xs
xsm
sm
md
lg

เราจะเป็นลูกที่ดี ทำตาม “คำพ่อสอน”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ขอให้ลูกเป็นคนดี” คือสิ่งสำคัญเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น ที่ผู้เป็นร่มโพธิร่มไทรของครอบครัว หวังให้ลูกไม้ ไม่ว่าจะหล่นใกล้หรือไกลต้น ผลิดอกออกมาเป็น “ผลดี” ให้ท่านมองเห็นแล้วชื่นใจ ให้สมกับที่เฝ้าเพียรใส่ปุ๋ยรดน้ำพรวนดินลงไป...
เฉกเช่นเดียวกับความอิ่มเอมพระทัยใน “พระผู้เป็นร่มโพธิ์ร่มไทยแห่งสยาม” ที่จะเบ่งบานขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อเห็น “ลูกหลานชาวไทย” น้อมนำ “คำพ่อสอน” มาจารึกไว้ในดวงใจ แล้วหยิบมาใช้เดินตามรอยพ่อ เพื่อให้พระบรมราโชวาทศักดิ์สิทธิ์ในองค์ “พ่อหลวง” ทรงแผ่ร่มเงาแก่ผืนแผ่นดินไทยได้ร่มเย็นไปตลอดกาล...

ธรรมะฉบับ "พ่อหลวง"

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระองค์ทรงรอบรู้ธรรมะอย่างแตกฉาน ลุ่มลึก ทรงบำเพ็ญสมาธิวิปัสสนาภาวนาอย่างสม่ำเสมอ ดังพระราชดำรัสในโอกาสที่คณะผู้แทนพุทธสมาคมทั่วประเทศเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิตาลัย วันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ.2523 ซึ่งมีความบางตอนที่ได้ทรงอรรถาธิบายถึงเรื่องการปฏิบัติในพุทธศาสนา โดยเฉพาะในเรื่องของ "สมาธิ" ไว้ดังนี้
"...สมาธิเรามีอยู่ทุกคน เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เราทำสมาธิได้ เพราะเหตุว่าเราได้ทำมาแล้ว เราทำมาถึงเกิดมาเป็นมนุษย์ เมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์ก็มีความดีอยู่ในตัว ความชั่วมี แล้วก็โดยมากใครๆ ก็ว่า มนุษย์มีกิเลส มีความชั่วเลวทรามต่างๆ ต้องขัดเกลา เราก็หัวหดเลย แต่ว่าความจริงไม่เป็นเช่นนั้น คือความจริงทั้งหมดที่ครบถ้วนไม่เป็นเช่นนั้น
ความจริงเรามีความเลวทรามชั่วในตัวทุกคน มากหรือน้อย โดยมากก็มาก และเรามีความดีทุกคนมากหรือน้อย แต่โดยมากก็น้อย อย่างไรก็ตามมีน้อยๆ นี่มันเป็นทุนเดิมทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าเราไม่มี ทุกคนสามารถที่จะปฏิบัติงานของธรรมนี้ได้ทุกๆ คน ไม่เว้นสักคน แต่ว่าจะต้องหาหรือขุดความดีที่เรามีเป็นทุนเดิมนี้ มาทำให้เกิดความดีเพิ่มขึ้น ฉะนั้นก็ใช้สมาธิที่มีอยู่เดิม อาจจะสมาธิแย่ๆ ก็ได้ แต่ว่าเป็นสมาธิ
สมาธิจะกระตุ้นทำให้เกิดสมาธิที่ดีขึ้น ฉะนั้น สมาธิที่ดีขึ้นนั้นก็มีได้ทุกคน ก็อาศัยความเพียร ความอดทน ที่อาจมีสมาธินี้ ก็เปรียบเทียบได้กับไฟฉายเล็กๆ หรือไม้ขีดไฟริบหรี่ ไฟริบหรี่นั้นก็สามารถที่จะใช้อันนี้สำหรับไปทำให้สมาธิใหญ่ขึ้น ดีขึ้น อันนี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรมเพื่อให้ได้สมาธิ..."



สอดรับกับพระราชดำรัสพระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาสขึ้นปีใหม่ 2524 เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.2523 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพื้นฐานของ "สมาธิ" ที่หากทุกคนมีจิตใจอันสงบ หนักแน่น ไม่กวัดแกว่งไปตามกระแสของอารมณ์ ย่อมนำพาชีวิต และประเทศชาติไปสู่ความเจริญงอกงาม
"...การตั้งใจให้ถูกนั้น คือทำจิตใจให้สงบหนักแน่น ไม่วู่วาม ไม่ปล่อยให้อคติต่างๆ เข้าครอบงำได้โดยง่าย ฝึกหัดคิดพิจารณาเรื่องราวและปัญหาทั้งปวงด้วยความละเอียดรอบคอบ ด้วยใจบริสุทธิ์เป็นกลางเสมอทุกครั้งให้เป็นนิสัย อันเป็นวิธีที่จะช่วยให้เกิดปัญญา สามารถคิดวินิจฉัยได้โดยกระจ่าง แจ่มแจ้ง และปฏิบัติแก้ไขได้ถูกต้องเที่ยงตรง
การที่มีความคิดจิตใจกระจ่างแจ่มแจ้ง และหนักแน่นอยู่เสมอ จัดเป็นคุณธรรมสำคัญประการหนึ่งของแต่ละบุคคล เป็นเครื่อง นำพาบุคคลให้ประสบความเจริญสวัสดี และคุณธรรมของแต่ละคนนี้ เมื่อรวมกันเข้า ย่อมจะเกิดเป็นคุณธรรมของชาติ และย่อมจะนำพาประเทศชาติให้บรรลุถึงความเจริญสวัสดีได้ดุจเดียวกัน..."

“พอเพียง อดทน สามัคคี” ตามรอยเท้าพ่อ

"คำว่าพอเพียงนี้ มีความหมายว่า มีกินมีอยู่ ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่หรูหราก็ได้ แต่ว่าพอ แม้บางอย่างอาจจะดูฟุ่มเฟือย แต่ถ้าทำให้มีความสุข ถ้าทำได้ก็สมควรที่จะทำ สมควรที่จะปฏิบัติ แต่ว่าต้องไม่ไปเบียดเบียนคนอื่น…"
พระกระแสรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถึงเรื่องความพอเพียง ที่พระองค์ทรงวางแนวทางการปฏิบัติตนไว้เพื่อให้ประชาชนสามารถทำกินอย่างยั่งยืน พึ่งพาตนเองได้ และดำรงอยู่ได้ภายใต้การเปลี่ยนแปลงของโลกยุคปัจจุบัน



พระราชกรณียกิจชิ้นสำคัญ ที่เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาชาวไทยและคนทั้งโลก คือ “โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่และเศรษฐกิจพอเพียง” คือการแบ่งพื้นที่น้ำ พื้นที่ทำนา พื้นที่ทำไร่ และพื้นที่สำหรับที่อยู่อาศัยและเลี้ยงสัตว์ ในสัดส่วน 3:3::3:1 ที่พระองค์พระราชทานให้กับประชาชนเพื่อเป็นแนวทางในการจัดสรรพื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ยังมีการถ่ายทอดแนวทางนี้ไปยังประเทศที่กำลังพัฒนาต่างๆ ได้ประยุกต์ใช้ได้
ไม่เพียงสอนให้ประชาชนนำความพอเพียงมาปรับใช้เท่านั้น พระองค์เองยังทรงเป็นตัวอย่างแห่งความพอเพียง หลายคนคงคุ้นตากันดีกับภาพหลอดยาสีฟันที่ถูกรีดจนแบนราวกับกระดาษ ที่ถูกนำมาจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑ์ในคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คือหลอดยาสีพระทนต์พระราชทาน ที่ทรงใช้จนอย่างคุ้มค่า คือตัวอย่างหนึ่งของความประหยัดและพอเพียงของพระองค์ที่แท้จริง
นอกจากความพอเพียงแล้ว อีกคำสอนหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือเรื่องของความอดทน อดกลั้น ในการปฏิบัติงานทั้งหลาย แน่นอนว่าไม่มีทุกงานที่สำเร็จราบรื่นโดยปราศจากอุปสรรค พระบรมราโชวาทพระราชทานแก่คณะครูและนักเรียน ในโอกาสเข้าเฝ้าฯ ณ อาคารใหม่ สวนอัมพร เมื่อวันที่ 27 ต.ค.2516 มีใจความตอนหนึ่งกล่าวถึงเรื่องของความอดทนไว้
“...การสร้างสรรค์ตนเอง การสร้างบ้านเมืองก็ตาม มิใช่ว่าสร้างในวันเดียว ต้องใช้เวลา ต้องใช้ความเพียร ต้องใช้ความอดทนเสียสละ แต่สำคัญที่สุดคือความอดทน คือไม่ย่อท้อ ไม่ย่อท้อในสิ่งที่ดีงาม สิ่งที่ดีงามนั้นทำมันน่าเบื่อ บางทีเหมือนว่าไม่ได้ผล ไม่ดัง คือดูมันครึทำดีนี่ แต่ขอรับรองว่าการทำให้ดีไม่ครึ ต้อต้องมีความอดทน เวลาข้างหน้าจะเห็นผลแน่นอนในความอดทนของตน ในความเพียรของตน...”
หากลูกหลานทุกคน เข้าถึงแก่นแท้ “คำพ่อสอน” แล้วไซร้ ไม่ว่าจะเดินตามรอยเท้าพ่ออยู่ในบทบาทหน้าที่ใดๆ ความตั้งมั่นบนหนทางที่เลือกอย่างเต็มภาคภูมิ ย่อมส่งให้กลายเป็น “ลูกไม้ใกล้ต้น” ได้อย่างไม่ยากนัก



และหาก “ลูกของพ่อ” ทุกคนร่วมประสานมือเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว พลังความสำเร็จจากหัวใจเพียงหนึ่ง จะรวมเป็นสิบ เป็นพัน เป็นล้าน กระทั่งเป็นปึกแผ่นเดียวภายใต้ 65 ล้านใจ ด้วยแรง “สามัคคี” อย่างที่ “พ่อหลวงแห่งแผ่นดิน” พระองค์นี้ทรงตรัสสอนไว้เสมอๆ
ดังเช่นพระราชดำรัสที่พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคล ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต วันที่ 4 ธ.ค.2536 และ พระราชดำรัสตอบพระบรมวงศานุวงศ์และพสกนิกรขาวไทย ณ สีหบัญชร ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต วันที่ 5 ธันวาคม 2555
"...ถ้าหากว่า คนหนึ่งมีหน้าที่อย่างหนึ่งอย่างใด ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องมีหน้าที่เหมือนกัน แต่ก็ต้องสอดคล้องกัน เพื่อให้งานส่วนรวมนั้นดำเนินไปได้ดี ถ้าอยู่ในหมู่คณะเดียวกัน หรือในคณะทำงานเดียวกัน ก็จะต้องให้สอดคล้องกัน เพื่อให้งานที่ทำนั้นมีประสิทธิภาพสูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้..."
“…ความปรารถนาดี และความพร้อมเพรียงกันของทุกคน อย่างที่ได้เห็นในวันนี้ ทำให้ข้าพเจ้าปลื้มใจ มีกำลังใจมากขึ้น มีความเชื่อเสมอว่า ความเมตตา ปรารถนาดีของท่านนี้ เป็นปัจจัยอย่างสำคัญ ที่จะทำให้ความพร้อมเพรียงให้เกิดขึ้น มีขึ้นทั้งในหมู่คณะ และในชาติบ้านเมือง
แต่ถ้าคนไทยเรายังมีคุณธรรมอันนี้อยู่ในจิตใจ ก็มีความหวังได้ว่า บ้านเมืองไทยไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดๆ ก็จะอยู่รอดปลอดภัย และธำรงมั่นคงต่อไป ได้ตลอดรอดฝั่ง อย่างแน่นอน ขออำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จงคุ้มครองรักษาท่าน รักษาชาติไทย ให้มีแต่ความผาสุกร่มเย็น ตลอดไป…”

ขอบคุณภาพประกอบ : เฟซบุ๊ก “Sarawut Itsaranuwut”




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น