xs
xsm
sm
md
lg

“วินัย พันธุรักษ์” สานฝันลูกชายออกซิงเกิลคู่กัน เผยป่วยปอดบวม-ไตรั่ว-เบาหวานดีขึ้น ร่างกายฟื้นฟู 20 เปอร์เซ็นต์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ต็อง วิตดิวัต” ลูกชาย “วินัย พันธุรักษ์” สานฝันร้องเพลงคู่กับพ่อครั้งแรก บอกพ่อเป็นไอดอลในชีวิตจริง เป็นความภูมิใจสูงสุดที่ได้ร้องเพลงคู่กัน ด้าน “วินัย” ปลื้มเห็นลูกชายมีความสุขได้ทำตามฝัน อัปเดตอาการป่วยปอดบวม ไตรั่ว เบาหวาน สุขภาพแข็งแรงขึ้น ร่างการฟื้นฟู 20 เปอร์เซ็นต์ พร้อมกลับมาทำงานร้องเพลงเหมือนเดิม

เป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นอีกคน สำหรับหนุ่ม “ต็อง วิตดิวัต พันธุรักษ์” ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของศิลปินนักร้องระดับตำนานอย่าง “วินัย พันธุรักษ์” อดีตสมาชิกวง ดิอิมพอสซิเบิลส์ ที่ควงคู่กันมาแถลงข่าวเปิดตัวซิงเกิลแรกที่ทำคู่กันในเพลง (อย่าทำให้ฉัน) ฝันเก้อ ณ บ.วอร์นเนอร์ มิวสิค ชั้น10 ศูนย์การค้า เซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 ซึ่งหนุ่มต็องเผยว่าดีใจมากที่ได้สานฝันของตัวเองได้สำเร็จ เพราะอยากร่วมงานกับพ่อมานานแล้วแต่ไม่เคยได้มีโอกาส

ต็อง : “เพลงนี้เป็นเพลงที่ผมใฝ่ฝันตั้งแต่เด็กว่าอยากจะทำ คืออยากจะร่วมงานกับพ่อ เพราะทุกๆ คนเขามีโอกาสจะร่วมงานกับพ่อกันหมด และคุณพ่อก็คือคนที่เราเห็นเป็นไอดอล ก็เลยแต่งเพลงนี้ขึ้นมาเพื่อที่จะให้คุณพ่อได้ร้องกับผมครับ คือจริงๆ แล้วผมเองนี่เป็นเจ้าแห่งซิงเกิล มีซิงเกิลเยอะมาก (หัวเราะ) แต่อาจจะไม่ได้รู้จักกัน เพราะตอนนั้นอาจจะยังไม่ได้เป็นตัวของตัวเองมากนัก แต่ว่าพอเราเริ่มค้นหาตัวเองเจอ เราก็คิดว่าวันนี้เราพร้อมแล้ว ก็เลยทำเพลงๆ นี้ขึ้นมาเพื่อที่จะทำตามความฝันของเราที่เรามีตั้งแต่เด็กให้เป็นจริงน่ะครับ แนวเพลงนี้เกิดจากสิ่งที่ผมชอบกับคุณพ่อก็คือยุค 70 มีความเป็นป๊อบ ก็เหมือนอยู่ในภาคของพ่อ ตัวผมก็อยู่ในภาคของผม แล้วมารวมกันกลายเป็นเพลงนี้ครับ”

วินัย : “ผมก็ปล่อยให้เขาทำเต็มที่ เนื่องจากว่าจินตนาการของคนที่จะงานศิลปะทางด้านนี้เขาต้องมีจินตนาการ ต้องมีความฝันที่จะนึกคิดว่าเอาอะไรมาบวกอะไรเป็นอะไร และฟังเพลงหลากหลายให้มันเกิดมีแรงบันดาลใจว่าเราชอบแนวไหน แล้วก็มาดัดแปลงเอาได้ เพราะไม่ว่าจะเป็นนักดนตรีหรือศิลปินคนไหนก็ตามต้องมีแรงบันดาลใจมาก่อนว่าชอบแบบไหน จับนั่นผสมนี่ มันก็กลายเป็นตัวเราได้”

ต็อง : “คุณพ่อให้อิสระในการคิดเป็นครั้งแรก (หัวเราะ) คือก่อนหน้านี้คุณพ่อก็จะชอบให้เราร้องเพลงในแบบที่คุณพ่ออยากให้เป็น คุณพ่อก็มีตัวเองเป็นแบบอย่างก็อยากให้เราเป็นแบบนั้น แต่ผมก็ดื้อบ้างอะไรบ้าง จนเพลงนี้เป็นเพลงที่ผมคิดขึ้นมาแล้วคุณพ่อก็ให้อิสระเต็มที่ พอเสร็จก็เอาไปขอร้องคุณพ่อว่าพ่อร้องให้ผมหน่อย ซึ่งแรงบันดาลใจก็มาจากความฝันในตอนเด็กเลย ว่าถ้าเกิดวันหนึ่งชีวิตเราสำเร็จในหน้าที่การงาน แล้วผมอายุเยอะขึ้นแล้วมองย้อนกลับมา เห็นพ่ออยู่ที่บ้านนั่งกินข้าวดูทีวีอยู่ด้วยกันเนี่ย แต่เราไม่เคยมีโอกาสได้ทำงานกับพ่อเลย มันเป็นสิ่งที่จะต้องรู้สึกว่าทำไมเราผิดพลาดขนาดนี้ เราร่วมงานกับทุกคนยกเว้นพ่อตัวเอง ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่อยากให้มันเกิดขึ้นครับ ก็เลยกลายเป็นเพลงนี้ขึ้นมา”

วินัย : “ผมก็ดูๆ ว่าเขาจะไปในแนวทางไหน ก็ปล่อยให้เขาทำเต็มที่ แต่ในใจเราเดาถูกอยู่แล้วล่ะ ผลสุดท้ายก็ถูกใจนะ ก็ดีใจว่าเขาทำงานนี้สำเร็จ ก็อยากให้เขามีความสุข เรื่องของเรื่องคือไม่อยากให้ลูกกังวล อยากให้เป็นตัวของตัวเองนี่สำคัญที่สุดเลย ก็ดูว่าเขาทำได้ขนาดไหน แต่ฟังดูแล้วก็โอเคนะ”

ต็อง : “เรื่องติติงมีเป็นเรื่องธรรมดาครับ แต่ในที่สุดคุณพ่อก็ยอมร้อง ซึ่งเป็นสิ่งพิเศษที่สุดของลูกคนหนึ่งมาก”

วินัย : “ไม่ใช่ยอมร้อง พ่อเตรียมตัวที่จะสนับสนุนลูกอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าจะโอกาสตรงไหนแค่นั้นเอง หนนี้ก็รู้สึกมีความสุขที่ต็องเขาทำได้ดีในความคิดของเขา ก็คิดว่าเขาทำได้ดีนะครับ และจะได้นำเสนอผลงานที่เขาได้คิดขึ้น”

ต็อง : “อัลบั้มพิเศษพ่อลูกเหรอครับ ผมคิดว่าต่อไปจะเป็นงานในส่วนที่ผมแต่งเอาไว้ คือเป็นเพลงแห่งความทรงจำที่เป็นเพลงของผมร้องกับคุณพ่อ ในความรู้สึกผมมันเป็นมากกว่าเพลงนะ มันเป็นความฝันของผมด้วยครับ ก็สามารถติดตามฟังเพลงนี้ได้ทางยูทิวบ์ ดีเซอร์ จู๊คส์ ไอจูนและทรูมิวสิคครับ”

วินัย : “ก็ฝากทุกท่านนะครับ นี่ก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของผม ไปเรียนมาก็ไม่ได้ตรงสายงานเลย เรียนมาก็ไม่ได้ใช้ แต่ว่าชอบทางนี้พ่อก็ไม่ห้าม คิดว่าอะไรก็ได้ที่มีความสุขอยากจะทำก็ทำไป ก็คิดว่าวันนี้ลูกชายผมจะมีความสุขที่ได้นำเสนอผลงานของเขาในครั้งนี้ครับ”

โดยนักร้องรุ่นเก๋าอัปเดตอาการป่วยปอดบวม ไตรั่ว เบาหวาน และมีน้ำท่วมปอดอยู่ 6 กก. ทำให้ร่างกายบวมน้ำไปเมื่อช่วงต้นปี เผยตอนนี้แข็งแรงขึ้นมาก และกลับมาทำงานได้ปกติแล้ว
“ตอนนี้สุขภาพผมโอเคครับ รู้สึกสดชื่นขึ้นและไปทำงานได้ ขับรถได้ ไปไหนมาไหนได้ปกติครับ ไม่ต้องมีคนมาคอยดูแลแล้ว ไปเอง แข็งแรงเยอะกว่าเดิมมากๆ เลยครับ ดูแลตัวเองเป็นอย่างดีครับ ก็คิดว่าได้ชีวิตใหม่ ก็ถือว่าโชคดีครับ ทำงานได้ปกติแล้ว ก็ดูแลตัวเองตามที่หมอสั่งเลย งดอาหารเค็ม แล้วก็ทานยา ฉีดยาก็เท่านั้นเองครับ กำลังใจก็ได้มาจากครอบครัวครับ ก็อบอุ่น ก่อนออกมาทำงานก็มีหอมกันนิดหน่อย ได้เห็นลูกพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก ก็ดีใจครับ”

“ตอนนี้ก็ไปหาหมอ 2 เดือนครั้งครับ แต่ตอนนี้หมอก็ไม่วิตกเพราะว่าทุกอย่างหมอพอใจครับ ผมก็ไม่อยากกลับไปเป็นอย่างเก่าอีก ฉะนั้นก็ต้องดูแลเป็นพิเศษครับ คือผมเป็นเบาหวานมา 20 ปีก็กินยามาตลอด ก็คงมีเอฟเฟกต์ บังเอิญว่าลงไต ถ้าลามไปที่ตาก็ตาบอดเลย มันสวิงมากพักหลัง แต่นี่ยังเอาอยู่ครับ แต่โรคนี้มันไม่หายขาด แต่ต้องคุมน้ำตาลไม่ให้สูง น้ำตาลมันมีผลเอฟเฟกต์ไปหลายอย่างด้วยกัน แต่ว่าไตตอนนี้ก็ฟื้นตัว ก็ถือว่าโชคดี ผมได้มีโอกาสกลับมาทำงาน ได้เจอแฟนคลับ แฟนเพลง รู้สึกมีความสุขสดชื่นมากๆ ครับ ตอนนี้ลุยได้แล้วครับ”

“ถามว่าร่างกายฟื้นฟูเต็มร้อยไหม ฟื้นมา 20% ครับ ที่เหลือ 80% คือไตมันเสื่อม ตอนแรกก็จำกัดเรื่องการดื่มน้ำ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว เพียงแต่หมอบอกว่าอย่าทานอาหารเค็มเท่านั้นเอง เรื่องความเครียดไม่มีครับ ผมปล่อยวางอยู่แล้ว (หัวเราะ) ไม่เครียดเลยครับ ทำงานทางด้านบันเทิงมันก็มีความสุขทางใจ ผมไปร้องเพลง เล่นดนตรี เจอเพื่อนฝูง ไม่เครียดเลยครับ ปล่อยวางแล้ว ยังทำงานไหวครับ ยังร้องเพลง เล่นดนตรีได้ปกติครับ ตอนนี้ผมคิดว่ากลับมาเหมือนเดิมทางด้านการทำงานนะครับ”

“ครอบครัวก็เป็นห่วงครับ แต่เราก็ห่วงตัวเอง เราก็อยากมีชีวิตยืนยาวนะครับ อยากเห็นเขาประสบความสำเร็จ อยากให้เขามีความสุข แต่เขาน่ะห่วงเราอยู่แล้ว แต่เรารู้ตัวว่าเราทำอะไร แม้กระทั่งบางทีผมก็ขี่มอเตอร์ไซค์เอง เขาก็ห่วง แต่บางทีก็ต้องทำครับ เพราะว่ารถมันติดมาก แต่ผมขี่ได้ชินอยู่แล้วไม่มีปัญหา เขาให้ผมพักผ่อนไม่ได้หรอก ผมเหงา (หัวเราะ) ผมต้องออกมาทำงาน มาเจอแฟนเพลง เพราะทำมานานแล้วทั้งชีวิตน่ะครับ ก็อยากจะทำต่อเนื่องไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ครับ”

“งานเพลงใหม่ๆ ไม่มีครับ มีแต่ย้อนยุค ใหม่ๆ ก็จะมีทำกับลูกนี่แหละครับ อุดหนุนให้ลูกเขาได้เปิดโลกกว้างว่าในโลกของความบันเทิงนั้นมันมีอะไรบ้าง เราจะต้องเจออะไรบ้าง เพราะว่าเขาไม่มีประสบการณ์ แต่พ่อมีประสบการณ์ก็อยากจะสนับสนุนเขา ให้กำลังใจ มอบแรงบันดาลใจที่จะทำให้เขาคิดงาน ถ้าเผื่อเราไปบล็อกเขาก็จะเกิดความไม่มั่นใจ ก็ปล่อยให้เขาทำไป มีแนะนิดๆ หน่อยๆ ดูสิว่าจะทำอะไรขนาดไหน แต่ส่วนใหญ่ก็พอใจครับ”







กำลังโหลดความคิดเห็น