“เอเอฟ” แจกอาหารให้ผู้มาถวายอาลัย “ตี๋ วีวิศน์” เปิดใจ เคยอยากมาช่วยเก็บขยะแต่อาสาสมัครมากันพรึ่บจนไม่มีขยะให้เก็บ เปลี่ยนใจไปขี่มอเตอร์ไซค์รับส่ง ปชช. ภูมิใจได้ทำดีแม้แค่เพียงจุดเล็ก ๆ ช่วยดูแลคนที่มาหาพ่อหลวง บอกสุขใจอย่างบอกไม่ถูก รับห่วงหนุ่มขี่มอเตอร์ไซค์จิตอาสาโดนรถชนอาการโคมา
บรรยากาศช่วงบ่าย วันที่ 25 ต.ค. มีศิลปินนักร้องสังกัดทรูแฟนเทเชียมาแจกอาหารแก่ประชาชนที่มาถวายสักการะและถวายอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นำโดย ตี๋ AF4 วิวิศน์ บวรกีรติขจร, ปอ AF7 อรรณพ ทองบริสุทธิ์ และ เอม AF11 สาธิดา ปิ่นสินชัย ณ เต็นท์กองทัพอากาศ โดยทั้งหมดเผยว่า อยากมีโอกาสช่วยเหลือสังคม
ปอ : “เป็นตัวแทนจากทรูแฟนเทเชียครับ มาร่วมกับกองทัพอากาศครับ มาแจกข้าวให้ประชาชนที่มาลงนามถวายความอาลัย”
ตี๋ : “นอกจากนี้ ทางทรูก็เอายาดม ยาหม่องมาแจกด้วยครับ อยู่ตรงบริเวณสนามหลวงฝั่งตรงข้าม ม.ธรรมศาสตร์ครับ”
เอม : “จริง ๆ พวกเราไม่ได้มาเป็นวันแรกนะ พี่ตี๋ก็มาช่วยแล้ว มาขับมอเตอร์ไซค์”
ตี๋ : “ก่อนหน้านี้ ขับมอเตอร์ไซค์มารับส่งฟรีครับ ตอนแรกตั้งใจมาเก็บขยะ แต่วันนั้นไม่มีขยะให้เก็บเลย มีอาสาสมัครมาช่วยเก็บเยอะมาก ก็น่ารักมาก ตอนที่ผมไปขับมอเตอร์ไซค์รับส่งก็มีความสุขมากกับการที่เราได้ทำดี ถือว่าเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ว่ามันเป็นความสุขที่เราอธิบายไม่ถูกจริง ๆ”
เอม : “แน่นอนว่า ทุกคนเศร้านะคะ แต่ว่าในความเศร้านี้เห็นคนไทยรวมตัวกันก็เป็นบรรยากาศที่อบอุ่นมากค่ะ”
ปอ : “เราได้เห็นอีกแง่มุมต่าง ๆ เห็นความสามัคคีเห็นความรักใคร่ ทุกคนช่วยกันอย่างเต็มที่จริง ๆ กับเหตุการณ์นี้ วันนี้เราก็เลยมาแจกข้าวกับกองทัพอากาศครับ ได้ทำกิจกรรมดี ๆ ร่วมกัน”
อยากมีโอกาสช่วยเหลือสังคม ขอเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศไทย
ปอ : “นำพระราชดำรัสเรื่องการรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด รักในสิ่งที่ตัวเองทำ ทำสิ่งที่ตัวเองได้รับโอกาสมา ปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีของประเทศชาติ เรามีโอกาสช่วยเหลืออะไรคนในสังคมได้ก็ช่วยกันครับ”
เอม : “พระองค์อยากให้คนไทยรักกัน อย่างวันนี้พระองค์คงมองอยู่จากสวรรค์ ก็ดีใจที่เห็นคนไทยร่วมกัน ช่วยเหลือกัน มาแจกข้าว แจกของ”
ตี๋ : “สำหรับผมไม่ใช่แค่อยากให้รักและสามัคคีกันช่วยเหลือกันเฉพาะแค่ช่วงนี้ อยากให้เป็นแบบนี้ตลอดไป มีสำนึกในใจคิดดีทำดีนะครับ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ประเทศชาติเราก็จะพัฒนาขึ้นมาก ๆ ครับ”
ต้องใช้เวลาทำใจ เป็นความเสียใจครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศชาติ
เอม : “หลาย ๆ คนที่เห็นบางคนก็อยู่ในช่วงซึมเศร้าเลย อย่างที่ปอบอก อยากให้ทุกคนลุกขึ้นมาทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด”
ปอ : “ก็เป็นกำลังใจให้กันครับ ผมว่ามันต้องใช้เวลาสักช่วงหนึ่งแหละ เพราะเป็นความเสียใจครั้งยิ่งใหญ่ของชาติเลย ก็เป็นกำลังใจให้ทุกคน และยึดตามคำสอนของท่าน คำสอนของท่านมีมากมายถ้าลองศึกษาดี ๆ สิ่งที่ท่านอยากให้เราทำมีมากมาย ใครทำอะไรได้ก็ช่วยกันครับ”
ตี๋ : “ก็จะมีทำอีกเรื่อย ๆ ครับ ช่วย ๆ กัน แล้วก็ฝากประชาสัมพันธ์คนที่อยากจะมาทำความดี ตอนนี้มีอาสาสมัครมาเยอะมาก จริง ๆ ไปทำความดีนอกบริเวณนี้ก็ได้ครับ ช่วย ๆ กันครับ”
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์หนุ่มตี๋เพิ่มเติมกรณีเป็นจิตอาสาขี่มอเตอร์ไซค์รับส่งประชาชน โดยเจ้าตัวเผยแม้จะเป็นแค่เพียงจุดเล็ก ๆ ที่ได้ทำดีเพื่อพ่อหลวง แต่กลับทำให้ตนมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
“ใช่ครับ ประมาณ 3 - 4 วันก่อน ผมมากับพี่ชายและเพื่อน ๆ ด้วย ในเพจเฟซบุ๊กปลดแอกชาวสองล้อ มาร่วมกันขี่มอเตอร์ไซค์มารับส่งผู้โดยสารฟรี บรรยากาศดีมาก คือคนที่เป็นอาสาสมัครเยอะมาก และพี่น้องประชาชนที่มารับโดยสารจากเราก็เยอะมาก แต่เป็นบรรยากาศที่ดีมาก ๆ จุดที่ผมไปขี่รถ รับ ส่ง ผมจำชื่อเรียกไม่ได้ สิ่งที่เราทำได้มันมาจากสิ่งที่เรามี ตอนแรกผมก็นั่งคิดแหละว่าเราอยากทำเพื่อพ่อ แต่เราจะทำอะไรดีเพื่อสังคม เพราะคนที่เขาเอาข้าวปลาอาหารมา มันค่อนข้างมีเยอะเหมือนกัน”
“ตอนแรกผมจะมาเก็บขยะ คือ เตรียมถุงมาแล้ว แต่ไม่มีขยะให้เก็บ เพราะมีพี่น้องที่มาเป็นอาสาสมัครเยอะ ผมเลยคิดว่า ทำจากสิ่งที่เรามีอยู่แล้วกัน และเป็นสิ่งที่เราชอบด้วย คือ การขี่มอเตอร์ไซค์ เราอยากจะทำแบบนี้มานานแล้ว และงวดนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดี ที่เราได้ร่วมทำ”
“ผมมีความสุขครับ คือระยะทางที่เราไปส่งมันไม่ได้ไกลมากหรอก สำหรับผู้โดยสารแต่ละท่านนะ เพราะว่าเราไปส่ง ในจุดที่เขาไปต่อได้ แต่ระหว่างทางเราจะมีพูดคุยกัน ว่าเป็นยังไง มาจากที่ไหน หรือว่ามากี่ครั้งแล้ว ทำอาชีพอะไร แบบนี้ครับ เป็นความสุขที่เราอธิบายไม่ถูกเลย และก็มีอยู่รายหนึ่งเป็นคุณลุงที่มาซ้อนผม เขาก็ขอบคุณผมมาก ๆ เลย ลุงบอกว่าดีมาก ๆ เลยนะ ในสิ่งที่ผมทำ ลุงอวยพรขอให้ลูกโชคดีและมีความสุขมาก ๆ เพราะเราทำดีเพื่อพ่อ”
“ถามว่าลุงจำผมได้มั้ยว่าเป็น ตี๋ เอเอฟ คือ คนจำไม่ได้เยอะเหมือนกัน เพราะว่าผมปิดจมูก มีเปิดบ้าง แต่ส่วนใหญ่ปิด เลยมีทั้งคนที่จำได้และไม่ได้ วันนั้นผมมาตั้งแต่ 5 - 6 โมงเย็น มาเริ่มเก็บขยะก่อน แต่ไม่มีขยะ เลยไปที่จุดรถรับส่งคน ตอนนั้นประมาณ 2 - 3 ทุ่ม ผมรับส่งจนถึงเกือบเที่ยงคืน จนผู้โดยสารเริ่มซาแล้ว ถามว่าจะมาอีกมั้ย ถ้าว่างผมก็จะมา ต้องนัดกันมาอีกแน่นอน”
“คือผมรู้สึกว่าคนที่เขามา เขามาด้วยใจจริง ๆ และหลาย ๆ คนที่เขาเดินทางมาลำบากมากนะ ผมรู้สึกเลยว่าถ้าผมไม่ได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์มานะ โห กว่าจะเข้ามาถึงได้ รถก็ติดมาก กว่าจะเดินฝ่าคนเข้ามาอีก คือเราถือว่าเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ในการที่ทำให้เขาได้ เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ยังดี ถือว่าเขามาด้วยใจ และเราให้ความสุขเขาได้ แม้เป็นสิ่งเล็กน้อยก็ยังดี เหมือนผมอยากมาเป็นส่วนเล็ก ๆ ส่วนหนึ่ง มาช่วยดูแลคนที่มาหาพ่อ เพราะคนที่มาเป็นอาสาสมัครก็มีเยอะมาก และผมคิดว่าน่าจะมีอาสาสมัครมาอีกเรื่อย ๆ”
ให้กำลังใจหนุ่มมอไซค์จิตอาสาถูกรถแท็กซี่ชนอาการโคมา วอนทุกฝ่ายระมัดระวัง
“จริง ๆ ผมเพิ่งทราบข่าวจากพี่ ๆ (นักข่าว) ตอนนี้เลย อยากจะบอกว่าขอเป็นกำลังใจให้พี่เขา ผมขอให้พี่เขาหายไว ๆ ให้รักษาตัว รวมถึงผู้โดยสารทุกคนที่ซ้อนมอเตอร์ไซค์ด้วย คือ อุบัติเหตุแบบนี้ ผมเชื่อว่าไม่มีใครอยากให้เกิด ขอให้เคลียร์กัน และจบลงด้วยดี ผมขอให้พี่เขาหายไว ๆ ดีกว่า เป็นกำลังใจให้ ทำดี ดีแล้วครับ แต่ต่อไปเราต้องระมัดระวังให้มากขึ้นด้วย”
จุกจนพูดไม่ออก ร้องเพลง “ด้วยรักของพ่อ” เพลงใหม่ที่ยังไม่ได้ปล่อยออกมา
“จริง ๆ ปีที่ผ่าน ๆ มา ในวันพ่อ หรือวันพิเศษต่าง ๆ ของในหลวง ผมมีโอกาส ได้ไปร้องเพลงตามสถานที่ต่าง ๆ อยู่เรื่อย ๆ แต่ล่าสุดผมกับบรรดาศิลปินของค่ายทรูแฟนเทเชียหลายคนเลย รวมถึงค่ายไอแอมด้วย มาร่วมกันร้องเพลงเพื่อพ่อหลวงของเรา ชื่อเพลงด้วยรักของพ่อ แต่พอดีว่ายังไม่ได้ปล่อยเพลงออกมา เป็นเพลงแต่งขึ้นมาใหม่ เพื่อพ่อหลวง”
“คือวันนั้นเป็นความรู้สึกที่มันสดมาก ๆ เพราะว่าหลังจากทราบข่าวของพระองค์ท่านได้เพียงวันเดียวหรือสองวัน ทางผู้ใหญ่ของทรูได้เชิญพวกเรามาร้องเพลงนี้ร่วมกันเลย บรรยากาศในวันนั้น เศร้ามาก ๆ ครับ หลาย ๆ คนยังคงทำใจไม่ได้ในวันนั้น ความรู้สึกมันยังจุกมาก ผมเชื่อว่าเป็นความรู้สึกที่กะทันหันมาก ๆ สำหรับคนไทยหลายคน เพราะคนไทยรักในหลวงมาก”
“ตั้งแต่เด็ก เรารับการสอนมาตลอดว่าเราต้องรักพ่อหลวง รักในหลวง และเราทราบมาตลอดว่าท่านทรงงานหนัก พระองค์ท่านรักคนไทย ทำงานมาตลอด 70 ปี แต่ว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ทำให้ผมได้มีโอกาสได้ศึกษาเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระองค์ และประวัติชีวิตของพระองค์มากขึ้น ทำให้เราซาบซึ้งมาก ๆ ว่า พระองค์ทรงงานหนักตลอดชีวิตจริง ๆ จนวินาทีสุดท้ายก็ยังคงทรงงานเพื่อพวกเรา ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทำให้เราซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ยิ่งทำให้เรามีกำลังใจในการทำงาน และในการทำความดี ถือว่าเป็นส่วนเล็ก ๆ เพื่อท่านก็ยังดี”
