆ ไปตามอำเภอต่างๆ บางทีนั่งรถลำบากลำบนไปเลยนะ ไปถึงแล้วไม่มีใครสนใจก็มี
หน้าที่หลักๆ เลย คือเราจะนำอุปกรณ์ สื่อการสอนพวกดีวีดีและตำราไปให้ แล้วเราก็จะแนะนำทักษะพื้นฐานให้เขา เพราะว่าการรับลูกส่งลูก มันไม่ได้มีแบบเดียว แต่มีตั้ง 20 แบบ มันละเอียดมาก ซึ่งคนอื่นอาจจะไม่รู้ว่ามันมีเยอะ แต่เรารู้เพราะศึกษามาเยอะ เรามีประสบการณ์เยอะ เราอ่านหนังสือ เรามีวิดีโอ เรามีสื่อการสอน แล้วเราแปลหนังสือ ซึ่งปู่เป็นคนแรกที่แปลตำราการสอนรักบี้เลยนะ เพราะคู่มือการสอนมันไม่มีในเมืองไทยตอนนั้น เราก็เป็นคนแรกที่แปล แปลไปก็มีความสุขไป ได้ความรู้ไปด้วย เรามีความรู้เยอะก็อยากไปเผยแพร่ เพราะถ้าเรามีพื้นฐานตรงนี้ การเล่นจะงดงาม เป็นศิลปะมากๆ ไม่ใช่เล่นไปหยุดไป คนดูก็เบื่อ คนเล่นก็เบื่อ แต่ถ้าเราทำให้มันงดงานคนดูก็จะมีความสุข คนเล่นก็จะสนุก เราเข้าไปสอนเทคนิคที่ถูกต้อง ที่เป็นสากลตรงนี้ (ยิ้ม)
• เด็กๆ แต่ละที่ให้การตอบรับดีไหมคะ
เด็กๆ ก็ดีใจนะ เพราะเขาอยากเล่นอยู่แล้ว มีอยู่ปีนึง ปู่เคยไปสอนเด็ก ม. 1 โรงเรียนเขามี 8 ห้อง ซึ่งครูผู้หญิงที่นี่แกก็ช่วยทำรักบี้ให้ ตอนนั้นปู่ก็ไปเยี่ยม ไปขออาจารย์เขาว่าขอเราสอนรักบี้ 8 ห้องเลย สอนตั้งแต่คาบแรกยันคาบสุดท้ายครบทุกห้อง คาบละ 40 นาที สอนเสร็จเด็กเขาก็มาขอสมัครเล่นเยอะมาก ซึ่งปู่คิดว่ามันต้องทำแบบนี้แหละ เราต้องไปตามโรงเรียนแต่ละโรงเรียน เพราะถ้าเราให้ประกาศหน้าเสาธง ส่วนใหญ่เด็กไม่มาหรอก บางทีเขาไม่ฟังด้วยซ้ำว่าเราประกาศอะไร แต่เราไปถึงห้องเลย เอาลูกรักบี้ไปถามว่าใครจะเล่นรักบี้ไหม ซึ่งก็มีเด็กมาสมัคร
อย่างบางโรงเรียน ปู่ขอพบเด็ก ม.1 เลยนะ ตอนไหนก็ได้ เช้าหรือกลางวันก็ได้ ไปชี้แจงให้เขาฟัง เด็กเขาก็มาเล่นนะ แต่จากประสบการณ์ที่สัมผัสมา เด็กประถมจะสนใจมากกว่า เพราะเวลาที่ถามเด็กประถมว่าใครจะเล่นรักบี้บ้าง เขายกมือกันทั้งห้องเลย แต่พอไป ม.1 จังหวัดเดียวกันนะ แต่เขาไม่เอาแล้ว ป.6 กับ ม.1 ต่างกันปีเดียวเอง แต่เขาก็ไม่เอาแล้ว สงสัยอายหรือกลัวเพื่อนแซวหรือเปล่า คือเราก็ได้ข้อสรุปว่าเราต้องไปเริ่มตั้งแต่แด็กประถม ซึ่งกีฬาอื่นๆ เขาก็เริ่มสอนตั้งแต่ประถมเหมือนกัน เราต้องให้เขาเลือกว่าเขาชอบไหม ถ้าเกิดผู้ใหญ่จะให้เด็กมีโอกาส ต้องไปเจาะเด็กประถมเลย
ยกตัวอย่างจากตัวเราเอง เมื่อก่อนไม่เคยเล่นรักบี้เลย เห็นเขาเล่นแล้วกลัวเจ็บ แต่พอมาเล่นแล้วกลับชอบเพราะเราได้เจอกับตัวเราเอง เราก็เลยอยากให้เด็กได้สัมผัส ได้ลองมาเล่นดู เขาจะชอบหรือไม่ชอบ ถ้าเขาไม่ชอบก็ไม่เป็นไร เราจะให้โอกาสเขาก่อน อย่างคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ เนี่ย ไปถามว่าใครจะเล่นเขาก็ไม่เล่น ก็เลยต้องบังคับน้อง น้องเลยต้องเล่น พอเล่นไปสักอาทิตย์นึง เทอมนึง ไม่ชอบก็ไม่เป็นไร ต่อไปก็ไม่ต้องเล่น แต่เราจะให้เขาได้สัมผัสก่อน (ยิ้ม)
• เห็นบอกว่าไปมา 76 จังหวัดแล้ว แสดงว่าหลายโรงเรียนสนับสนุนกีฬารักบี้ใช่ไหมคะ
ไม่ค่อยมีนะ อย่างตอนแรกๆ สมาคมรักบี้จัดอบรมกับกรมสามัญศึกษา ก็จะมีแค่ประมาณ 2 จังหวัดเองมั้งที่เขายินดีมาทำรักบี้ให้กับเรา ตอนนั้นมีแค่จังหวัดสุรินทร์กับจังหวัดนครนายก ซึ่งครูที่นี่เขาก็ไม่เคยเล่นรักบี้มาก่อน แต่ท่านสามารถทำทีมชนะวชิราวุธ ภปร.ได้ เขาเลยเรียกกันว่าวชิราวุธอีสาน ซึ่งครูสุรินทร์คนนี้ เขาไม่เคยเล่นรักบี้นะ แต่เขามีความรักในรักบี้ เขารักเด็กมาก มีความเมตตาสูง ทั้งภรรยาเขา ทั้งลูกเขาเล่นรักบี้กันหมดเลย เป็นครอบครัวรักบี้มากๆ อันที่จริง บ้านเรามีปัญหาตรงนี้นะที่มัวแต่ไปมอมเมา แจกแท็บเล็ตเด็ก ป.1 เป็นการที่ทำให้เด็กขาดโอกาสที่จะได้มีเพื่อน มีสังคมในวัยเด็ก สนุกสนาน ไปยุ่งแต่กับเกม
• แล้วจากเด็กที่ไม่เคยเล่นรักบี้มาก่อนเลย เรามีกลยุทธ์การฝึกฝนยังไงบ้างคะ
หนึ่งเลย เราต้องให้ความรักความจริงใจกับเด็กๆ เด็กจะเก่งไม่เก่งยังไง ถ้าเราให้ความรักให้ความจริงใจ เดี๋ยวเด็กก็จะชอบเอง ยกตัวอย่างเด็กโรงเรียนผู้หญิงราชโบริกานุเคราะห์ จังหวัดราชบุรี ที่นั่นครูเขาก็งงนะตอนที่เราไปขอสอน พอสอนเสร็จ เขาก็มาถามว่าเราทำยังไงให้เด็กๆ สนใจรักบี้ ทำให้เด็กอยากเล่นรักบี้ คือเขาแปลกใจเพราะเด็กเขาเป็นเด็กเรียน ไม่ค่อยสนใจกิจกรรม ไม่เล่นกีฬาอะไรสักอย่างเลย เอาแต่เรียน แต่พอเราไปสอน เด็กกลับชอบ เพราะว่าเราทำด้วยความเมตตา
อย่างเด็กคนไหนไม่เก่ง เราก็ไม่ทำหน้าน่าเบื่อ เราจะให้กำลังใจเขา พยายามให้เขาจับลูกรักบี้ ไม่ใช่ว่าจะให้แต่คนวิ่งเก่งๆ เล่น เราจะให้ทุกคนได้แชร์ความสุขด้วยกัน เราจะไม่ลำเอียง ยิ่งไม่เก่ง ปู่จะยิ่งให้โอกาสเขานะ เขาจะได้มีความสุขและอยากเล่นต่อไป บางคนไม่กล้าเล่นกีฬาเพราะกลัวว่าจะเป็นตัวถ่วงในทีม เล่นแล้วทำให้ทีมเสีย เราก็ให้กำลังใจเขา เพราะเราต้องการให้เขาออกกำลังกาย มาดูแลสุขภาพ เล่นเป็นเพื่อนเป็นฝูงกัน
จุดสำคัญเลยคืออยากให้คนหันมาออกกำลังกาย เล่นกีฬาอะไรก็ได้ที่ง่ายๆ รับลูก ส่งลูก เกิดความสามัคคีกัน (ยิ้ม) โดยรวม เราต้องสอนว่าเราเล่นเพื่ออะไร สอนจุดมุ่งหมาย สอนจริยธรรม สอนให้เขาเป็นคนดีด้วย ไม่ใช่สอนให้เขาเอาชนะอย่างเดียว และถามว่าทำไมต้องเป็นรักบี้ เพราะว่ารักบี้มันสลายพฤติกรรมของคนให้เกิดความรักสามัคคี ทำให้พี่รู้จักน้อง น้องรู้จักพี่ มันทำให้เราเป็นเพื่อนกันได้ง่าย ก็พยายามให้เด็กๆ เขาได้รับสิ่งดีงามในชีวิต เอารักบี้มาสอนเขา
• ทางครอบครัวว่าอย่างไรบ้างคะกับสิ่งที่เราทำ
ภรรยาปู่เข้าใจนะ เขาเป็นคนฉลาด เป็นคนดี เขาจะบอกปู่เสมอว่า อย่าเป็นคนรกโลกนะ เกิดมาทำประโยชน์ให้สังคมบ้าง เขาจะพูดแบบนี้เสมอ ซึ่งเราก็โชคดีที่มีเมียที่มีน้ำใจ ปู่ประทับใจในตัวเขามากนะ เพราะเขาเป็นคนที่ไม่เห็นแก่ตัว เขาจะคอยช่วยสนับสนุนให้เราทำเต็มที่เลย ไม่มีกีดกัน ไม่อะไร ปู่ไม่มีลูกนะ จริงๆ ปู่ควรจะอยู่เป็นเพื่อนเขาด้วยซ้ำ แต่เราก็เดินทางตลอด ทิ้งเขาอยู่บ้านคนเดียวตลอด
อย่างโรงเรียนที่ผมไปสอน ผมจะไปอยู่สอนวัน สองวัน อย่างทุกวันนี้ก็จะไปเช้าเย็นกลับ เพราะว่าเรามีสุนัขต้องดูแลอยู่ ตอนที่ภรรยายังอยู่ เขาว่าผมเป็นปลากระดี่แก่ๆ ได้น้ำ (หัวเราะ) พอได้ไปสอนหน่อย ลืมเมีย ลืมหมา ลืมบ้าน ไปหมด (หัวเราะ) เจอแดดเปรี้ยงๆ ปกติเราร้อนนะ แต่พอมีลูกรักบี้ ได้เจอเด็ก แดดไม่สน ไม่ร้อน มันลืมไปหมด เพราะเราอยากใช้เวลาให้เป็นประโยชน์กับเด็กๆ สอนตั้งแต่เช้ายันเย็น ถามว่าเหนื่อยไหมก็เหนื่อยนะ แต่พอเด็กมา เราจะเหนื่อยไม่ได้ เราต้องสอน เพราะเวลาเรามีจำกัด
• เห็นว่าลงทุนควักเงินส่วนตัวไปสอนรักบี้เด็กๆ ด้วย ใช่ไหมคะ
จริงๆ ก็แค่นิดๆ หน่อยๆ เพราะส่วนใหญ่เงินที่ได้คือเงินกองทุน ปู่สร้างกองทุนรักบี้ ก็ได้น้องๆ สถาปัตย์เข้ามาช่วยเป็นส่วนใหญ่ ยกตัวอย่างน้องคนหนึ่ง เมียผมเขาเรียกเป็นลูก รู้จักกันมา 16 ปี คนนี้เขาก็โอนเงินเข้าบัญชีให้เรา เดือนละหกพัน เจ็บไข้ได้ป่วยก็พาไปรักษา เขาก็ดูแลเรา เวลาเราไม่ค่อยมีเงิน ก็โทรไปหาน้องๆ ที่เขารักเรา เขาก็ช่วย เด็กผู้หญิงก็ช่วยมาสองหมื่นสามหมื่น คุณประภาส ชลศรานนท์ ก็ให้มาทีละห้าหมื่น ก็อยู่ได้เพราะน้องๆ สถาปัตย์ ตอนนี้พอได้ข่าวนี้ออกไปเกิดการช่วยเผยแพร่ ก็เกิดตื่นตัวในวงการตรงนี้ก็มีคนเข้าช่วยเหลือมากขึ้นนะ เมื่อวานไปเช็คบัญชีก็มีคนช่วยมา หลักร้อยบ้าง หลักพันบ้าง หลักหมื่นก็มี ผมก็อยากขอบคุณนะที่เขาเป็นหนึ่งที่เข้ามาช่วยสนับสนุน ซึ่งบัญชีนี้เป็นบัญชีกองทุนเอาไว้ช่วยสนับสนุนเด็กๆ
นี่ก็คิดไว้นะว่าถ้าเผื่อไม่ได้น้องๆ ช่วย ถ้าไม่มีจริงๆ ก็คงต้องเอาเงินมรดกที่เมียหาไว้ให้ออกมาใช้ เพราะว่าถ้าเราตายไปปุปปับ มรดกที่เมียให้มันก็สูญเปล่า เราก็ดึงๆ มา ไม่มีจริงๆ หมดตัวจริงๆ ก็อาจจะต้องให้น้องๆ เขาช่วย น้องๆ ก็คงจะดูแลเราได้ ก็มีคนเชิญชวนไปอยู่หลายบ้าน หลานก็ชวนไปอยู่อยุธยา น้องคนหนึ่งก็ชวนไประยอง มีคนจะรับเลี้ยงเรา แต่เราบอกไม่ไป เพราะตอนนี้เรายังมีแรงที่จะเดินทางไปนู่นไปนี่อยู่ ก็ขออยู่บ้านตัวเองที่นี่ไปก่อน
• แบบนี้ใช่ไหมที่เขาว่ากันว่าปู่ท้าวปิดทองหลังพระมาโดยตลอด
จะว่าไปแล้วเราก็เป็นคนธรรมด๊า...ธรรมดาคนหนึ่ง มีลูกศิษย์ปู่คนหนึ่งเขาเป็นทีมชาติ เขาบอกปู่เป็นคนปิดทองในรูทวารพระ ขอหยาบหน่อยนะ ประมาณว่าส่วนอื่นของพระ เรายกพระ เราก็มองเห็น แต่นี่คือในทวารพระเลย ไม่มีใครเห็นเลย ซึ่งมันก็เรื่องจริงนะ เพราะตั้งแต่ที่ทำมา สมาคมก็ไม่ได้สนับสนุนเรา ค่าโทรศัพท์เราเสียเท่าไหร่ที่ต้องโทรไปหาคนนั้นคนนี้ ค่าเดินทางอะไรต่างๆ ก็ไม่ได้มีใครช่วย ก็มีน้องๆ สถาปัตย์นี่แหละที่ดูแลเรา ช่วยสนับสนุนเรา แต่เราก็ไม่ได้ไปว่าใครเขานะ เพราะว่าเขาไม่ได้มามีชีวิตอย่างเรา แต่เรามีความสุขไง ได้เห็น ได้สัมผัส แต่คนอื่นเขาไม่ได้มาเห็นแบบเรา เขาเลยไม่รู้ว่าความสุขของแด็กๆ เป็นยังไง
ปู่จะทำจนกว่าจะหมดแรง คิดว่าคงอยู่ได้อีกนาน เพราะตอนนี้เราระวังเรื่องอาหารการกิน เรากินมังสวิรัติ เรากินข้าวกล้อง ไม่กินน้ำตาลทรายขาว อะไรที่คิดว่ามันน่าจะทำให้เราอายุยืน เราก็ทำ เพราะว่าเราตายไม่ได้ ถ้าตายเร็ว เด็กๆ คงจะไม่มีใครดูแลเขา ตอนนี้เราอยู่บ้านคนเดียว แม่บ้านก็ไม่มี มีหมา 1 ตัว แมว 1 ตัว เราก็ต้องประคับประคองชีวิตเราให้มีความสุขที่เราได้ไปเจอหลานๆ แล้วสนุกสนานหายเหนื่อย ทำไมคนถามว่าเราทำได้ ก็ในเมื่อเด็กๆ เขาได้รับประโยชน์ เขามีความสุข เราก็ต้องทำต่อไป ไม่เคยท้อแท้ (ยิ้ม)
• จะว่าไปแล้วรักบี้ให้อะไรในชีวิตปู่ท้าวบ้างคะ
นี่ก็ยังเดิน ยังวิ่งได้อยู่เลย ถ้าเราไม่ทำกิจกรรม ไม่ออกกำลังกายนะ เราอาจจะเฉาตาย เป็นง่อยเปลี้ยเสียขาไปแล้ว นี่ยังขับรถไปไกลๆ ได้ ขับได้เป็น 400 กิโลเมตรเลยนะ อีกอย่าง เรามีความสุข เราได้ทำประโยชน์ให้เด็กๆ เราก็ไม่ได้เก่งระดับโลก ระดับอะไรหรอกนะ แต่แค่เราได้ทำ เรามีความมุ่งมั่น มีความเมตตา มีความรักที่จะทำให้เด็กๆ เขาได้สิ่งดีๆ ในชีวิต ตรงนี้ก็ถือว่าทำบุญให้กับประเทศชาติ ทำบุญให้เด็กๆ ไป เด็กเป็นผ้าขาวบริสุทธิ์ เราก็ควรปลูกฝังอะไรดีๆ ให้เขา (ยิ้ม)
มีหลายคนถามเหมือนกันนะว่าได้ค่าจ้างอะไรรึเปล่า ตอบเลยว่าไม่ได้ เราเป็นคนกลาง เป็นสะพานบุญให้คนอื่น เราไม่ได้ควักเงิน แต่เราก็ไม่ได้เงินนะ อย่างไปสอนโรงเรียนไหน เวลาเจ้าภาพจะเลี้ยง เราก็พยายามจะออกเงินเอง เราเป็นผู้ใหญ่ จะให้เด็กมาเลี้ยงได้ยังไง ก็พยายามช่วยๆ กัน กินอยู่กันง่ายๆ นอนโรงแรมแทบจะไม่ได้นอนเลย นอนโรงเรียน นอนห้องพยาบาล นอนอะไรก็ได้ เพราะโรงเรียนจะให้เราไปอยู่โรงแรม ให้เราสบาย เราบอกไม่เป็นไร อยู่กันห้องพักครู ห้องพยาบาลอะไรก็ได้ กินอยู่ง่ายๆ พอ
• คิดว่าประเทศไทยให้ความสนับสนุนกีฬารักบี้มากน้อยแค่ไหนคะ ควรจะช่วยส่งเสริมอะไรอีกบ้างไหม
อย่างแรกเลย สมาคมน่าจะให้กระทรวงศึกษาบรรจุหลักสูตร แล้วสมาคมต้องจัดอบรมครูแต่ละภาค แต่ละโรงเรียนให้มีความรู้ พอเขามีความรู้แล้วสมาคมต้องจัดการแข่งขันให้เขา ไม่ใช่ว่าอบรมแล้ว เรียนแล้ว แต่ก็ไม่มีการแข่งขัน มันก็จะไม่มีทางพัฒนา ต้องหาสปอนเซอร์เป็นหลัก
ผมมองว่าทางสมาคมอาจจะยังไม่ได้ไปลงตลาด ลงรากหญ้า เราก็เลยไม่รู้ว่าความสุขของเด็กเป็นยังไง มาทำเฉพาะผู้ใหญ่ทีมชาติ 2 โรงเรียน แต่ว่าความสุขของเด็กบ้านนอกเนี่ย เขาได้เล่นจะเป็นบุญกุศล ถ้าเราทำบุญให้เด็กมีความสุข เราก็ทำบุญให้ประเทศชาติด้วย ประเทศชาติคนมีคุณภาพ เหมือนประเทศนิวซีแลนด์ที่เอารักบี้ไปเป็นกีฬาสร้างชาติ เขามีความเชื่อว่า คนที่เป็นคนดีจิตใจดีไม่เห็นแก่ตัว มันสร้างชาติได้ง่าย ก็เอารักบี้สร้างชาติไป
ปู่ก็ฝันว่า ถ้าเผื่อ สมาคมรักบี้จะมีน้ำใจ เข้าไปรุกกระทรวงศึกษา ให้บรรจุรักบี้ในหลักสูตรทั่วประเทศ จัดอบรมทั่วประเทศ ให้ครูได้อบรมไปทำทีม จะต้องมีนักกีฬาทั่วประเทศ คนจะดูรักบี้เป็น และคนจะคิดว่ารักบี้เป็นกีฬาที่สนุก มีสาระ เป็นศูนย์รวมของจิตใจของคน เหมือนที่ฝรั่งเศสเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ลุงไปอยู่ฝรั่งเศสตอนอายุ 30 กว่า ตอนนั้นปารีสยังไม่มีสนามรักบี้เท่าไหร่ สมาคมรักบี้ก็ลุกขึ้นมาไปขอให้กระทรวงศึกษาของฝรั่งเศส บรรจุรักบี้ในหลักสูตร ตอนนี้เขาเลยเล่นทั่วประเทศ
ปู่เคยเข้าไปเสนอทางสมาคม สมาคมก็บอกว่ารักบี้ยังไม่เป็นที่นิยม แล้วก็ยังเงียบหายมานี่จะเป็น 10 ปีแล้ว อยากจะรื้อฟื้นใหม่ให้สมาคม กระแสตัวนี้เริ่มมา คนเริ่มสนใจ มีจิตสาธารณะอยากช่วยทั้งเรา ทั้งบ้านบาก สังคมยังมีน้ำใจอยู่ คนรู้จักไม่รู้จักก็จะช่วย ถ้าสมาคมสามารถผลักดันกระทรวงศึกษา หรือกรมการปกครองท้องถิ่น ที่ดูแลเทศบาลทั่วประเทศ ตอนนี้โรงเรียนเทศบาลบางโรงเรียน อย่างที่ป่าตอง บอกเมื่อไหร่ปู่จะผลักดันเทศบาลให้เป็นกีฬาประจำปีเทศบาล เราก็ต้องไปติดต่อกระทรวงกรมการปกครองท้องถิ่น ซึ่งดูแลเทศบาล อบจ. อบต. ให้บรรจุรักบี้เข้าในหลักสูตร ตอนนี้เราต้องไปขอให้กระทรวงศึกษา ทำสิ่งดีงามให้เด็กๆ ให้รักบี้บรรจุในเทศบาล หรือไปบรรจุในกระทรวงศึกษา ความฝันเราก็จะเป็นจริง เด็กๆ ก็จะได้เล่นรักบี้กัน (ยิ้ม)
• คาดหวังอะไรต่อไปในอนาคต หรือมีเป้าจะทำอะไรในอนาคตบ้างคะ
สิ่งที่คาดหวังคือเราอยากให้สังคม อยากให้พ่อแม่ผู้ปกครองทั้งหลาย ถ้ารักลูกจริง รักประเทศชาติจริง ให้ลูกมาเล่นรักบี้กันเถอะ รับรองลูกจะมีความสุข ลูกจะเป็นคนดี เพราะว่าจากที่เราสอบถาม เด็กเล่นรักบี้ส่วนใหญ่พฤติกรรมดีขึ้น รู้จักไหว้ผู้ใหญ่ รู้จักช่วยพ่อแม่ ช่วยสังคม ลองให้ลูกเล่นเถอะแล้วจะรู้ว่าลูกจะมีความสุข ลูกจะเป็นพลเมืองที่ดีของชาติต่อไป
ผมอยากเชิญชวนให้ทุกคนมาเล่นรักบี้ เพราะรักบี้เล่นได้ทุกเพศ ทุกวัย เด็ก 8 ขวบ หรือคนแก่ 70 ก็เล่นได้ เพราะมันแค่วิ่งรับลูกส่งลูก กติการักบี้คือถ้าโดนแตะแล้วต้องส่ง ถ้าไม่ส่งต้องเปลี่ยนข้าง มาเล่นรักบี้กันเถอะ จะได้เพื่อน ผู้ปกครองก็ให้ลูกเล่นเถอะ ผู้ปกครองจะเล่นก็ได้ไม่แก่เกินวัย ได้ทั้งการออกกำลังกาย ได้เพื่อนด้วย
ปู่มีความเชื่อว่า รักบี้เป็นสิ่งที่ดีงาม ให้โอกาสเด็กๆ เถอะ แล้วก็อยากขอบคุณผู้ใหญ่ ขอบคุณที่ช่วยกองทุนผม หรือกองทุนอะไร เราก็จะได้มีโอกาส ต่อไปในโรงเรียนที่มีทีม ไม่ใช่จบแล้วไม่มีทีม ให้เขาได้ไปอยู่ที่ที่เขามีทีมอยู่แล้ว เราก็จะช่วยค่าเล่าเรียน ช่วยการศึกษาให้ ถ้าได้รับความช่วยเหลือจากสังคมทั่วไป ก็ขอบคุณล่วงหน้าครับ
*** สำหรับผู้สนใจอยากร่วมสมทบทุนสนับสนุนกองทุนรักบี้ของ “ปู่ท้าว ถาปัด” สามารถโอนเข้ามาที่บัญชี 052-427850-9 ชื่อบัญชี สุธรรม บุณยะผลึก ธนาคารไทยพาณิชย์ ***
เรื่อง : วรัญญา งามขำ, อภิษฎา แพภิรมย์รัตน์
ภาพ : พงษ์ฤทธิ์ฑา ขวัญเนตร และ Facebook : Mrthongchai Muangchan