เดินทางออกไปกับสองล้อคู่ใจ พร้อมปัตตาเลี่ยนและกรรไกรคู่ชีพ อาสาตัดผมฟรีให้กับเด็กๆ ตามโรงเรียนชนบท “นัสดา ถาวรสุก (โพธิ์ปานพะเนา)” เป็นผู้ใหญ่ใจดีที่เด็กๆ เรียกขานเธอว่า “พี่น้อยใจดี”
แม้จะเป็นเด็กเกเร เรียนหนังสือไม่จบ แต่ทว่าเธอก็มาเอาดีกับอาชีพเสริมสวยด้วยการไปเรียนตัดผมเพื่อหวังว่าให้มีอาชีพติดตัวกระทั่งเรียนจบครั้งแรกที่โรงเรียนเสริมสวยสวยเสมอที่โคราช จนตัดสินใจมาอยู่กาญจนบุรี จึงได้มาเรียนเสริมสวยอีกครั้งจนได้ใบประกาศจบหลักสูตร
จากที่ย้ายมาอยู่จังหวัดกาญจนบุรีด้วยความที่เธอชอบขี่มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์เป็นทุนเดิม บวกกับที่ได้รู้จักกับกลุ่มคนที่ชื่นชอบขี่มอเตอร์ไซค์ด้วยกันซึ่งกลุ่มของเธอจะชอบตระเวนทำบุญร่วมกันอยู่แล้ว เธอจึงปิ๊งไอเดียที่อยากจะทำอย่างอื่นมากกว่าการมาแจกสิ่งของแล้วก็กลับ สุดท้ายจึงจบลงด้วยการตัดผมฟรีและทำอย่างนั้นเรื่อยมาตลอดเกือบ 3 ปีเต็ม
• ถามถึงจุดเริ่มต้นที่ได้ไปตัดผมให้กับน้องๆ นักเรียนชนบทหน่อยค่ะว่าตรงนี้เริ่มมาจากอะไรคะ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ด้วยความที่เราเป็นเด็กเกเรมาตั้งแต่เด็ก ไปเรียนปริญญาตรีก็ไม่จบ เป็นเด็กค่อนข้างดื้อ ไม่ค่อยสนใจเรียน ไม่ได้ตั้งใจเรียนอะไรเลย ก็เลยคิดว่าทำยังไงเราจะมีอาชีพติดตัว ก็เลยคิดว่าอาชีพเสริมสวย ยังไงมันก็เป็นอาชีพติดตัวตลอดชีวิต พี่น้อยเลยไปเรียนเสริมสวยที่โรงเรียนเสริมสวยสวยเสมอที่โคราช พี่เป็นคนโคราช อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา พอเรียนจบก็ไม่ได้เอามาใช้เลยนะคะ จนตัดสินใจมาอยู่กาญจนบุรี จึงได้มาเรียนเสริมสวยอีกครั้งจนได้ใบประกาศจบหลักสูตร จากโรงเรียนเสริมสวยเกศกาญจน์ จังหวัดกาญจนบุรี
ระหว่างที่เรียน เราก็ได้ขี่มอเตอร์ไซค์ชอปเปอร์อยู่กับแฟน ได้รวมกลุ่มกัน แล้วเราก็ได้ไปบริจาคข้าวของเครื่องใช้ของเวลาที่กลุ่มมอเตอร์ไซค์เขาทำกิจกรรมกัน ภาพที่เห็นบ่อยๆ คือพอไปถึง เราก็จะเอาสิ่งของไปให้เด็กๆ ให้เสร็จแล้วก็กลับ ซึ่งตรงนี้เราแอบสังเกตเห็นว่าระหว่างที่เรามอบสิ่งของให้เด็กๆ ผมเด็กเขายังยาวอยู่เลย เล็บก็ยาว เราก็เลยมีความรู้สึกว่าเดี๋ยวเราต้องกลับมาทำอะไรสักอย่างหนึ่ง เพราะเราไม่อยากแค่บริจาคแล้วก็จบ
จริงๆ พี่ฉุกคิดว่าเราจะไปช่วยตัดผมให้กับน้องๆ นักเรียนชนบทมาตั้งแต่มาเรียนเสริมสวยเพิ่มอีกรอบหนึ่งแล้ว เพราะพี่มีโอกาสตอนที่อาจารย์พาไปออกหน่วยตัดผมให้เด็กและผู้ใหญ่ฟรี ตอนแรกก็คือออกตามเทศบาล อบต. ที่เขาติดต่อมาให้ออกหน่วยกับโรงเรียนเสริมสวยทั่วไป
ก็เริ่มต้นจากที่เราเห็นคนอื่นทำค่ะ คือเราก็ไม่ได้คิดว่ามาถึง ฉันก็ต้องตัดผมเลยหรืออะไร ไม่ใช่ แต่ด้วยความที่โรงเรียนเสริมสวยจะมีออกหน่วยตัดผมฟรีบริการให้ประชาชนอยู่แล้ว เราก็ได้ไอเดียจากตรงนั้น แล้วเราก็ได้ไอเดียจากการที่เราขี่มอเตอร์ไซค์ไปบริจาคสิ่งของ ก็เลยกลับไปโรงเรียนเดิมที่เราเคยไปบริจาคของ หรือว่าไปบ้านพักคนชราที่เราเคยไปกับอาจารย์ให้ไปตรงไหน เราก็ไป เราก็ไปด้วยความคิดว่าอยากไปรีแลกซ์ อยากไปสบายๆ ขี่รถไป
พอเราได้ไปทำแล้วเราเห็นรอยยิ้ม ทุกคนให้การตอบรับดี แรกๆ พี่น้อยเริ่มจากรถมอเตอร์ไซค์เล็กก่อนด้วยนะคะ ยังไม่ได้ขี่คันใหญ่ ระหว่างทางที่เราขี่รถเพื่อจะไปตัดผม มันรู้สึกว่าเพลินดี มันสนุก เราได้เห็นคนเฒ่าคนแก่ เด็กๆ ที่เขามารวมกันรอตัดผม อีกอย่างเราก็ได้วิชาด้วย ตั้งแต่วันนั้นมาก็ได้ทำตรงนี้มาเกือบ 3 ปีแล้วค่ะ (ยิ้ม)
• ทำมานานเกือบ 3 ปีแล้ว เหมือนกับว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้วใช่ไหมคะ
ใช่ค่ะ เพราะเราอยากขยับขยาย เราอยากจะทำอะไรบ้าง แล้วประจวบเหมาะกับเราก็แฟนก็ชอบขี่มอเตอร์ไซค์ช็อปเปอร์กันอยู่แล้ว ก็เก็บเงินซื้อรถ แล้วก็มาเจอกับพี่ๆ กลุ่มสองล้อเมืองกาญจน์ ตรงนี้เริ่มมาจากหลายๆ กลุ่มรวมกันในเมืองกาญจน์ ออกบริจาคของสมทบทุนไปที่นู่นที่นี่ค่ะ
มาอยู่ที่กาญจนบุรี พี่น้อยไม่ได้เปิดร้านเสริมสวยนะคะ เพราะด้วยกำลังของเราเองทำให้ไม่สามารถเปิดร้านได้ แต่พี่น้อยพอจะมีความสามารถด้านภาษา เราก็อาศัยว่าแปลให้แฟน เพราะแฟนพี่เขาทำเกี่ยวกับแทททู เราก็คุยกับพวกลูกค้าที่เป็นต่างชาติ แล้วพี่ก็เปิดร้านขายเสื้อผ้าด้วย
พอได้เข้ามาอยู่ในกลุ่มช็อปเปอร์ เขาจะทำบุญกันตลอดอยู่แล้ว อย่างถ้าใครจะไปทำบุญวัดไหน เขาก็จะมาบอกบุญต่อ คนนี้อยากไปทำโรงเรียนนี้ก็มาบอกบุญต่อ เราก็ไปทำร่วมกัน ด้วยกำลังเล็กๆ นะคะ ไม่ได้เยอะแยะมากมาย คือก็จะไปร่วมกับเพื่อนๆ เพราะมันได้อะไรนอกเหนือจากแค่ขี่รถมอเตอร์ไซต์เที่ยวค่ะ (ยิ้ม)
• พี่น้อยไปมาแล้วกี่โรงเรียนคะพอจะจำได้ไหม คือเฉพาะโรงเรียนชนบทในจังหวัดกาญจนบุรีใช่ไหมคะ เคยคิดจะไปจังหวัดอื่นด้วยไหม
พอพี่ไปทำร่วมกับอาจารย์ได้ประมาณปีนึง แต่ตรงนี้พี่น้อยจะไม่ได้ออกทุกวันนะคะ พี่น้อยจะออกตามโอกาสที่เราพร้อมที่จะไป แล้วก็จะไปลักษณะขี่มอเตอร์ไซค์ไป คืออย่างนี้ค่ะ พอเราอยู่เมืองกาญจน์ เราออกนอกพื้นที่เมืองกาญจน์ก็จะยากแล้ว แล้วอีกอย่าง เราได้เข้าไปสัมผัสโรงเรียนในเมืองกาญจน์ โรงเรียนที่เป็นจังหวัดที่ชนเขตแดนพม่า มันเป็นโรงเรียนที่มีลูกครึ่งเยอะ มีเด็กที่ไม่พร้อมเยอะ เราก็เลยว่าเราอยากจะเริ่มจากรอบๆ ตัวเราก่อนดีกว่า ถ้าเราเริ่มจากรอบๆ ตัวเรามันก็จะง่ายและก็ไม่ลำบากเราเยอะด้วย
ก่อนหน้านี้ หลังจากที่ทำร่วมกับอาจารย์ เราก็ทำคนเดียว พี่ก็จะไปตัดผมให้ผู้ป่วยติดเตียงข้างบ้านบ้าง แม่เพื่อนที่เป็นโรคไตบ้าง ส่วนใหญ่คนรอบตัวที่พี่ไปตัดผมให้ มาจากคนบอกต่อค่ะ ว่ามีตรงนี้ไปตัดให้เขาหน่อยได้ไหม หรือไม่ก็ไปตามเทศบาลออกหน่วยบ้าง อย่างบ้านพักคนชรา โรงเรียนต่างๆ ซึ่งจะโรงเรียนที่พี่ไปส่วนใหญ่เทศบาลเขาหาไป พี่จำชื่อโรงเรียนไม่ได้ คือมันไปรวมกับโรงเรียนเทศบาล เป็นเหมือนเทศบาลจัดไปให้โรงเรียนไปออกหน่วยแล้วพี่ก็ไป ไปตามหน่วยที่อาจารย์โรงเรียนเสริมสวยไป พี่ก็จำไม่ได้รวมๆ แล้วพี่ก็ไปตัดวนอยู่ 20 โรงเรียน
พอมาช่วงหลังมันเริ่มมี Facebook พี่ณภัทร เรืองสว่าง เขาก็โพสต์ในเฟสบุ๊คของคนเมืองกาญจน์ว่าเขาไปตัดผมให้เด็กโรงเรียนไหนต้องการให้ติดต่อมา พอเราเห็นโพสต์นั้นก็รู้สึว่าพี่เขาคิดเหมือนเราเลย ทำยังไงดี เราถึงจะสามารถรวมกันได้ สุดท้ายพี่ก็ทักเขาไปว่าเราเป็นช่างตัดผมผู้หญิงนะคะ ไปรวมกับพี่ได้ไหม ซึ่งพี่เขาก็ยินดีมากๆ ค่ะ ช่วงปีหลังหลังมานี้พี่น้อยก็เลยรวมตัวกับพี่ณภัทรไปตามโรงเรียนที่เขาติดต่อเข้ามาทาง Facebook ค่ะ
พอหลังจากที่เจอพี่ณภัทร เราก็เลือกที่จะตัดโรงเรียนชนบทมาโดยตลอดเลยค่ะ เพราะโรงเรียนที่เขาติดต่อเข้ามาล้วนแล้วแต่เป็นโรงเรียนที่ขาดแคลนกว่าที่พี่เคยไปออกหน่วยอีกนะคะ (ยิ้ม)
• แล้วแบบนี้ก่อนที่จะเข้าไปตัดผมให้น้องๆ เราต้องเริ่มแรกเราเริ่มจากคัดสรรโรงเรียนอย่างไร งบประมาณในการลงทุนเท่าไหร่คะ
ช่วงหลังมานี้ เราไม่ต้องติดต่อเองแล้วค่ะ ตอนนี้เราไม่ต้องวิ่งเข้าไปหาเพราะโรงเรียนเขาวิ่งเข้ามาหาเราเอง พอมีโรงเรียนติดต่อเข้ามาก็จะเป็นโรงเรียนที่คุณครูหรือผู้ปกครองเห็นแล้วว่าโรงเรียนนั้นมันขาดแคลนจริงๆ คือเราไม่ต้องคัดแล้วค่ะ เราไม่ต้องเสี่ยงที่จะออกไปว่าจะเป็นยังไง ก็คือเราใช้ Facebook ในทางที่มีประโยชน์ อันนี้ก็มีโรงเรียนติดต่อเข้ามา เราก็นัดกับพี่ณภัทรว่าเราจะไปโรงเรียนไหนก่อน บางสัปดาห์ไปถึงสามโรงเรียนก็มี พี่ณภัทรก็จะเอารถยนต์ไป ส่วนเราก็ขี่มอเตอร์ไซค์ตามไป เพราะว่าตอนเช้าเราต้องไปส่งลูกให้เรียบร้อย แล้วก็ทำภารกิจของแม่บ้านให้เรียบร้อยก่อนจัดร้านให้เรียบร้อยก่อนแล้วก็ค่อยไป เพราะว่าพี่จะคิดเสมอว่าเราทำงานจิตอาสาเราจะต้องไม่ทำอะไรให้ตัวเราและครอบครัวเดือดร้อน
• เห็นว่าพี่น้อยก็เกิดในครอบครัวที่มีคุณพ่อเป็นช่างตัดผมแล้วก็ชอบตัดผมฟรีให้เด็กๆ เหมือนกันเหรอคะ เพราะเหตุนี้ด้วยใช่ไหมคะเราเลยอยากเจริญรอยตามคุณพ่อ
ตอนนั้นเริ่มจากที่บ้านเรามีกันสามคนพี่น้องค่ะ แล้วทุกคนเรียนกันหมด ก็ต้องไปจ้างเขาตัดผม พ่อก็บอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวพ่อตัดให้เอง พ่อกับแม่ก็ลงทุนไปซื้อปัตตาเลี่ยนเอาตัดผมลูกชาย กรรไกรเอาไว้ตัดผมผมลูกสาวสองคน จะได้ทรงเดียวกันตลอดเลยค่ะ ทรงเดียวกันตั้งแต่เล็กๆ จนจบชั้นประถม (หัวเราะ) แต่ระหว่างที่เรานั่งตัดผมอยู่ที่บ้าน คือบ้านนอกเขาจะไม่มีรั้วกั้น คนนู้นเดินมา คนนี้เดินมา ก็บอก เดี๋ยวให้ลูกมาตัดด้วย พ่อก็บอก มาเลยๆ เพราะว่าพ่ออยากจะพัฒนาตัวเอง เหมือนกับเรา เวลาเราเรียนเสริมสวยแล้วเราออกหัวเพื่อที่จะหาหัวหุ่นเพื่อที่จะพัฒนาฝีมือ กลายเป็นว่าเพราะคนโน้นคนนี้มาฝากให้พ่อตัดผมให้ พ่อก็เริ่มชอบ เริ่มสนุก เขาจะเรียกให้พี่ดูประจำว่าคนนั้นพ่อตัดผมให้นะอะไรประมาณนี้ กลายเป็นว่าพ่อเขารู้สึกดี ภูมิใจที่ได้เห็นฝีมือตัวเอง
แรกๆ ที่พ่อทำก็ไม่ได้เงินนะคะ พ่อเริ่มจากเก้าอี้ตัวเดียว เมื่อก่อนยังไม่มีไฟฟ้า ก็จะเอากรรไกรที่ตัดผมแบบหนีบเอา พอมีไฟฟ้าพ่อเขาก็เริ่มซื้อแบตเตอร์เลี่ยน ตัดผมพี่ชาย เริ่มตัดผมเรา คือทรงเดียวทั้งบ้าน เป็นการประหยัดเงิน เรื่องของเรื่องคืออยากประหยัดเงิน พี่น้อยก็เลยคิดว่า เวลาเราไปตัดผมแล้วเห็นเด็กๆ ที่เขาด้อยโอกาสเหมือนเรา บ้านพี่เกิดมาจากครอบครัวยากจน พอเขาได้รับโอกาสตรงนั้น พ่อแม่เขาต้องรู้สึกเหมือนเราแน่ๆ ต้องรู้สึกประหยัด แล้วพอเปิดเทอมใหม่ๆ ลูกหลายคน ไหนจะค่าเสื้อผ้าไหนจะค่านั่นค่านี่ ประหยัดค่าตัดผมไปสัก 30 บาทจะเป็นไรไป พี่ก็คิดว่าช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองเราก็เลยว่าถ้าเราช่วยเขาทำได้พ่อแม่เราต้องคิดอย่างนี้เหมือนกัน เพราะเมื่อก่อน บ้านพี่ลำบากมาก
• เคยลำบากมาก่อนเลยอยากช่วยคนที่เขาลำบากใช่ไหมคะ
ใช่ค่ะ เชื่อไหมว่าไข่ฟองเดียว พี่สามารถแบ่งกัน 3 คนได้ เรารู้สึกว่าพอเรามีโอกาส เรื่องอาหารกลางวัน เวลาไปกับกลุ่มมอเตอร์ไซค์ ถ้าเราสามารถช่วยกันได้ พี่ก็จะช่วยเรื่องอาหารกลางวัน เพราะว่าเราลำบากมาก่อนเราจะรู้ว่าการได้กินอาหารดีๆ ความรู้สึกรสชาติมันเป็นยังไง พี่เคยห่อน้ำปลาร้าต้มกับข้าวห่อนึงไปโรงเรียน แล้วพี่ชายกับพี่สาวพี่ ก็จะมาล้อมวงกินน้ำปลาร้ากับข้าวห่อเดียวด้วยกัน แล้วสมัยก่อนไม่มีโครงการอาหารกลางวันนะคะ จะมีเป็นการว่าผู้ปกครองคนไหนมีฐานะ เขาจะผูกข้าวกับโรงเรียน ที่เป็นถาดหลุมๆ แต่เรานี่อย่าหวังเลย เพราะว่าพ่อแม่มีลูกตั้งสามคนแล้วเรียนไล่เลี่ยกันอีก เพราะพี่ชายกับพี่สาวเขาห่างกันกับพี่ประมาณ 3 ปี
ตอนนั้นจำได้ว่าอาจารย์มาถาม “นัสดากินข้าวกับอะไรลูก” น้ำตาพี่อยู่ที่หางตาแล้ว ไม่กล้าพูด อาจารย์เดินมาลองแล้วก็ยักหน้าว่า อึ้ม... แล้วอาจารย์ก็ไปตักกับข้าวที่เขาไว้ไห้สำหรับเด็กผูกข้าวมาวางให้พวกเรา 3 คนพี่น้อง พี่จำมาตั้งแต่ตอนนั้นเลยค่ะว่า ถ้าเรามีโอกาสเราสามารถทำได้ เราก็จะทำบ้าง เวลาไปตัดผมพี่น้อยก็คิดขึ้นมาว่าเด็กบางคนเหมือนเรามาก บางคนแย่กว่าเราอีกรองเท้าไม่มี ใส่เสื้อเก่าๆ
ตรงนี้พี่เลยคิดอย่างเดียวว่าสิ่งที่เราจะช่วยเขาจะช่วยประหยัดเงินผู้ปกครอง สิ่งนี้พี่จะคิดมาเป็นอันดับหนึ่งเลยค่ะ ดังนั้น นอกจากไปตัดผม ก็จะมีไปซื้อกางเกงใน ซื้อชุดชั้นใน แล้วก็รองเท้าแตะไปให้โรงเรียน ตชด. พอเราไปตัดผมแล้วเห็นว่าเด็กเขาขาดอะไร ก็จะระดมทุนกับเพื่อนในกลุ่มช็อปเปอร์เอาไปให้ ซึ่งตอนนี้เราไม่ได้อยู่ในเฉพาะกลุ่มเมืองกาญจน์แล้วค่ะก็จะมีเครือข่ายที่เป็นเพื่อนกับสามีที่กรุงเทพฯ จังหวัดอื่นที่พอเขารู้ว่าเราออกไปตัดผมเราออกไปเห็นเด็กทำอย่างนี้เขาก็มาร่วมกันกับเราค่ะ (ยิ้ม)
• จากที่เข้าไปตัดผมให้น้องๆ เขาให้การตอบรับอย่างไรบ้าง แล้วมีเหตุการณ์ไหนที่เราประทับใจบ้างคะ
น้องๆ ให้การตอบรับดีทุกคนเลยค่ะ พอเห็นเราไปถึง เขาก็จะยิ้มให้ ตัดให้เสร็จเด็กๆ ก็ขอบคุณค่ะ ขอบคุณครับ คุณครูก็บอกขอบคุณ เราไปจน น้องๆ เรียกว่าพี่น้อยใจดี (ยิ้ม) จริงๆ พี่ประทับใจเกือบทุกโรงเรียนเลยนะคะ อย่างมีโรงเรียนหนึ่ง ชื่อโรงเรียนบ้านหนองโพ โรงเรียนนี้พี่จะวนไปตัดมาสองสามรอบแล้วค่ะ จำได้ว่ามีน้องผู้หญิงคนหนึ่ง อันนี้พี่ประทับใจส่วนตัวนะคะ ตอนนั้นตัดผมใกล้เสร็จแล้ว น้องเขาก็วิ่งเอาสร้อยข้อมือที่ถักด้วยฝีมือเด็กธรรมดาๆ มายื่นให้ บอกเราว่าพี่น้อยคะ หนูให้พี่น้อยค่ะ เพราะว่าพี่น้อยมาตัดผมให้หนูหลายครั้งแล้ว หนูประหยัดเงินปู่กับย่าได้เยอะเลย หนูขอบคุณพี่น้อยมากๆ นะคะ
น้ำตาเรานี้ร่วงเลยค่ะ พี่ดีใจที่เด็กๆ เขาสัมผัสได้ว่าการที่เราไปทำอย่างนี้ให้เขามันสามารถช่วยประหยัดเงินเขาได้ เด็กเขามีการตอบกลับมาโดยที่คุณครูไม่ได้บอกว่าให้เอามาให้ แต่เขาเอามาให้ด้วยใจของเขาเอง แค่นั้นแหละค่ะ เราอิ่มใจแล้ว มันมากกว่าเงินทอง เพราะการที่เรามีน้ำใจให้กับใครแล้วเขารู้สึกและสัมผัสได้ แล้วยิ่งเป็นเด็กด้วย ยังไงต่อไปมันก็เป็นห่วงโซ่ เขาก็ต้องรู้สึกว่าโตขึ้นเขาอยากจะให้คนอื่นแบบที่เขาเคยได้รับบ้าง
ส่วนตัวพี่ประทับใจตั้งแต่ตัวเองเริ่มออกจากบ้าน ประทับใจคือสามีถาม “วันนี้ไปโรงเรียนไหน มีเงินเติมน้ำมันหรือยัง” เราก็บอกว่าวันนี้ไปโรงเรียนแถวท่าม่วง สามีถาม 200 บาทพอไหม เติมน้ำมันสัก 100 นะ เอาไว้ติดตัวหน่อยอะไรอย่างนี้ แล้วไหนจะระหว่างทางอีก เพราะเวลาที่เราขี่รถมอเตอร์ไซค์ไป เราจะได้เห็นวิวทิวทัศน์สวยๆ ระหว่างทางมีทั้งภูเขา มีต้นไม้ มีน้ำ เราได้เติมออกซิเจนให้กับตัวเอง พอไปถึงโรงเรียนเด็กๆ ก็จะนั่งเข้าแถวรอ พอเราขี่รถเข้าไปรถเราเสียงดังเด็กๆ ก็จะตื่นเต้นยิ้มรอเรา
เราประทับใจตั้งแต่ออกจากบ้าน ระหว่างทาง จนถึงจุดหมายปลายทาง แล้วเราก็หอบความสุขกลับมายังจุดเริ่มต้นเราใหม่ คือมันเป็นอย่างนี้ค่ะ มันวนอยู่อย่างนี้ พอคนเราทำอะไรที่เป็นความสุข เราก็อยากจะทำซ้ำๆ โดยที่จุดเริ่มต้นที่เราออกจากบ้าน ไม่มีเสียงแห่งคำถามว่า “จะไปไหนอีกล่ะ” ไม่มี “ออกไปทำไม” ไม่มี แต่มันคือเสียงพูดว่า “ขับรถดีๆ นะ เติมน้ำมันก่อนนะ มีเงินเติมน้ำมันไหม เดี๋ยวถ้ากลับไม่ทัน โทรบอกนะ เดี๋ยวไปรับลูกให้” คือมันเป็นความสุขตั้งแต่ต้นทาง ระหว่างทาง จนถึงปลายทาง พี่ก็เลยคิดว่าเราทำถูกทาง แล้วเราก็มีความสุขแล้ว
• ไปแต่ละครั้งได้ระดมทุนไหมคะ เห็นว่าพี่น้อยบางทีก็ต้องควักเงินตัวเองเหมือนกันใช่ไหม
ใช่ค่ะ พี่จะจ่ายค่าน้ำมันเองค่ะ แล้วก็มีเพื่อนบริจาคปัตตาเลี่ยนมาหนึ่งอัน แต่ว่ามันเป็นปัตตาเลี่ยนมือสองค่ะ พอใช้ไปนานๆ มันก็พัง คราวนี้ก็มีพี่เอกชัย แซ่เตียว พี่เขาอยู่ชมรมสองล้อใจบุญเกื้อหนุนผู้ยากไร้ พี่ที่เขาแจกวีลแชร์หลายคัน เขามอบปัตตาเลี่ยนราคา 4,100 บาทให้พี่น้อยมา 2 เครื่อง พี่น้อยก็แบ่งให้พี่ณภัทร 1เครื่อง เพราะว่าปัตตาเลี่ยนของเราราคาพันกว่าบาท ไปตัดผมเด็กแป๊บเดียวมันก็ร้อน จะต้องพักตัดผมเด็กผู้หญิงไปสลับกัน บางครั้งไปโรงเรียนอื่นที่นักเรียนเยอะก็ตัดไม่ทัน ก็ดีใจที่พี่เขาช่วยบริจาคมาตรงนี้ค่ะ
• เราได้อะไรบ้างจากสิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันนี้เพราะสิ่งที่ทำทำฟรี ไม่ได้เงิน แถมต้องเสียเงินด้วย
ได้ความสุขค่ะ (ตอบเร็ว) ทุกคนแสวงหาความสุขไม่เหมือนกัน บางคนมีความสุขฉันได้ช็อปปิ้ง บางคนมีความสุข ฉันได้ขี่รถยนต์ บางคนมีความสุข ฉันได้ปลูกต้นไม้ บางคนมีความสุข ฉันได้ไปเที่ยวเมืองนอก พี่ค้นหาตัวเองเจอว่าพี่มีความสุขตรงไหน พี่มีความสุขตรงที่ว่าพี่ชอบขี่มอเตอร์ไซค์ช็อปเปอร์ พี่ชอบตัดผม พี่เลยนำสองอย่างมารวมกันเพื่อเป็นการเพิ่มกำลังใจให้กับชีวิตเราเอง คือขอแค่ความสุข เพราะทุกคนต่างแสวงหาความสุขแต่ละทางไม่เหมือนกัน
มีคนถามพี่นะคะว่าเอาเวลาไหนไป ไม่ทำอะไรเลยเหรอ ไม่ทำมาหากินอะไรเลยเหรอ ก็เลยบอกว่าถ้าเราไม่ทำมาหากินอะไร ถามหน่อย เราจะเอาจากตรงไหนไป รถไม่ได้เติมด้วยน้ำเปล่า คือพี่น้อยกับแฟนเป็นคนไม่ได้เที่ยว แฟนพี่น้อยไม่ดื่มเหล้า พี่น้อยก็ไม่ดื่มเหล้า ไม่ชอบเที่ยวกลางคืน ชอบไปงานกุศล เราพยายามทำงานเก็บเงินทำนู่นทำนี่เพราะว่าเรารู้ว่าทำตรงไหนแล้วเรามีความสุข เราสามารถควักกระเป๋าออกได้โดยที่เราไม่เสียดายเราก็เก็บจากนั้นมาทำ ไม่ใช่ว่าเราจะต้องไปกู้หนี้ยืมสินต้องบริจาค ถ้าฉันจะต้องทำอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่
• เด็กๆ ที่ยังขาดแคลนยังมีอีกเยอะมาก ตรงนี้พี่น้อยอยากบอกหรืออยากเชิญชวนคนอื่นอย่างไรบ้างไหมคะ
พี่อยากชวนคนทุกที่ ทุกจังหวัดที่มีความสามารถเฉพาะด้าน ไม่ว่าจะเป็นตัดผม ศิลปะ ซ่อมรถหรือว่าอะไรก็ได้ แม้แต่เพื่อนพี่ที่ขี่มอเตอร์ไซค์บางคนเขาไม่ได้มีความสามารถอะไรเลย เวลาเขาไปกับพี่ เขาก็มาช่วยหวีผม ตัดเล็บให้น้องแทน พี่น้อยอยากให้คนที่มีจิตอาสาคือมาร่วมกันเถอะค่ะ ไม่จำเป็นต้องจังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดเดียว จังหวัดอื่นก็สมารถช่วยกันได้ หรือเขาอาจจะทำกันอยู่แล้วแต่เราไม่รู้ ก็อยากให้เขาทำต่อไป
แต่ต้องเริ่มจากตัวเราเองเลย ไม่จำเป็นจะต้องตัดผมเหมือนพี่น้อย ไม่จำเป็นจะต้องเหมือนคนอื่น เริ่มจากจิตใต้สำนึกเราเองว่าตรงนั้น เราสามารถช่วยได้ มีขยะเกะกะหน้าบ้าน มันเลยไปบ้านคนอื่นเขา ก็เก็บมาใส่ถังขยะ บ้านข้างๆ ไม่อยู่บ้าน ต้นไม้จะตายแล้วรดน้ำให้หน่อย เริ่มจากสิ่งที่ใกล้ๆ ตัวเราก่อนแล้ว ถ้าทำแล้วรู้สึกดีให้ ทำต่อไป แต่ต้องทำแล้วไม่เดือดร้อนคนอื่น ไม่เดือดร้อนตัวเองและครอบครัว ไม่ทำเพื่อเอา หรือไม่ต้องคิดว่าฉันต้องรอรวยก่อนแล้วค่อยทำ เราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เราจะรวย แต่ความดีเล็กๆ น้อยๆ เราสามารถทำได้นะวินาทีนั้นเลย
พี่เชื่อว่า การทำอะไรให้กับเด็กๆ เด็กเขาต้องคิดเหมือนเรา อีกอย่างเด็กเป็นผ้าขาวเขาก็จะมีความทรงจำเหมือนกันว่าโอกาสตรงนี้เราได้มาจากไหน เพราะตอนเด็กที่พี่ลำบากแล้วพี่ได้รับโอกาส เด็กเขาอาจจะคิดเหมือนเราสักวันหนึ่ง โตขึ้นเขาอาจจะไม่จำเป็นต้องมาตัดผมเหมือนเราก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมาทุกวันก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมีเงินเยอะก็ได้ เราไม่มีเงินเราออกแรงไป ซึ่งพี่น้อยก็เป็นคนที่ไม่ได้มีเงิน ไม่ได้เป็นคนร่ำรวยพี่น้อยก็หาเช้ากินค่ำ แต่ว่าไม่ต้องรอเงินเยอะหรอกค่ะ ถ้าเราทำแล้วมันมีความสุข ไม่เดือดร้อนตัวเราและครอบครัวทำไปเถอะค่ะ เล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี
• นอกจากตัดผมฟรีแล้วมีอย่างอื่นที่อยากทำอีกไหมคะ มีเป้าหมายหรือจะต่อยอดอะไรในอนาคตอีกบ้างไหม
ถ้าสภาพร่างกายพี่ยังไหวแล้วเรายังมีความสุขกับสิ่งที่เราทำอยู่โดยได้รับกำลังใจจากหลายๆ คนโดยได้รับการสนับสนุนแม้ไม่ใช่เงินทอง ขอแค่คำขอบคุณหรือคำชื่นชม คำขอบคุณจากน้องๆ ที่เราไป พี่น้อยก็จะทำจนกว่าร่างกายพี่น้อยจะไม่ไหวนั่นแหละค่ะ เพราะพี่น้อยก็คิดว่าพี่น้อยมาถูกทางแล้ว เราสามารถจัดสรรเวลาของเราไปได้
ส่วนจุดมุ่งหมายของพี่น้อยตอนนี้ก็คืออยากให้มีจิตอาสาเมืองกาญจนบุรีเพิ่มขึ้นในเรื่องของการตัดผม พี่น้อยอยากขอจิตอาสาเพิ่ม คือถ้าสมมติว่าใครที่สามารถตัดผมได้ แล้วอยากไป เพราะว่าบางทีเด็กเยอะ ก็จะตัดผมได้เร็วขึ้น เราก็จะเสร็จงานก็จะลุล่วงไปด้วยดี ตอนนี้ก็จะมียืนพื้น 3 คนค่ะ (ยิ้ม)
เรื่อง : วรัญญา งามขำ,อภิษฎา แพภิรมย์รัตน์
ภาพ : Facebook : Natsada Phopanpanao และ Facebook : พี่น้อย ใจดี ตัดผมฟรี