“กัปตัน” สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ “ในหลวง” ห่วงใยประชาชน ตรัสถามทุกคนแม้แต่ตัวประกอบ ไม่มีวันลืม ครั้งหนึ่งได้กราบพระบาทพ่อหลวง ตายไปก็ไม่เสียดายชีวิต ชี้ดำเนินรอยตามพระองค์จะเป็นมงคลชีวิต คำสอนของพ่อจะอยู่ไปอีกร้อยปีพันปี ปฏิญาณตนจะเป็นตัวอย่างที่ดี ด้าน “เอ้ก บุษกร” รู้สึกปลอดภัยเพราะบารมีพ่อหลวง แต่วันนี้รู้สึกเคว้งคว้าง
ช่องวัน ร่วมกับ บริษัท จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ขอน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณและร่วมถวายความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จัดทำรายการพิเศษ “สดุดี คีตราชา” และละครพิเศษ “เราเกิดในรัชกาลที่ ๙ เดอะซีรีส์” รวมทัพนักแสดงกว่า 100 ชีวิต และหนึ่งในนั้นมี “กัปตัน ภูธเนศ หงษ์มานพ” กับภรรยา “เอ้ก บุษกร หงษ์มานพ” ร่วมด้วย โดยหนุ่มกัปตันเปิดใจว่าตายไปก็ไม่เสียดายชีวิต ครั้งหนึ่งเคยกราบพระบาท ในหลวง ร.๙
กัปตัน : “ใจหนึ่งผมภูมิใจมากที่ในชีวิตของนักแสดงมันคือที่สุดแล้วที่ได้ทำในสิ่งที่เราถนัดถวายแด่พระองค์ท่าน แต่อีกใจก็ไม่อยากทำ ก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ คือ อยากให้เป็นการเล่นละครเทิดพระเกียรติถวายปกติ ซึ่งตอนนี้ยังรู้สึกว่ามันหนัก มันเกิดขึ้นจริงเหรอ ยังอยากให้พระองค์ท่านได้อยู่กับเราไปตลอด ผมเคยมีโอกาสได้ถวายงานหน้าพระที่นั่ง ตั้งแต่เมื่อปี 2547 ครับ แล้วก็เคยถวายงานอีกครั้งต่อในปี 2550 ความรู้สึกผมยังจำได้แม่นเลยครับ ไม่มีวันลืม ไม่เคยคิดว่าในชีวิตนักแสดงคนหนึ่งจะมีโอกาสได้เห็นพระองค์ท่าน ชีวิตนี้ผมได้กราบพระบาทพระองค์ท่าน ซึ่งนั่นทำให้ผมคิดว่า ตั้งแต่วันนั้นถึงผมจะตายผมก็ไม่เสียดายชีวิตแล้ว”
“พระองค์ท่านเป็นพระมหากษัตริย์ที่ห่วงใยประชาชนเป็นอย่างมาก ขนาดนักแสดง ซึ่งเป็นตัวประกอบได้มีโอกาสเข้าไปถวายงานพระองค์ท่านยังตรัสถามเลยว่าทานข้าวหรือยัง พอผมได้เห็นผมก็เลยรู้สึกว่าเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก”
เอ้ก : “ตั้งแต่เกิดมา ก็รู้สึกว่าท่านเป็นพ่อที่ดูแลทุกคน แต่ไม่ได้รู้สึกว่าวันหนึ่งถ้าพ่อไม่อยู่แล้ว มันจะต้องเป็นยังไง แต่พอมาถึงวันนั้นเราใจหายมาก เราก็เชื่อว่าเราคงเป็นเหมือนประชาชนทุกคน ความเชื่อมั่นความมั่นใจความมั่นคงมันหายไป รวมถึงความปลอดภัยด้วย ความรู้สึกมันเคว้งคว้าง ซึ่งนั่นก็ทำให้เราได้รู้ว่าที่ผ่านมาเรามีบารมีของท่านคอยปกป้องคุ้มครองอยู่โดยที่เราไม่ได้รู้ตัวมาก่อน”
“เราสงสัยมาตั้งแต่เด็กว่าพระองค์ท่านเป็นถึงพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ ทรงมีทุกอย่างหากต้องการอะไรก็คงหาได้ แต่ทําไมพระองค์ต้องมาทำอะไรให้เหนื่อยขนาดนี้ เราเลยรู้สึกว่าที่ผ่านมาไม่มีสิ่งไหนเลยที่พระองค์ทำเพื่อตัวเอง ทุกอย่างพื่อพวกเราทุกคน แล้วอย่างหนึ่งที่เรายึดมากก็คือเรื่องของความพอเพียง ถึงเราจะเป็นเพียงแค่นักแสดงแต่เราก็ไม่เคยลืมตัวว่าเราคือใคร เราจะอยู่กับความเป็นจริง”
ภูมิใจได้เกิดบนแผ่นดินรัชกาลที่ ๙ อยากทำสิ่งดีๆ เพื่อพ่อหลวง
เอ้ก : “ภูมิใจมากค่ะ ถึงเราจะไม่ได้มีโอกาสดีเหมือนคนอื่น ที่ได้เข้าไปเข้าเฝ้าฯ และใกล้ชิด ไม่มีโอกาสได้เห็นพระองค์ใกล้ๆ หรือได้กราบแทบพระบาท แต่ทุกครั้งที่มีโอกาสได้เข้าไปในพระบรมมหาราชวังเพื่อใกล้พระองค์ให้มากที่สุดเราก็จะไปถึงแม้ว่าจะไม่ได้เห็นอะไรเลย แต่ก็รู้สึกดีใจมาก ทุกครั้งที่ได้เข้าไป”
“ถึงแม้วันนี้พระองค์ไม่อยู่แล้ว เราก็อยากจะทำอะไรสักอย่าง รู้ว่าบางทีพระองค์อาจจะไม่ได้เห็นหรอก แต่อย่างน้อยก็อยากให้คนอื่นได้รู้ว่าเรารักพระองค์ท่านมากแค่ไหน พวกเราทุกคนรักพระองค์ท่านมากแค่ไหน”
เชื่อคำสอนของพ่อจะอยู่ไปอีกร้อยปีพันปี ปฏิญาณตนจะเป็นตัวอย่างที่ดี
กัปตัน : “ผมคิดว่าพระองค์ท่านทำให้พวกเราทุกคน แต่พระองค์ไม่เคยหวังให้ใครมาทำอะไรให้กลับ พระองค์ท่านแค่ต้องการให้ประชาชนรักกัน อย่างน้อยเราน้อมนำคำสอนของพระองค์ท่าน ที่พยายามทำให้ดูเป็นแบบอย่างมาตลอด 70 ปี เราแค่ดำเนินรอยตาม ผมเชื่อว่า มันน่าจะเกิดสิ่งที่ดี และเป็นมงคลกับตัวเราเอง ถ้าหากพระองค์มองลงมาก็คงจะมีความสุข สิ่งที่พ่อหลวงเคยสอนไว้ มันไม่ได้ใช้ได้แค่ในปัจจุบัน ต่อให้ผ่านไปอีกสิบปีหนึ่งร้อยปีพันปี ทุกอย่างก็คงเป็นจริงเหมือนอย่างนี้ ผมจะบอกกับตัวเองว่า ชีวิตนี้เรามีบุญมากเหลือเกินที่วันหนึ่งเรามีโอกาสได้กราบพระบาทพระองค์ท่านและได้ถวายงาน ซึ่งมันทำให้ผมคิดว่าต่อไปในอนาคต ถึงพระองค์จะไม่อยู่แล้วแต่ผมก็จะทำให้เป็นแบบอย่างแก่คนรุ่นหลัง ผมจะเข้มแข็งและอดทนในการทำความดี ทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อให้สิ่งที่พระองค์ท่านสอนคงอยู่ตลอดไป”