“ดาวใจ ไพจิตร” นักร้องลูกกรุงรุ่นลายครามเปิดใจ ฟ้าร้องไห้ ดินอาวรณ์ สายลมเศร้าวันที่เมืองไทยรู้ข่าวร้าย เผยเป็นบุญสูงสุดในชีวิตเคยได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำพระราชทานจากพระหัตถ์ “ในหลวง รัชกาลที่ ๙” เทิดทูนพระองค์เป็นอัครศิลปิน ไม่มีใครถูกรักได้มากเท่าพระองค์ท่านอีกแล้ว จะเดินตามรอยคำพ่อสอน ดูแลภาษา รักษามรดกล้ำค่าไม่ให้สูญหาย ชวนช้อปปิ้งบุญ ทำดีได้ทำเลย
นักร้องลูกกรุงรุ่นลายคราม “ดาวใจ ไพจิตร” เป็นนักร้องอีกคนหนึ่งที่มีโอกาสได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำพระราชทานจากพระหัตถ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในเพลง “น้ำตาดารา” ปัจจุบันเป็นเจ้าของโรงเรียนอนุบาล ดำรงตำแหน่งอุปนายก สมาคมนักร้องแห่งประเทศไทย ช่วยเหลืองานสังคม โดยเจ้าตัวเผยว่าเป็นบุญสูงสุดและเป็นความฝันที่มีค่าที่สุดในอาชีพนักร้อง
“พูดถึงเรื่องรางวัลแผ่นเสียงทองคำพระราชทาน ดาวใจ ไพจิตร ก็เป็นคนหนึ่งที่เคยได้มีโอกาสเข้าเฝ้ารับพระราชทานจากพระหัตถ์ของในหลวง ความภูมิใจความดีใจ ความปลาบปลื้ม สารพัดที่จะบรรยายได้ เพราะว่ารางวัลแผ่นเสียงพระราชทานจะเป็นรางวัลของคนที่อยู่ในวงการศิลปินทั้งหลาย ทั้งนักร้อง รักแต่ง นักเรียบเรียงเสียงประสาน นักแต่งเพลง ทำนอง เพลงนี้จะมีเนื้อมีทำนอง มีเรียบเรียงเสียงประสาน มีคนร้อง เป็นต้น ก็เป็นความฝันอันสูงสุดของเหล่าอาชีพของเรา ถ้าหากเราได้ถึงจุดๆ นี้ มันถือว่าเป็นอะไรที่ไม่มีอะไรบรรยายได้แล้ว”
“เราเป็นนักร้องคนหนึ่ง เพิ่งเริ่มต้นมาก็แบบยังไม่รู้ทิศทางแล้ววันหนึ่ง เราก็เดินมาถึงจนจุดๆ นี้ ได้รับรางวัลเมื่อปี พ.ศ.2522 ปลื้มใจ บทเพลงที่ได้รับคือเพลงน้ำตาดารา ช่วงนั้นก็ถือว่าโชคดีได้รับรางวัลทั้งอดีตสามีที่ล่วงลับไปแล้ว คือท่านปรีดี สุจริตกุล ท่านเป็นคนแต่งเพลงนี้ให้ และคนเรียบเรียงเสียงประสาน คือคุณเสกสรร สอนอิ่มสาตร์ ก็ได้รับรางวัลจากเพลงนี้ด้วย เพลงนี้ได้รับถึง 3 รางวัลนะ น้ำตาดารา”
“เป็นความปลาบปลื้มใจ ประกาศชื่อไป เดินไป เหมือนตัวแทบจะลอย เป็นเหมือนความฝันที่มีค่าสูงค่ามาก นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างล้นพ้น ซึ่งทุกวันนี้พูดขึ้นมาแล้ว แล้ววันที่ทราบข่าว (ร้องไห้) ว่าพระองค์ท่านเสด็จสวรรคต รับไม่ได้เลย เข่าอ่อนเลย เพราะพวกเราเหล่าศิลปินทุกคน มีความจงรักภักดีในพระองค์ท่านมากๆ เพราะว่าพระองค์ท่านก็คืออัครศิลปิน พระองค์ท่านทรงให้กำลังใจพวกเราทุกคนเสมอมา ตลอดทั้งรัชกาลเลยก็ว่าได้ เราก็เป็นเพียงนักร้องคนหนึ่งที่มีโอกาสได้รับรางวัล แต่ในหมู่ของพวกเราชาวศิลปินแล้วเนี่ย ถือว่าเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของพวกเรา”
ยกเป็นกษัตริย์ของกษัตริย์ จะอยู่ในใจคนไทยตลอดไป
“ในฐานะที่เป็นศิลปินอาวุโสคนหนึ่งก็ขอกล่าวแทนศิลปินหลายๆ คนว่า พวกเราเศร้าใจมาก ทุกคนต้องรับแทบไม่ได้อยู่แล้ว และก็ตั้งใจอธิษฐานขอให้พระองค์ท่านได้รับพระวรกาย พระองค์ท่านเป็นบุคคลที่มีคนรักมากที่สุด ดิฉันขอใช้คำธรรมดานะ ไม่มีใครที่ถูกรักได้มากเท่าพระองค์ท่าน ท่านสร้างประโยชน์เหมือนกับทุกอณูลมหายใจของพระองค์ท่าน ท่านจะเสด็จไปทุกหนทุกแห่งที่ไปได้เราเห็นภาพย้อนหลังทุกวันนี้ ยิ่งอาลัยอาวรณ์พระองค์ท่านมากขึ้นทุกที ท่านเป็นกษัตริย์ของกษัตริย์จากใจของดิฉันคนหนึ่ง”
“พวกเราเหล่าศิลปินเศร้าใจมาก เพราะว่าพระองค์ท่านทรงพระเมตตาต่อพวกเราเสมอมา แล้วก็เมื่อสิ้นพระองค์ท่านแล้วเนี่ย เราทุกคนก็พยายามจะสร้างสรรค์ความดี ตามคำสอนที่พระองค์ทรงให้ไว้ในเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง ในเรื่องอื่นๆ รู้จักแบ่งปันเกื้อกูล ซึ่งพวกเราก็มีกันอยู่แล้ว ดิฉันก็ขอให้ท่านขึ้นสู่สวรรคาลัย คงไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว พระองค์ทรงงานขนาดนี้แล้ว 70 ปีแล้ว พวกเราก็ควรจะช่วยกันเอง พระองค์ทรงทำตัวอย่างให้เห็นแล้ว ทรงทำตัวอย่างที่ดี เป็นตัวอย่างของกษัตริย์อีกหลายประเทศที่อยากจะได้แบบเรา ดาวใจก็เสียใจมาก พูดไม่ออกเลย เรียกว่าเข่าอ่อนไปเลย แต่พระองค์ท่านก็อยู่ในใจของพวกเราทุกคนตลอดไป”
“และวันนี้พวกเราก็มาแสดงความไว้อาลัย ก็มาแสดงความกตัญญูต่อพระองค์ท่านด้วยการมาทำบุญในวันนี้เพราะความรักในหลวง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พวกเราถึงมาเจอกันที่นี่ อันนี้เป็นเรื่องความคิดส่วนตัวนะที่เล่าให้ฟังที่พูดให้ฟัง”
เป็นบุญมีโอกาสรับรางวัลแผ่นเสียงทองคำพระราชทานจากพระหัตถ์
“พระองค์ท่านก็รับสั่งโดยรวม เวลาก่อนจะขึ้นรับรางวัล พระองค์ท่านก็จะรับถึงวิธีการแต่งเพลง หรือเรื่องที่ทำให้พวกเราผ่อนคลายจากความเครียด ความขำ หัวเราะอะไรต่างๆ พระองค์ท่านรู้ว่าศิลปินทุกๆ คนในห้องนั้นที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ทุกคนจะตื่นเต้นไปหมด พระองค์ท่านก็จะทรงเล่าในเรื่องที่ผ่อนคลาย พระองค์ท่านเป็นอัจฉริยะ มีความคิดว่าลดความตื่นเต้นของพวกเรา”
“นับว่าเป็นบุญที่ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ดาวใจ ไพจิตร ได้มีโอกาสได้รับรางวัลนี้ เป็นรางวัลพระราชทาน เขาเรียกว่าเป็นบุญหัวก็ว่าได้ เรามีความปลาบปลื้มใจมาจนถึงทุกวันนี้ และจงรักภักดีต่อพระองค์ท่านมากๆ พระองค์เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยทุกคน ทุกอาชีพ ทุกวิชาชีพ ไม่รู้จะพูดพรรณนาอะไรได้เลย พวกเราอาลัยอาวรณ์มาก ขอให้พระองค์ท่านขึ้นสู่สวรรคาลัย ขึ้นสู่สรวงสวรรค์ มานั่งคิดในใจว่า ฟ้าร้องไห้ ดินอาวรณ์ ลมพัดมาเนี่ย สายลมก็เศร้า นกก็เงียบไปเลย เมื่อสิ้นพระองค์ แต่ท่านยังอยู่ในใจของพวกเราและตลอดไป”
บอกภาษาไทยเป็นมรดกล้ำค่า ช่วยกันรักษาอย่าให้สูญหาย
“หลายเรื่อง ทั้งเรื่องของภาษาไทย อย่าให้วิบัติในเรื่องของวิชาชีพของเรา และเรื่องความพอเพียง พอเพียงนะ ไม่ใช่ขี้เกียจนะ ไม่ใช่มีแค่ไหนอยู่แค่นั้น ขี้เกียจสันหลังยาว พอเพียงหมายถึงว่า ควรจะรู้จักเพียงพอ อย่าไปมองแต่คนที่เขาเริดเลอกว่าเรา ถ้าเรามองแต่คนที่เขาสูงส่งกว่าเรา หรือรวยกว่าเรา เราก็คงจะเหนื่อยมาก คือพระองค์ท่านทำให้ทุกคนพออยู่ได้ ประทังชีวิตอยู่ได้ สอนให้ปลูกต้นไม้ ทำเกษตรทฤษฎีที่บ้านเราก็ทำ เราเป็นลูกหลานชาวสวนอยู่แล้วอีกหลายๆ อย่าง การดำเนินชีวิต พระองค์สอนให้พยายามดึงคนเลวให้เป็นคนดี ให้ให้โอกาสคน อะไรมากมาย ทุกวลีของคำที่พระองค์ท่านตรัสออกมา พระราชดำรัสออกมา สร้างประโยชน์ทุกถ้อยทุกคำ ไม่มีที่สูญเปล่าเลย มีสาระหมดทุกตอน ทุกวลี สุดจะพรรณนา ทุกถ้อยทุกคำมีความหมายหมด”
“เรื่องของภาษาในฐานะที่ดาวใจ ตอนนี้จบปริญญาเอกจากจุฬาลงกรณ์ เรามีหน้าที่ดูแลเรื่องภาษาด้วย ดาวใจได้รับความไว้วางใจเรื่องนี้อยู่ว่า เราเป็นนักร้องที่ร้องเพลงได้ชัดเจนถูกต้อง ทั้งที่มหิดลก็มีรางวัลอะไรให้ต่างๆ ในส่วนนี้ก็เป็นอีกส่วนที่พระองค์ท่านทรงเป็นห่วงที่เรารับฟังมานะ ช่วยกันนิดหนึ่งว่าเรามีมรดกอันล้ำค่า คือภาษาไทยที่ไพเราะเพราะพริ้งกว่าอีกหลายๆ ชาติ แต่เราอย่าไปเลียนแบบคนอื่นมากไป เราก็จะหลุดจากความเป็นตัวตน มรดกของเราก็จะสูญหายไปในที่สุด เราก็ต้องฝากไว้ว่าอย่าให้ภาษาไทยวิบัติ เราเป็นคนที่รับมรดกของชาติ เรื่องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อยู่ในจิตวิญญาณของเราอยู่แล้ว ขอฝากไว้ว่าขอให้เราก็เจริญรอย ทำความดี เป็นคนดี สิ่งไม่ดี ทำยากกว่าสิ่งดีนะ ตามเจตนารมณ์ของในหลวงที่ทรงพระราชดำรัสไว้ทุกอย่าง และเราก็จะเดินไปได้ ดำรงชีวิตอยู่ได้ เราจะเป็นคนที่มีอนาคต เรามีครู พระองค์ท่านทรงเป็นครูสอนทุกคน สอนชาวนา ศิลปิน อะไรก็แล้วแต่ที่ท่านจะให้ได้ พระองค์ท่านอยากจะให้ ให้ตลอดจนลมหายใจสุดท้าย นี่เป็นความคิดส่วนตัวของดาวใจนะ”
ทำงานจิตอาสาเป็นสิบปี ช้อปปิ้งบุญตลอดเวลา
“ส่วนเรื่องการเป็นจิตอาสาสมัครกาชาด เรื่องจิตอาสาดิฉันมีอยู่ในจิตวิญญาณอยู่แล้ว ตลอดชีวิตตั้งแต่เด็กจนโต เราทำอยู่แล้ว ทำทุกอย่างที่สามารถช่วยเหลือเกื้อกูลกันอยู่ได้ อยู่ในจิตวิญญาณของเราอยู่แล้ว ความเมตตาของเราสูงพอ เราไม่ยอมแพ้ใครอยู่แล้ว เรื่องความเมตตา เราทำอยู่แล้วในส่วนนี้เป็นลูกทีมของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ทำเป็น สิบๆ ปีแล้ว อยู่โดยไร้องค์กร อันนี้ก็คือเรื่องหนึ่ง แต่จิตวิญญาณของเราคือว่าเราจะช้อปปิ้งบุญตลอดเวลา ทุกเวลาทุกนาทีเท่าที่เราจะทำได้ ถ้าเราไม่เดือดร้อน เราทำเลย แย่งทำเลย รีบทำเลย เพราะเวลาของคนเรานั้นมีจำกัด ไม่ว่าเราจะไม่ได้บ้าง ได้บ้าง เมื่อใดที่เราไม่สมหวังบ้าง ผิดหวังบ้าง แต่เมื่อเรานึกถึงแผ่นเสียงทองคำขึ้นมาแล้วเนี่ย ที่เราไม่สมหวังมั่ง ผิดหวังมั่งเนี่ยหายหมดเลย หายเหนื่อยเลย”