xs
xsm
sm
md
lg

“ตั้ว” รักพ่อ อยากทำอะไรเพื่อพ่อ ออกตัวไม่กดดันเร่งสร้างละครเทิดพระเกียรติ ละครพิเศษหนึ่งเดียวในโลกที่คนในสังคมรับรู้ร่วมกัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ตั้ว ศรัณยู” ยอมรับสายตรงหาผู้ใหญ่ช่อง 7 อยากมีโปรเจกต์ทำเพื่อในหลวง ร.๙ ภูมิใจเป็นหนึ่งในเก้าละครเทิดพระเกียรติโปรเจกต์ยักษ์ “ใต้ร่มพระบารมี” เผย เป็นละครที่ทำแล้วมีความสุขที่สุด ถ่ายทอดความรู้สึกคนไทย ไม่หวั่นเป็นงานเร่งด่วน มั่นใจจะเป็นละครพิเศษหนึ่งเดียวในโลกที่พูดเรื่องในหลวงแล้วคนในสังคมรับรู้ร่วมกัน

แม้ช่อง 7 จะออกใบสั่งกะทันหันให้สร้างละครเทิดพระเกียรติ “จงรัก ภักดี” หนึ่งในเก้าเรื่องซีรีส์ “ใต้ร่มพระบารมี” ซึ่งเป็นโปรเจกต์ยักษ์ของช่อง 7 แต่งานนี้ผู้จัด “ตั้ว ศรัณยู วงษ์กระจ่าง” ค่ายสามัญการละคร เปิดใจเป็นงานที่ทำด้วยความเต็มใจเป็นที่สุด ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยเหลือ และนักแสดงทุกคนที่มากันด้วยหัวใจ

เป็นหนึ่งกิจกรรมที่เราทำอาชีพนี้แล้วได้มาแสดงออกถึงความอาลัยจงรักและภักดีของพวกเรา ความรักที่มีต่อพระองค์ท่านการเทิดทูนบูชาและประกาศให้โลกรู้ว่าเรารักพระองค์ท่านมากแค่ไหน ท่านมีพระมหากรุณาธิคุณต่อพวกเราชาวไทยอย่างไร เราก็ทำอาชีพตรงนี้ก็ตั้งใจจะทำงานตรงนี้ให้ได้อย่างเต็มที่ และน้องๆ นักแสดงก็มาร่วมงานกันในครั้งนี้”

“โดยละครเทิดพระเกียรติที่บริษัท สามัญการละคร สร้างนี้ เราได้อ้างถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่ถูกพูดสืบต่อกันมาอย่างช้านาน ซึ่งที่ผ่านมาเราก็จะได้เห็นละครเทิดพระเกียรติต่างๆ พูดในแง่มุมที่หลากหลายเกี่ยวกับ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ด้วยใจที่จงรักภักดี แต่ครั้งนี้ถึงคราวที่ไม่มีใครอยากให้เกิดและไม่คาดคิดว่าจะเกิด เราจึงรวบรวมเอาความรู้สึกตรงนี้มาถ่ายทอดออกมา เป็นความรู้สึกเดียวกันของคนไทยที่มีต่อพระเจ้าแผ่นดิน โดยจะเล่าย้อนไปตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม ในวันที่มีข่าวลือสะพัดออกมา คนทั้งประเทศรู้สึกตื่นตระหนกหวาดระแวงกับข่าวที่เกิดขึ้น ดังนั้น ตัวละครต่างๆ ในเรื่องนี้จะถ่ายทอดความรู้สึกออกมาจากพื้นฐานความรู้สึกของประชาชนชาวไทยจริงๆ ที่มีความจงรักภักดี”

“แต่เมื่อเราสร้างเป็นละคร เราก็ต้องเล่าย้อนถึงภูมิหลังของตัวละครด้วยว่ามีความเป็นมาอย่างไรบ้างซาบซึ้งและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างไรบ้าง แต่ทุกคนก็จะมารวมตัวกันโดยมีจุดมุ่งหมายเดียวคือ ไปร่วมถวายพระพรแด่พระองค์ท่าน แต่จุดพีคเดินทางมาถึงเวลาหนึ่งทุ่มของวันที่ 13 ตุลาคม เมื่อทุกคนรู้ว่าพระองค์ท่านไม่อยู่กับพวกเราแล้ว ความรู้สึกของตัวละครทั้งหมดก็จะถูกถ่ายทอดออกมา บางคนไม่อยากให้เกิด บางคนร้องไห้ฟูมฟาย ความอาลัยแด่พระองค์ท่าน พรพรั่งพรูออกมา แต่ทุกคนเมื่อคิดขึ้นได้ว่าตัวเองเป็นลูกของพระองค์ท่าน ต่างก็คิดได้ว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ดำรงตนให้เป็นลูกที่ดีของพ่อ ปฏิบัติตามคำสอนตามพระราชดำรัสของพระองค์ท่านมาปรับใช้ และดำเนินชีวิตได้ต่อไปโดยนี่เป็นแกนหลักของเรื่อง

บอกเต็มที่กับงานที่สุด ซึ้งใจได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รวมทั้งนักแสดงที่มากันด้วยหัวใจ
“เป็นอะไรที่กระชั้นชิดมาก ไม่มีใครอยากให้เกิด วันที่ 13 ตุลาคม เร็วขนาดนี้ ไม่มีใครคาดคิด ด้วยใจที่เราอยากแสดงความรู้สึก เราก็เต็มที่กับงานตรงนี้ให้มากที่สุด เป็นงานที่ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายมากที่สุด ถ้าเป็นละครปกติแล้วได้มีผู้ให้ความร่วมมือเยอะขนาดนี้ คงจะดีไม่น้อย นักแสดงต่างทุ่มเทคิวมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ และให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี ทุกคนคือรู้ข่าวกะทันหัน ทุกคนมาด้วยใจ แม้กระทั่งสถานที่ที่เราเดินหน้าเข้าไปถ่ายทำ พอเราบอกว่าเรามาถ่ายทำละครเทิดพระเกียรติให้ในหลวง ทุกที่ต่างให้ความร่วมกันเป็นอย่างดีและยินดีต้อนรับ และนี่เป็นการให้ความร่วมมือเพื่อถวายแด่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ของทุกฝ่ายทุกส่วน”

“การทำงานทุกอย่างเหมือนเดิมๆ ไม่ซ้ำทั้งหมด โปรแกรมทำหนังละครเรื่องหนึ่งเราต้องการนำเสนอแง่มุมใดให้คนดูได้รับรู้ ให้ผู้ชมได้มีอารมณ์ร่วมได้ แต่ครั้งนี้เป็นละครพิเศษที่สามารถเข้าถึงและสัมผัสกับความรู้สึกคนดูได้ โดยไม่ต้องบอกอะไรมากขึ้น อยู่กับจะนำเสนอในแง่มุมใด เหมือนที่ทุกคนร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี แล้วน้ำตาไหล เรื่องนี้ก็เหมือนกัน ความรู้สึกเดียวกัน ดังนั้น ในแง่มุมของอารมณ์นักแสดงก็จะถ่ายทอดออกมาได้เป็นอย่างดี และเป็นหนึ่งชิ้นงานที่จะพูดถึงพระองค์ท่านด้วยดีที่สุด ปกติผมทำงานก็จะเจอนักแสดงพร้อมๆ กันก่อน แต่ทีนี้มันไม่มีเวลา ก็ไล่โทร.คุยทีละคน ทุกคนก็ยินดีพอเจอกันก็นัดกินข้าวเย็นกันเมื่อวานก็ไปนั่งคุยด้วย”

ไม่มีแรงกดดัน มีความสุขกับงานแบบนี้ เพราะไม่เอาเรตติ้งเป็นที่ตั้ง เป็นละครพิเศษประเทศเดียวในโลกที่หยิบเรื่องในหลวง ร.๙ แล้วคนในสังคมรู้สึกร่วมกัน
“ความรู้สึกไม่ต่างกันนะเพราะว่าอย่างที่บอกโดยส่วนตัวมีความสุขกับงานแบบนี้มาก เพราะเป็นงานที่ไม่มีใครเอาเรตติ้งมาเป็นที่ตั้ง มันเหนือกว่าเรตติ้งเหนือกว่าทุกอย่าง มันเป็นละครพิเศษที่ผมว่ามันเป็นประเทศเดียวในโลกที่หยิบเรื่องนี้มาแล้วคนในสังคมรู้สึกร่วมกัน เพราะฉะนั้นความกดดันตรงนั้นมันไม่มีเลย ก็เหลือแต่อารมณ์เนื้อแท้ของเรา ถ้าจะมีบ้างก็เรื่องของเวลาที่เราจำเป็นต้องให้ทัน”

“เราก็จะแจ้งตามเหตุการณ์จริง เราติดแฮชแท็กอะไรกัน ว่าเราเกิดในรัชกาลที่ ๙ มันก็เป็นวาระสำคัญตรงนี้ มันไม่มีอะไรมาหักล้างความรู้สึกที่มันมีตรงนี้ ความรู้สึกที่มีมันก็ต้องเกิดมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ คนอยู่ในอารมณ์เรื่องเดียวกัน ถ้ากลับไปในรายละเอียดของก็ต้องดูว่าจะยังไง เพราะช่องเขาเป็นการลงทุน แต่อย่างที่บอกเราลงทุนไปมันไม่เท่าที่พระองค์ทำให้คนทั้งประเทศหรอกครับ”

ถนัดละครต้องทำละคร โทรศัพท์บอกช่อง 7 อยากทำอะไรสักอย่างเพื่อแสดงความจงรักภักดีในหลวง
“ก็ประมาณ 3 - 4 วัน คือ เริ่มต้นเรารู้สึกว่าน่าจะทำอะไรสักอย่าง ก็ โทร.ไปบอกช่องว่าทำอะไรสักอย่างมั้ย เขาก็บอกว่าเดี๋ยวลองคิดดูก่อน มันก็มีความคิดว่าเราอยากทำอะไร ก็มีภาพรวมๆ เหมือนใครถนัดอะไร เดี๋ยวนี้มีเพลงพูดถึงพระองค์ท่านออกมาเยอะมาก เพราะทำได้ง่ายเป็นโปรดักชั่นที่ทำกันเอง ของเราเป็นละคร ถ้ามีโรงละครเวทีเราอาจจะทำละครเวที ทุกคนทำได้เราอยู่ตรงนี้มีตรงนี้ก็ทำตรงนี้ ความรู้สึกมันก็กลั่นกรองออกมา”

“มันเป็นละครตอนเดียวด้วย การคิดงานตอนเดียวมันก็จะเร็วกว่า 20 ตอนอยู่แล้ว ยิ่งเป็นเรื่องที่เรามีความรู้สึกมากมันก็จะพรั่งพรูออกมา เวลาที่ใช้ไปเยอะก็อาจจะเป็นเรื่องการประสานงานบางอย่าง”

คือ ถ้าจะยากมันยากตรงที่จะพูดถึงมุมไหนดีเพราะมีเยอะไปหมด แต่นอกนั้นไม่มีอะไรยากเลย เพราะอย่างที่บอกเวลาเราทำละครอะไรสักเรื่อง มันต้องหาทางที่จะเล่าเรื่องให้คนดูเข้าใจและคล้อยตาม แต่เรื่องนี้มันข้ามจุดนั้นมาแล้ว ทุกคนเข้าใจ ทุกคนรอดูว่าเรื่องนี้จะบอกเล่ามุมไหน มันก็เลยเหลือแค่ว่าในเวลาที่เรามี เราเสนอมุมไหนดีแค่นั้นเองครับ เราอยากได้มุมกว้างๆ เลยตั้งต้นว่าถ้าเป็นละคร 2 ตอน อยากจะจากเชียงรายยาวไปจนถึงปัตตานี แต่นี่แค่ตอนเดียวเลยทำแค่จากเชียงรายไปกรุงเทพฯ นักแสดงทุกคนก็ให้ความร่วมมือดี”





กำลังโหลดความคิดเห็น