“บุ๊คโก๊ะ” งดเอ็นเตอร์เทน ถวายอาลัย "ในหลวง รัชกาลที่ ๙" เผยภูมิใจเคยเป็นตัวแทนคนไทยถือพระบรมฉายาลักษณ์ที่ประเทศเกาหลี ขอทำความดีตามคำพ่อสอน ยอมเสียรายได้หลายแสน แคนเซิลงานครึ่งร้อย
คนบันเทิงจิตอาสาทยอยไปช่วยแจกน้ำ อาหาร และเก็บขยะอำนวยความสะดวกประชาชนที่มาร่วมถลายความอาลัยพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อแสดงความจงรักภักดี อยากทำดีเพื่อในหลวง รัชกาลที่ ๙ และอยากอยู่ใกล้พ่อหลวงให้นานที่สุด รวมไปถึง “ดีเจ บุ๊คโก๊ะ ธนัชพันธ์ บูรณาชีวาวิไล” ซึ่งมาช่วยแจกอาหารเป็นวันที่ 3 โดยเจ้าตัวเผยความรู้สึกว่า
“เรามาหลายวันแล้ว วันแรก ๆ ยังขาดแคลนในหลาย ๆ อย่าง แต่วันนี้วันที่ 3 จะเห็นว่า รอบ ๆ สนามหลวงมีคนมาร่วมแสดงน้ำใจแก่คนที่มาสักการะพ่อหลวงของเรา ทุกคนมีใจเดียวกัน เรารู้สึกดีใจแทนประชาชนที่มีคนนำของกิน น้ำ ขนมมาให้กันมากมาย นอกจากเราแบ่งปันน้ำใจในรูปแบบสิ่งของ สิ่งที่มีค่าที่เราได้รับกลับมา คือ ความยิ้มแย้ม การพูดคุย จากผู้คนทั่วสารทิศ ตรงนี้มันมีค่ามาก”
ไม่สนใจคนเอาถุงมาใส่ของ ขอมองมุมกลับกัน ถ้าเขาทานอิ่มเราก็มีความสุขไปด้วย
“สำหรับบุ๊คโก๊ะเราก็มองในมุมอีกมุมหนึ่ง หลาย ๆ คนที่เขาถือถุงมาเพื่อใส่กลับบ้าน เราคิดว่าคงไม่มีใครอยากจะถือถุงถือของกลับบ้าน ถ้าที่บ้านของพวกเขาพอมีพอกินแล้ว จริง ๆ แล้วปกติสนามหลวงจะเป็นที่ของคนที่ไร้บ้าน เราก็เลือกมองว่าเราถือโอกาสนี้ทำเพื่อในหลวงกันดีกว่า เราทำหน้าที่แบ่งปันในสิ่งเรามี ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามตามกำลังของเรา”
“บางคนมาใส่ถุงเยอะ เราก็จะบอกพี่คะ แบ่งให้ด้านหลังทานบ้าง รับได้คนละชิ้นนะ เราเข้าใจว่ามันควบคุมยาก แต่ถ้าเราแบ่งปันกัน มีน้ำใจกัน เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะแสดงให้เห็น สิ่งเหล่านี้มันทำให้เรารู้สึกได้ว่าเราจะร่วมมือกันฝ่าวิกฤตไปได้ คนเขาก็เข้าใจนะ บอกว่าแบ่งกันนะ คนที่อยู่ด้านหลังจะได้ทานด้วย สิ่งที่ได้กลับมาคือรอยยิ้ม สิ่งเหล่านี้มันอยู่เข้าไปในใจของเรา เรามองมันให้เป็นพลังบวก มันอาจจะมองแล้วรู้สึกแย่ที่ใส่ถุงยังชีพเนอะ แต่เราเลือกมองในมุมกลับกันว่าวันนี้เรามาทำเพื่ออะไร เรามาทำเพื่อพ่อ ถ้าเขาเอาไปแล้วเขาทานอิ่มท้องเรามีความสุข”
ภูมิใจเคยเป็นตัวแทนคนไทยถือพระบรมฉายาลักษณ์ที่ประเทศเกาหลี ขอทำความดียึดตามคำพ่อสอน
“พ่อแม่บุ๊คโก๊ะปลูกฝังมาตลอดเกี่ยวกับทุกเรื่องของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ ๙ ว่าท่านทรงงานหนักเพื่อประชาชน ตอนเราเรียนหนังสือเราก็ได้ซึมซับ เคยมีโอกาสได้เดินทางไปร่วมงานที่ประเทศเกาหลี แล้วเราเป็นตัวแทนคนไทยถือพระบรมฉายาลักษณ์ท่าน ทุกครั้งที่เราถือ คนเกาหลีเขาจะถามว่าเราถือรูปใคร เราก็บอกว่าเป็นพระมหากษัตริย์ของประเทศไทย เขาก็รู้สึกแปลกใจเพราะประเทศเขาไม่มีพระเจ้าแผ่นดิน ไม่มีพระมหากษัตริย์”
“สิ่งเหล่านี้มันไม่ได้แค่เป็นความภูมิใจต่อตัวเองเท่านั้น แต่เป็นความภูมิใจมาถึงองค์กร และครอบครัวด้วย สิ่งที่บุ๊คโก๊ะจะยึดต่อจากนี้คือการทำดีถวายในหลวง มันเป็นสิ่งที่ง่ายมาก ๆ ไม่ต้องลงทุนอะไร แต่ใช้จิตใต้สำนึกของเรา วันนี้ทุก ๆ คนเหมือนเจอวิกฤตไปพร้อม ๆ กัน เราก็คิดว่าเราจะจับมือร่วมใจผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกันได้ ซึ่งแน่นอนมันต้องใช้เวลา บุ๊คโก๊ะมั่นใจว่าพ่อจะเห็นว่าเราทำอะไรอยู่แน่นอน”
“เพื่อน ๆ ที่เกาหลี วันแรก ๆ พอทราบข่าวเราก็ลงรูปขาวดำ ลงภาพท่านเยอะ เขาก็ตกใจว่าเราเป็นอะไร เขาถามว่าประเทศยูเกิดอะไรขึ้น ทำไมตอนนี้คนประเทศยูถึงเป็นสีขาวดำกันไปหมด มันเกิดอะไรขึ้น เราก็พยายามอธิบายว่าตอนนี้คนในประเทศไทยกำลังโศกเศร้าเสียใจอยู่ เขาก็น่ารัก เขาก็ขึ้นรูปแสดงความอาลัยกับเราด้วย เรารู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้เราทำให้ต่างชาติเห็นได้ว่าเรามีพ่อหลวงที่ดีมาก ๆ พ่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก ๆ ทั้งประเทศยังไงบ้าง”
ยึดคำสอนของพ่อหลวง ใช้ชีวิตพอเพียง
“คำสอนพ่อที่ใกล้ตัวมากที่สุดคือรู้รักสามัคคี ใช้ชีวิตแบบพอเพียง หลายคนว่าดาราหรือจะใช้ชีวิตพอเพียง อาจจะแค่พูดออกไปรึเปล่าให้คนเห็นภาพว่าดี สำหรับตัวบุ๊คโก๊ะแล้วบ้านเราเป็นครอบครัวข้าราชการที่มีฐานะปานกลาง ไม่ได้ร่ำรวย เขาก็จะสอนให้เราเป็นคนมัธยัสถ์ เก็บออม ๆ อยากได้อะไรก็ต้องเก็บเงินซื้อเอง สิ่งเหล่านี้พ่อแม่สอนนั้นเป็นพระราชดำรัสของในหลวงทั้งสิ้น เราได้นำมาใช้ในชีวิตจริง ๆ แล้วจะนำมาใช้ต่อไป แล้วจะทำอย่างนี้และทำดีต่อไป จะทำดีหรือไม่นั้นแม้ไม่มีใครเห็น แต่เรารู้อยู่ในใจว่าเราเป็นเช่นไร บุ๊คโก๊ะเชื่อว่าทุกวันนี้บุ๊คโก๊ะได้ทำดีเพื่อถวายในหลวง และคนอื่นก็ทำเช่นกัน อยากจะให้พ่อรู้ว่าเราทำกันได้จริง ๆ”
แคนเซิลงานพิธีกร-อีเวนต์ร่วม 50 ไม่เสียดายเงิน ไม่ต้องมีใครบอก ต้องรู้ด้วยจิตสำนึก
“ตอนแรกตกใจเหมือนกันนะคะ เราทำงานทุกวัน ๆ 7 วันมาตลอด ทั้งรายการ ละคร อีเวนต์ งานสายเราก็จะเน้นเอ็นเตอร์เทนคนให้สนุกสนาน พอเรื่องนี้มันเกิดขึ้นเราก็ต้องนึกถึงส่วนรวม เราต้องให้ความร่วมมือ ก็เลยจะรับงานอีกทีเป็นปีหน้าเลยค่ะ”
“แคนเซิลไปทั้งหมดเกือบ 50 งาน งานก็คุยกันทั้ง 2 ฝ่ายว่ายังไม่เหมาะสม อย่างที่บอกเราเป็นพิธีกรที่ต้องให้ความบันเทิง ในงานวิทยุเองที่เราจัดอยู่ ซึ่งบันเทิงมาก ๆ ตอนนี้ก็เปลี่ยนมาออกอากาศพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านแทน แม้งานจะหายไปแต่เราไม่ได้รู้สึกกระทบอะไรมากมาย มันคือสิ่งที่เราจะต้องทำ อาจจะรู้สึกว่างบ้างก็ไม่เป็นไร ก็หาอย่างอื่นทำไป อย่างมาช่วยพี่น้องที่สนามหลวงก็โอเค คิดว่าคงจะมาสนามหลวงให้ได้เกือบทุกวันที่ว่าง”
“แต่เดี๋ยวจะไปเกาหลี ซึ่งแพลนไว้นานแล้ว ไปเราก็คงสงบสติอารมณ์นิดหนึ่ง รูปเฮฮาอะไรคงจะงด คิดว่าสิ่งเหล่านี้มันไม่ต้องมีใครมาบอกว่าเราจะต้องทำอะไร ต้องเป็นยังไง คิดว่ามันอยู่ที่จิตใต้สำนึกของคนมากกว่า เราจะไปบังคับให้คนนั้นคนนี้ทำแบบเรารู้สึกแบบเราคงไม่ได้ ต้องเริ่มจากที่ตัวเองก่อน เราไม่รู้สึกเสียดายเงิน เรามองว่ามันเป็นสิ่งที่เราควรจะทำ บุ๊คโก๊ะเชื่อว่า ดารานักแสดงทุกคนก็คิดแบบนี้ ช่วงนี้เห็นดาราหลายคนมาช่วยเหลือสังคมในท้องสนามหลวง เป็นเรื่องที่ดีมาก ประชาชนจะได้เห็นว่าอย่างน้อยดาราก็ทำประโยชน์เพื่อสังคมกับเขาเหมือนกัน”
“อยากบอกท่านว่าไม่ต้องทรงเป็นห่วงอะไร คนไทยรักกันมาก ๆ บุ๊คโก๊ะเองก็จะยืนยันว่าจะทำดีถวายในหลวงเพราะมันเป็นเรื่องง่าย ๆ ใกล้ตัว ทำดีไม่ต้องอายใคร”